นายไพฑูรย์ เนติโพธิ์ ประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนกรณีนายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น กล่าวหาพรรคพลังประชาชน เป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย เปิดเผยว่า ได้นำผลการสอบสวนและผลสรุปของอนุกรรมการฯ เสนอต่อกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ คาดว่า กกต.จะนำเข้าที่ประชุมสัปดาห์หน้า ส่วนสาเหตุที่อนุกรรมการฯ สรุปผลช้า เพราะต้องการความชัดเจน ทำให้ต้องมีการสอบพยานหลายปาก อย่างไรก็ตาม การสรุปผลของอนุกรรมการฯ ได้อ้างรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.พ.ร.บ.พรรคการเมือง เพราะในกฎหมายไม่มีการบัญญัติความหมายของคำว่า "นอมินี" จึงต้องอาศัยการกระทำเป็นตัวชี้วัด
นายไพฑูรย์ กล่าวว่า ไม่ขอบอกว่าอนุกรรมการฯ มีความเห็นว่าอย่างไร และไม่ได้เป็นการบอกว่าพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทยหรือไม่ แต่เป็นการแปลเจตนา และการกระทำของพรรคพลังประชาชน ว่าผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ เช่น การใช้วีซีดีของอดีตนายกรัฐมนตรี มาสนับสนุนการหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัคร รวมถึงการนำเอาคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พูดระหว่างอยู่ที่ฮ่องกงว่า หากรักพรรคไทยรักไทยก็ขอให้เลือกพรรคพลังประชาชน มาเผยแพร่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง และนโยบายของพรรคไทยรักไทย ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยสั่งยุบพรรคไปแล้ว มาใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงของพรรคพลังประชาชน มาพิจารณาว่าทำได้หรือไม่ และผิดกฎหมายหรือไม่
ทั้งนี้ เมื่อคณะอนุกรรมการฯ ลงความเห็นแล้ว ได้ปิดผนึกเอกสารสำนวนสรุปที่จะนำส่งให้กับ กกต. พร้อมกับตกลงในอนุกรรมการฯ ว่าห้ามเผยแพร่ผลสรุปให้กับบุคคลอื่นทราบ แม้แต่ กกต.ได้ทราบจากเอกสารที่นำเสนอ เนื่องจากเห็นว่า เรื่องนี้มีผลกระทบในหลายด้าน รวมไปถึงกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร
นายไพฑูรย์ กล่าวว่า ไม่ขอบอกว่าอนุกรรมการฯ มีความเห็นว่าอย่างไร และไม่ได้เป็นการบอกว่าพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทยหรือไม่ แต่เป็นการแปลเจตนา และการกระทำของพรรคพลังประชาชน ว่าผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ เช่น การใช้วีซีดีของอดีตนายกรัฐมนตรี มาสนับสนุนการหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัคร รวมถึงการนำเอาคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พูดระหว่างอยู่ที่ฮ่องกงว่า หากรักพรรคไทยรักไทยก็ขอให้เลือกพรรคพลังประชาชน มาเผยแพร่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง และนโยบายของพรรคไทยรักไทย ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยสั่งยุบพรรคไปแล้ว มาใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงของพรรคพลังประชาชน มาพิจารณาว่าทำได้หรือไม่ และผิดกฎหมายหรือไม่
ทั้งนี้ เมื่อคณะอนุกรรมการฯ ลงความเห็นแล้ว ได้ปิดผนึกเอกสารสำนวนสรุปที่จะนำส่งให้กับ กกต. พร้อมกับตกลงในอนุกรรมการฯ ว่าห้ามเผยแพร่ผลสรุปให้กับบุคคลอื่นทราบ แม้แต่ กกต.ได้ทราบจากเอกสารที่นำเสนอ เนื่องจากเห็นว่า เรื่องนี้มีผลกระทบในหลายด้าน รวมไปถึงกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร