พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก ในฐานะผู้อำนวยการกองปฏิบัติการข่าวสาร กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า แนวร่วมก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้ง 13 คน ที่เจ้าหน้าที่ควคุมตัวได้เมื่อวานนี้ (9 ก.พ. ) ค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับผู้ก่อความไม่สงบ และหนึ่งในจำนวนนี้อยู่ในระดับแกนนำ ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การขยายผลในการรื้อโครงสร้างการปกครองในพื้นที่ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ในการตรวจพิสูจน์ได้ใช้เครื่องมือนิติวิทยาศาสตร์ การตรวจดีเอ็นเอ และการตรวจสารปนเปื้อนอย่างชัดเจนตามหลักกฎหมายก่อนที่จะมีการกล่าวหา และขณะนี้แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้เข้ามาช่วยในกระบวนการนี้กับกองทัพด้วย ซึ่งมาตรการควบคุมป้องกันในลักษณะปิดล้อมตรวจค้นเช่นนี้ เป็นมาตรการป้องกันการก่อเหตุร้ายที่ดีที่สุดในเวลานี้ และประชาชนยอมรับ ซึ่งจะเห็นว่าไม่มีการต่อต้าน
โฆษกกองทัพบก กล่าวอีกว่า คนร้ายพยายามใช้วิธีการทำลายเชิงสัญญลักษณ์ หรือการทำลายที่สร้างความเสียหายที่จะทำให้เกิดข่าวใหญ่ ข่าวดัง เพื่อแสดงศักยภาพ จะแทรกตัวอยู่กับองค์กรทางสังคมที่เข้มแข็ง เช่น สถาบันครอบครัว ด้วยการดึงลูกชายมาเป็นแนวร่วมโดยไม่ให้ผู้ปกครองรู้ เมื่อถูกเจ้าหน้าที่จับกุม พ่อแม่ก็จะออกมาเคลื่อนไหวปกป้อง หรือการแทรกตัวเข้าไปในสถานศึกษา หรือสถาบันทางศาสนา หากเจ้าหน้าที่เข้าไปปิดล้อมตรวจค้นแล้วไม่พบหลักฐาน คนร้ายก็จะอาศัยความบริสุทธิ์ของสถาบันตอบโต้เจ้าหน้าที่ และขณะนี้คนร้ายกำลังพยายามแทรกตัวเข้าไปในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังพยายามแยกแยะและแก้ปัญหา
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเป็นอุปสรรคที่จะกำจัดให้สิ้นซาก เพราะในระหว่างที่ยังไม่ได้ก่อเหตุ คนร้ายจะแฝงตัวอยู่กับผู้บริสุทธิ์ ซึ่งในการแก้ปัญหาต้องดำเนินการ 3 มาตรการ คือ ต้องหยุดการก่อเหตุ สร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้คนรุ่นใหม่ตกเป็นเหยื่อการปลุกระดมของคนร้าย และการสร้างสภาพแวดล้อมให้มีความเข้มแข็ง
โฆษกกองทัพบก กล่าวอีกว่า คนร้ายพยายามใช้วิธีการทำลายเชิงสัญญลักษณ์ หรือการทำลายที่สร้างความเสียหายที่จะทำให้เกิดข่าวใหญ่ ข่าวดัง เพื่อแสดงศักยภาพ จะแทรกตัวอยู่กับองค์กรทางสังคมที่เข้มแข็ง เช่น สถาบันครอบครัว ด้วยการดึงลูกชายมาเป็นแนวร่วมโดยไม่ให้ผู้ปกครองรู้ เมื่อถูกเจ้าหน้าที่จับกุม พ่อแม่ก็จะออกมาเคลื่อนไหวปกป้อง หรือการแทรกตัวเข้าไปในสถานศึกษา หรือสถาบันทางศาสนา หากเจ้าหน้าที่เข้าไปปิดล้อมตรวจค้นแล้วไม่พบหลักฐาน คนร้ายก็จะอาศัยความบริสุทธิ์ของสถาบันตอบโต้เจ้าหน้าที่ และขณะนี้คนร้ายกำลังพยายามแทรกตัวเข้าไปในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังพยายามแยกแยะและแก้ปัญหา
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเป็นอุปสรรคที่จะกำจัดให้สิ้นซาก เพราะในระหว่างที่ยังไม่ได้ก่อเหตุ คนร้ายจะแฝงตัวอยู่กับผู้บริสุทธิ์ ซึ่งในการแก้ปัญหาต้องดำเนินการ 3 มาตรการ คือ ต้องหยุดการก่อเหตุ สร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้คนรุ่นใหม่ตกเป็นเหยื่อการปลุกระดมของคนร้าย และการสร้างสภาพแวดล้อมให้มีความเข้มแข็ง
