พรรคภูฏาน ยูไนเต็ด ปาร์ตี้ภายใต้การนำของอดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย คว้าชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของภูฏานวานนี้ (24) ซึ่งนับเป็นการสิ้นสุดระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของราชวงศ์วังชุกที่ปกครองภูฏานมายาวนานกว่า 1 ศตวรรษ
คณะกรรมการการเลือกตั้งของภูฏานได้ประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งปรากฎว่า พรรคภูฏาน ยูไนเต็ด ปาร์ตี้ (ดีพีที) เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย โดยได้ที่นั่งทั้งหมด 44 ที่นั่งจาก 47 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร หลังการขับเคี่ยวอย่างดุเดือดกับพรรคการเมืองคู่แข่งอย่างพรรคประชาธิปไตยประชาชน (พีดีพี) โดยมีประชาชนเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์จากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง 318,000 คน พร้อมใจออกมาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งครั้งสำคัญดังกล่าว
การเลือกตั้งครั้งนี้ทำให้จิกมี ทินลีย์ หัวหน้าพรรคดีพีที และอดีตนายกรัฐมนตรี วัย 56 ปี ผู้สำเร็จการศึกษาจากสหรัฐฯ ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากชนชั้นสูงของภูฏาน และยังเป็นผู้ช่วยนำแนวทางความสุขมวลรวมของประเทศของกษัตริย์จิกมี ซิงเย วังชุก มาพัฒนาประเทศ กำลังจะก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของภูฏานที่มาจากการเลือกตั้ง
“พรรครู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เพราะผลการเลือกตั้งที่ออกมาดีเกินกว่าที่คาดไว้มาก” พาลเดน เชริง โฆษกพรรคดีพีทีกล่าว
ขณะที่พรรคพีดีพีซึ่งนำโดยซันเกย์ เงดัป อดีตรัฐมนตรีกระทรวงเกษตร สาธารณสุขและการศึกษาหลายสมัย และยังเป็นพระปิตุลาของกษัตริย์จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ต้องกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งดังกล่าว
ด้านนักวิเคราะห์ มองว่า ชัยชนะของทินเลย์มาจากความใกล้ชิดกับประชาชน โดยเฉพาะคนยากจน ขณะที่ความเป็นสมาชิกราชวงศ์กลับกลายเป็นข้อเสียเปรียบของเงดัป
ทั้งนี้การเลือกตั้งของภูฏานมีขึ้นตามพระประสงค์ของกษัตริย์ราชวงศ์วังชุก ซึ่งต้องการเห็นภูฏานเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตยดังกล่าว
คณะกรรมการการเลือกตั้งของภูฏานได้ประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งปรากฎว่า พรรคภูฏาน ยูไนเต็ด ปาร์ตี้ (ดีพีที) เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย โดยได้ที่นั่งทั้งหมด 44 ที่นั่งจาก 47 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร หลังการขับเคี่ยวอย่างดุเดือดกับพรรคการเมืองคู่แข่งอย่างพรรคประชาธิปไตยประชาชน (พีดีพี) โดยมีประชาชนเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์จากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง 318,000 คน พร้อมใจออกมาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งครั้งสำคัญดังกล่าว
การเลือกตั้งครั้งนี้ทำให้จิกมี ทินลีย์ หัวหน้าพรรคดีพีที และอดีตนายกรัฐมนตรี วัย 56 ปี ผู้สำเร็จการศึกษาจากสหรัฐฯ ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากชนชั้นสูงของภูฏาน และยังเป็นผู้ช่วยนำแนวทางความสุขมวลรวมของประเทศของกษัตริย์จิกมี ซิงเย วังชุก มาพัฒนาประเทศ กำลังจะก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของภูฏานที่มาจากการเลือกตั้ง
“พรรครู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เพราะผลการเลือกตั้งที่ออกมาดีเกินกว่าที่คาดไว้มาก” พาลเดน เชริง โฆษกพรรคดีพีทีกล่าว
ขณะที่พรรคพีดีพีซึ่งนำโดยซันเกย์ เงดัป อดีตรัฐมนตรีกระทรวงเกษตร สาธารณสุขและการศึกษาหลายสมัย และยังเป็นพระปิตุลาของกษัตริย์จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ต้องกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งดังกล่าว
ด้านนักวิเคราะห์ มองว่า ชัยชนะของทินเลย์มาจากความใกล้ชิดกับประชาชน โดยเฉพาะคนยากจน ขณะที่ความเป็นสมาชิกราชวงศ์กลับกลายเป็นข้อเสียเปรียบของเงดัป
ทั้งนี้การเลือกตั้งของภูฏานมีขึ้นตามพระประสงค์ของกษัตริย์ราชวงศ์วังชุก ซึ่งต้องการเห็นภูฏานเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตยดังกล่าว