นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเตรียมการเยือนสหภาพพม่า โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง และภายหลังการประชุม พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี และคณะ จะออกเดินทางในวันศุกร์ที่ 14 มีนาคม เวลา 07.45 น. ด้วยเครื่องบินพิเศษซี 130 ออกจากท่าอากาศยานทหาร ไปยังเมืองเนย์ปีดอ โดยเมื่อเดินทางถึง พล.อ.เต็ง เส่ง นายกรัฐมนตรีพม่า ให้การต้อนรับ พร้อมตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ จากนั้นนายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเข้าเยี่ยมคาวะ พล.อ.อาวุโส ตัน ฉ่วย ประธาน SPDC ก่อนที่จะหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีพม่า และร่วมรับปะทานอาหารกลางวัน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เวลา 15.00 น. นายกรัฐมนตรีจะเดินทางต่อไปยังกรุงย่างกุ้ง เพื่อเปิดที่ทำการสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงย่างกุ้ง โอกาสนี้จะได้พบปะคณะทูต ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศที่มาร่วมงานมอบนโยบายทีมไทยแลนด์ และหารือกับนักธุรกิจ รวมถึงพบกับชุมชนไทยในพม่า และในเวลา 17.45 น. นายกรัฐมนตรี และคณะ จะเดินทางไปสักการะมหาเจดีย์ชเวดากอง ก่อนที่จะร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ทำเนียบเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ก่อนที่จะเดินทางกลับถึงประเทศไทยในเวลา 21.45 น.
พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวว่า การเดินทางเยือนประเทศพม่า ของนายกรัฐมนตรี มีวัตถุประสงค์เพื่อไปแนะนำตัวหลังจากที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยประเด็นที่จะหยิบยกขึ้นมาหารือคือ การสานต่อความร่วมมือด้านพลังงานก๊าซ และเขื่อน ส่วนประเด็นอื่นๆ ทั้งเรื่องกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยในพม่า เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน และเรื่องชนกลุ่มน้อย จะไม่มีการหยิบยกมาหารือ เพราะถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่คาดว่าน่าจะมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าไปหารือในระหว่างการประชุมอาเซียนซัมมิท
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เวลา 15.00 น. นายกรัฐมนตรีจะเดินทางต่อไปยังกรุงย่างกุ้ง เพื่อเปิดที่ทำการสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงย่างกุ้ง โอกาสนี้จะได้พบปะคณะทูต ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศที่มาร่วมงานมอบนโยบายทีมไทยแลนด์ และหารือกับนักธุรกิจ รวมถึงพบกับชุมชนไทยในพม่า และในเวลา 17.45 น. นายกรัฐมนตรี และคณะ จะเดินทางไปสักการะมหาเจดีย์ชเวดากอง ก่อนที่จะร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ทำเนียบเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ก่อนที่จะเดินทางกลับถึงประเทศไทยในเวลา 21.45 น.
พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวว่า การเดินทางเยือนประเทศพม่า ของนายกรัฐมนตรี มีวัตถุประสงค์เพื่อไปแนะนำตัวหลังจากที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยประเด็นที่จะหยิบยกขึ้นมาหารือคือ การสานต่อความร่วมมือด้านพลังงานก๊าซ และเขื่อน ส่วนประเด็นอื่นๆ ทั้งเรื่องกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยในพม่า เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน และเรื่องชนกลุ่มน้อย จะไม่มีการหยิบยกมาหารือ เพราะถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่คาดว่าน่าจะมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าไปหารือในระหว่างการประชุมอาเซียนซัมมิท
