นายอาซิส เบ็ญหาวัน ประธานที่ปรึกษาเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กสชต.) เปิดเผยภายหลังการเดินทางไปพบปะเยี่ยมเยียนนักศึกษาที่ประเทศอินโดนีเซีย ว่า จากการเดินทางไปพบปะนักศึกษาไทยที่ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 22 - 25 มกราคม 2551 ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับนักศึกษาไทยที่มาเรียนอยู่ที่อินโดนีเซีย โดยได้รับทราบข้อมูลทั้งเรื่องส่วนตัว การศึกษา และความเป็นอยู่ ซึ่งปัญหาส่วนหนึ่งที่นักศึกษาเป็นกังวลคือ เรื่องของความหวาดระแวงที่ข้าราชการและภาครัฐ มีกับนักศึกษาที่มาเรียนอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย ว่าจะมีส่วนร่วมกับขบวนการก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ รวมทั้งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน หลังจากจบการศึกษาได้เดินทางกลับไปยังประเทศไทย ซึ่งความคิดดังกล่าวไม่ใช่เพียงกระจายไปสู่กลุ่มนักศึกษาด้วยกันเอง แต่ยังมีกระจายไปสู่พลเรือนด้วย
ดังนั้น ภาครัฐคงต้องตั้งหน่วยงานขึ้นมา เพื่อรับผิดชอบโดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเร่งหาวิธีการไม่ให้ความรู้สึกนี้ ขยายไปมากขึ้น และยังต้องจัดกิจกรรม สร้างสัมพันธ์ทางด้านการศึกษา กีฬา และศาสนา อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้น และแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของภาครัฐ ที่จะไม่ทอดทิ้งนักศึกษาเหล่านี้ ที่มาเรียนอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย
นายอาซิส กล่าวต่อไปว่า กรณีที่เกิดเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทางนักศึกษาที่เรียนอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซียจะรับทราบทันที ดังนั้นภาครัฐจะต้องรีบนำเสนอข้อมูลทันที ก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะส่งมาเพื่อให้นักศึกษาที่เรียนอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย จะรับทราบข่าวทั้ง 2 ทาง และให้เขาพิจารณาว่าจะเชื่อใคร ซึ่งหลังจากที่ทางคณะได้แสดงออกถึงเจตนารมณ์ของการมาเยี่ยมเยือนครั้งนี้ นักศึกษาไทยที่อินโดนีเซียกล้าแสดงออก และกล้าพูดความจริงมากขึ้น และรัฐมีความเข้าใจจริงใจเชื่อว่า นักศึกษาเหล่านี้จะเป็นคนไทยอีกกลุ่มหนึ่ง ที่จะไปบอกสังคมและผู้ที่หลงผิด กลับเข้ามาสู่ระบบได้ไม่มากก้น้อย
ดังนั้น ภาครัฐคงต้องตั้งหน่วยงานขึ้นมา เพื่อรับผิดชอบโดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเร่งหาวิธีการไม่ให้ความรู้สึกนี้ ขยายไปมากขึ้น และยังต้องจัดกิจกรรม สร้างสัมพันธ์ทางด้านการศึกษา กีฬา และศาสนา อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้น และแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของภาครัฐ ที่จะไม่ทอดทิ้งนักศึกษาเหล่านี้ ที่มาเรียนอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย
นายอาซิส กล่าวต่อไปว่า กรณีที่เกิดเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทางนักศึกษาที่เรียนอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซียจะรับทราบทันที ดังนั้นภาครัฐจะต้องรีบนำเสนอข้อมูลทันที ก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะส่งมาเพื่อให้นักศึกษาที่เรียนอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย จะรับทราบข่าวทั้ง 2 ทาง และให้เขาพิจารณาว่าจะเชื่อใคร ซึ่งหลังจากที่ทางคณะได้แสดงออกถึงเจตนารมณ์ของการมาเยี่ยมเยือนครั้งนี้ นักศึกษาไทยที่อินโดนีเซียกล้าแสดงออก และกล้าพูดความจริงมากขึ้น และรัฐมีความเข้าใจจริงใจเชื่อว่า นักศึกษาเหล่านี้จะเป็นคนไทยอีกกลุ่มหนึ่ง ที่จะไปบอกสังคมและผู้ที่หลงผิด กลับเข้ามาสู่ระบบได้ไม่มากก้น้อย