นางรัศมี วิศทเวทย์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (คคบ.) กล่าวว่า จากนี้ไปผู้ประกอบธุรกิจขายรถยนต์ใช้แล้วหรือรถยนต์มือสอง จะต้องจัดทำหลักฐานการชำระเงิน ซึ่งระบุชื่อ ที่อยู่ของผู้ขาย รายละเอียดของรถยนต์ และลายมือชื่อของผู้รับเงิน และที่สำคัญจะต้องมีการระบุว่า หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถส่งมอบรถยนต์และจดทะเบียนรถยนต์มือสองให้เป็นของผู้ซื้อได้ โดยมิได้เป็นความผิดของผู้ซื้อ ผู้ขายจะต้องคืนเงินให้กับผู้ซื้อ ซึ่งเป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เรื่อง ให้ธุรกิจการขายรถยนต์ใช้แล้วเป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ.2550 มีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2551
นางรัศมี กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาเคยมีปัญหาร้องเรียนว่ามีการซื้อขายรถยนต์มือสอง และเกิดปัญหาภายหลัง เช่น ไม่สามารถโอนรถยนต์ได้ ผู้ซื้อย้อนกลับไปหาผู้ขายก็หาไม่พบ เนื่องจากมีธุรกิจการเช่าช่วงเต็นท์นำรถไปวางขายและโยกย้ายสถานที่
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้คณะกรรมการว่าด้วยฉลาก สคบ.ได้ออกประกาศคณะกรรมการฯ ฉบับที่ 24 พ.ศ.2550 เรื่อง ให้รถยนต์ที่ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2550 ระบุไว้ว่าผู้ขายรถยนต์มือสองจะต้องติดฉลากหน้ารถ เพื่อบอกรายละเอียดของรถ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายสูงสุดจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยวันนี้ สคบ.ได้จัดสัมมนาเรื่อง "การควบคุมธุรกิจรถยนต์ที่ใช้แล้ว" เพื่อให้ข้อมูลและแนวทางปฏิบัติแก่ผู้ประกอบธุรกิจขายรถยนต์มือสอง มีผู้ประกอบการเข้าฟังประมาณ 100 คน
นางรัศมี กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาเคยมีปัญหาร้องเรียนว่ามีการซื้อขายรถยนต์มือสอง และเกิดปัญหาภายหลัง เช่น ไม่สามารถโอนรถยนต์ได้ ผู้ซื้อย้อนกลับไปหาผู้ขายก็หาไม่พบ เนื่องจากมีธุรกิจการเช่าช่วงเต็นท์นำรถไปวางขายและโยกย้ายสถานที่
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้คณะกรรมการว่าด้วยฉลาก สคบ.ได้ออกประกาศคณะกรรมการฯ ฉบับที่ 24 พ.ศ.2550 เรื่อง ให้รถยนต์ที่ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2550 ระบุไว้ว่าผู้ขายรถยนต์มือสองจะต้องติดฉลากหน้ารถ เพื่อบอกรายละเอียดของรถ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายสูงสุดจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยวันนี้ สคบ.ได้จัดสัมมนาเรื่อง "การควบคุมธุรกิจรถยนต์ที่ใช้แล้ว" เพื่อให้ข้อมูลและแนวทางปฏิบัติแก่ผู้ประกอบธุรกิจขายรถยนต์มือสอง มีผู้ประกอบการเข้าฟังประมาณ 100 คน
