ค่าเงินบาทเปิดตลาดแข็งค่าขึ้นจากเมื่อสัปดาห์ก่อน อยู่ที่ 32.90 - 32.91 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และแข็งค่ามากที่สุดทำสถิติใหม่ ที่ 32.88 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาทเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินทุกสกุลในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนมกราคม ลดลงถึง 17,000 คน ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี และเป็นปัจจัยบ่งชี้ว่าภาวะวิกฤตอสังหาริมทรัพย์และปัญหาด้านสินเชื่อ กำลังแพร่ขยายไปทั่วสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในตลาดหุ้นภาคเช้ากลับปรับตัวสูงขึ้นแทบทุกตลาดในเอเชียตามดัชนีดาวน์โจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อวันศุกร์ ขานรับข่าวบริษัท ไมโครซอฟต์ เสนอซื้อกิจการบริษัท ยาฮู โดยดัชนีนิกเกอิในตลาดหุ้นโตเกียว ปิดตลาดภาคเช้าพุ่งขึ้น 335 จุด และดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง เช้านี้ดัชนีพุ่งเพิ่มขึ้นไปถึง 900 กว่าจุด ส่วนตลาดหุ้นไทย เปิดตลาดดัชนีพุ่งขึ้นทันทีกว่า 14 จุด แต่ยังมีความผันผวนจากแรงเทขายหุ้นเพื่อทำกำไรระยะสั้น และนักลงทุนยังรอติดตามความชัดเจนคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ล่าสุดดัชนีหุ้นอยู่ที่ 818.70 จุด เพิ่มขึ้น 7.84 จุด ปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ 14,294 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในตลาดหุ้นภาคเช้ากลับปรับตัวสูงขึ้นแทบทุกตลาดในเอเชียตามดัชนีดาวน์โจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อวันศุกร์ ขานรับข่าวบริษัท ไมโครซอฟต์ เสนอซื้อกิจการบริษัท ยาฮู โดยดัชนีนิกเกอิในตลาดหุ้นโตเกียว ปิดตลาดภาคเช้าพุ่งขึ้น 335 จุด และดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง เช้านี้ดัชนีพุ่งเพิ่มขึ้นไปถึง 900 กว่าจุด ส่วนตลาดหุ้นไทย เปิดตลาดดัชนีพุ่งขึ้นทันทีกว่า 14 จุด แต่ยังมีความผันผวนจากแรงเทขายหุ้นเพื่อทำกำไรระยะสั้น และนักลงทุนยังรอติดตามความชัดเจนคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ล่าสุดดัชนีหุ้นอยู่ที่ 818.70 จุด เพิ่มขึ้น 7.84 จุด ปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ 14,294 ล้านบาท
