นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 เมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ถดถอยเป็นการปรับลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยคาดไว้ก่อนหน้านี้ร้อยละ 1 เนื่องจากเฟดยังคงเป็นห่วงภาวะเงินเฟ้อและรอดูผลของการลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้วก่อนหน้านี้ ส่วนอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศคงจะต้องรอการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 9 เมษายนนี้ ซึ่งเชื่อว่า กนง.คงดูแลอยู่แล้ว แต่ยอมรับว่า ส่วนต่างดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่อยู่ที่ร้อยละ 3.25 ขณะที่เฟดอยู่ที่ร้อยละ 2.25 กว้างเกินไป ซึ่งอาจจะมีผลต่อเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าประเทศไทย และทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น โดยคิดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงจะดูแลอยู่แล้ว เพื่อให้เงินบาทเคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินสกุลประเทศคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า เฟดคงลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก โดยคาดว่า สิ้นปีนี้อาจจะลดลงเหลือร้อยละ 1 เพราะปัญหาซับไพรม์เป็นปัญหาหนักที่กระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ จนธนาคารกลางต้องเข้ามาดูแล
ส่วนผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย นายปกรณ์กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยคงมีความผันผวนมาก แต่ภาพรวมตลาดหุ้นจะดีขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะทำให้มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนมาสู่ตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้น ซึ่งตลาดหุ้นไทยคงได้รับผลดีตามไปด้วย เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้จะออกมาดี
ส่วนผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย นายปกรณ์กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยคงมีความผันผวนมาก แต่ภาพรวมตลาดหุ้นจะดีขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะทำให้มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนมาสู่ตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้น ซึ่งตลาดหุ้นไทยคงได้รับผลดีตามไปด้วย เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้จะออกมาดี
