ภายในสิ้นปีนี้ ประชากรครึ่งหนึ่งของโลกจะอาศัยอยู่ในเมือง นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ รายงานขององค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) เผยแพร่เมื่อวันอังคาร(26) ระบุ
ตามข้อมูลของรายงานฉบับดังกล่าว ภายในปี 2050 คน 6,400 ล้านคนจะอาศัยอยู่ตามตัวเมือง เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่ 3,300 ล้านคน และคาดว่า ประชากรรวมของโลกจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 9,200 ล้านคนในปี 2050 จากปัจจุบันอยู่ที่ 6,700 ล้านคน
ภูมิภาคที่พัฒนาแล้ว ซึ่งก็คือ ยุโรป อเมริกาเหนือ และโอเชียเนีย มีประชากรในเมืองสูงกว่าในชนบทมาก ทวีปละตินอเมริกาและแถบแคริบเบียนก็เช่นเดียวกัน ส่วนทวีปแอฟริกาและเอเชียไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่มีจำนวนประชากรคิดเป็นส่วนมากของโลก
ในขณะที่การเกิดเมืองใหญ่เพิ่มมากขึ้น คาดว่าประชากรในชนบทจะเริ่มลดลงในราวๆ 10 ปี และน่าจะลดลงเหลือ 2,800 ล้านคน ในปี 2050 จาก 3,400 ล้านคนในปี 2007
ทวีปเอเชียและแอฟริกาจะยังคงมีพื้นที่ชนบทเป็นส่วนใหญ่ แต่ประชากรในเมืองจะขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สิบปีข้างหน้า ตอนนี้ทั้งสองทวีปมีประชากรในเมืองประมาณ 40% และอยู่ในชนบทประมาณ 60%
ตามข้อมูลของรายงานฉบับดังกล่าว ภายในปี 2050 คน 6,400 ล้านคนจะอาศัยอยู่ตามตัวเมือง เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่ 3,300 ล้านคน และคาดว่า ประชากรรวมของโลกจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 9,200 ล้านคนในปี 2050 จากปัจจุบันอยู่ที่ 6,700 ล้านคน
ภูมิภาคที่พัฒนาแล้ว ซึ่งก็คือ ยุโรป อเมริกาเหนือ และโอเชียเนีย มีประชากรในเมืองสูงกว่าในชนบทมาก ทวีปละตินอเมริกาและแถบแคริบเบียนก็เช่นเดียวกัน ส่วนทวีปแอฟริกาและเอเชียไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่มีจำนวนประชากรคิดเป็นส่วนมากของโลก
ในขณะที่การเกิดเมืองใหญ่เพิ่มมากขึ้น คาดว่าประชากรในชนบทจะเริ่มลดลงในราวๆ 10 ปี และน่าจะลดลงเหลือ 2,800 ล้านคน ในปี 2050 จาก 3,400 ล้านคนในปี 2007
ทวีปเอเชียและแอฟริกาจะยังคงมีพื้นที่ชนบทเป็นส่วนใหญ่ แต่ประชากรในเมืองจะขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สิบปีข้างหน้า ตอนนี้ทั้งสองทวีปมีประชากรในเมืองประมาณ 40% และอยู่ในชนบทประมาณ 60%