นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กับ “ข่าวเช้า โมเดิร์นไนน์” ถึงข่าวการจะเดินทางกลับประเทศไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ว่า ไม่อยากมองในแง่ร้ายว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น อยากให้ทุกคนทุกฝ่ายช่วยกันทำอย่างไรให้บ้านเมืองเดินหน้า เพราะผ่านเหตุการณ์อะไรมามาก ประชาชนรอคอยการแก้ไขปัญหาต่างๆ มากกว่า รัฐบาลเองพยายามอย่าให้มีเงื่อนไขความรุนแรงปะทะกัน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนไทยมีสิทธิที่จะเดินทางกลับมาประเทศไทยเมื่อไรก็ได้ แต่หน้าที่ของทุกคนคือ ทำอย่างไรให้การกลับมาของอดีตนายกรัฐมนตรีไม่เป็นปัญหาของบ้านเมือง วิธีที่จะไม่ให้เป็นปัญหา คือ มาต่อสู้คดีความตามกระบวนการยุติธรรมอย่างตรงไปตรงมาตามปกติ ดังนั้น รัฐบาลเป็นฝ่ายที่มีหน้าที่สำคัญดูแลตรงนี้อย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ แสดงออกอย่างไรก็ได้ให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ยุ่งเกี่ยวหรือเลือกข้างกับเรื่องนี้ เอื้อคดีให้ใคร มีหน้าที่เพียงดูแลความเรียบร้อยต่างๆ เหมือนที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร เดินทางกลับก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าปัญหาความตึงเครียดที่เริ่มเกิดขึ้นมาจากเหตุการณ์บางเหตุการณ์ เช่น กรณีการย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งทำให้หลายฝ่ายที่เขาติดตามเรื่องเหล่านี้อยู่ มีความเคลือบแคลงใจว่าเกี่ยวข้องกับปัญหาคดีความอดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ รวมถึงบางเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสื่อมวลชน ซึ่งตนไม่อยากให้รัฐบาลเกิดปัญหาเรื่องเหล่านี้ อยากให้เอาเวลาไปแก้ปัญหาของแพง ยาเสพติด ภาคใต้ แต่กลับจะต้องมาติดขัดเรื่องเหล่านี้ จึงขอฝากรัฐบาลว่าทำอย่างไรให้เกิดความมั่นใจว่ากระบวนการทุกอย่างตรงไปตรงมา เป็นกลาง ถ้าไปแสดงท่าทีเป็นอย่างอื่นก็จะเป็นเงื่อนไข ขณะที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็มีสิทธิแสดงความคิดเห็นเคลื่อนไหวทางการเมืองภายใต้กรอบกฎหมาย แต่ทั้งนี้ อยากเรียกร้องทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรฯ หรือฝ่ายที่เชียร์อดีตนายกรัฐมนตรีก็ตาม ให้หลีกเลี่ยงความเคลื่อนไหวที่เสี่ยงต่อความรุนแรง และมีวุฒิภาวะของความเป็นสังคมประชาธิปไตย
นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการเข้าไปร่วมเคลื่อนไหวกับพันธมิตรฯ ของนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วนของพรรคฯ วานนี้ (25 ก.พ.) ตนไม่ทราบเรื่องมาก่อน เข้าใจว่าเป็นการนัดหมายคนที่เป็นอดีตแกนนำ แต่วันนี้จะมีการประชุม ส.ส. คาดว่าจะมีโอกาสคุยกับนายสมเกียรติ ถึงบทบาทจากนี้ไปว่าจะเป็นอย่างไร
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ตนอยากเห็นบรรยากาศการเดินทางประเทศไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง เพื่อต่อสู้คดีไปตามกระบวนการ ไม่อยากเห็นปัญหาความวุ่นวายหรือการเผชิญหน้าของมวลชน เพราะบ้านเมืองไม่สามารถรองรับวิกฤตต่างๆ ได้อีกแล้ว จึงอยากเรียกร้องทุกฝ่ายทำหน้าที่ตรงไปตรงมา เป็นเกราะกำบังสร้างความสมานฉันท์
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าปัญหาความตึงเครียดที่เริ่มเกิดขึ้นมาจากเหตุการณ์บางเหตุการณ์ เช่น กรณีการย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งทำให้หลายฝ่ายที่เขาติดตามเรื่องเหล่านี้อยู่ มีความเคลือบแคลงใจว่าเกี่ยวข้องกับปัญหาคดีความอดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ รวมถึงบางเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสื่อมวลชน ซึ่งตนไม่อยากให้รัฐบาลเกิดปัญหาเรื่องเหล่านี้ อยากให้เอาเวลาไปแก้ปัญหาของแพง ยาเสพติด ภาคใต้ แต่กลับจะต้องมาติดขัดเรื่องเหล่านี้ จึงขอฝากรัฐบาลว่าทำอย่างไรให้เกิดความมั่นใจว่ากระบวนการทุกอย่างตรงไปตรงมา เป็นกลาง ถ้าไปแสดงท่าทีเป็นอย่างอื่นก็จะเป็นเงื่อนไข ขณะที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็มีสิทธิแสดงความคิดเห็นเคลื่อนไหวทางการเมืองภายใต้กรอบกฎหมาย แต่ทั้งนี้ อยากเรียกร้องทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรฯ หรือฝ่ายที่เชียร์อดีตนายกรัฐมนตรีก็ตาม ให้หลีกเลี่ยงความเคลื่อนไหวที่เสี่ยงต่อความรุนแรง และมีวุฒิภาวะของความเป็นสังคมประชาธิปไตย
นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการเข้าไปร่วมเคลื่อนไหวกับพันธมิตรฯ ของนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วนของพรรคฯ วานนี้ (25 ก.พ.) ตนไม่ทราบเรื่องมาก่อน เข้าใจว่าเป็นการนัดหมายคนที่เป็นอดีตแกนนำ แต่วันนี้จะมีการประชุม ส.ส. คาดว่าจะมีโอกาสคุยกับนายสมเกียรติ ถึงบทบาทจากนี้ไปว่าจะเป็นอย่างไร
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ตนอยากเห็นบรรยากาศการเดินทางประเทศไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง เพื่อต่อสู้คดีไปตามกระบวนการ ไม่อยากเห็นปัญหาความวุ่นวายหรือการเผชิญหน้าของมวลชน เพราะบ้านเมืองไม่สามารถรองรับวิกฤตต่างๆ ได้อีกแล้ว จึงอยากเรียกร้องทุกฝ่ายทำหน้าที่ตรงไปตรงมา เป็นเกราะกำบังสร้างความสมานฉันท์