นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายเรียกร้องให้เพิ่มการขาดดุลงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่า รัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาต้องพิจารณาถึงผลดีผลเสียให้รอบด้านว่าหากขาดดุลงบประมาณเพิ่มแล้วจะนำไปใช้จ่ายอย่างไร และจะเกิดผลต่อเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด ที่สำคัญต้องพิจารณาถึงฐานะการคลังด้วย เพราะตามรัฐธรรมนูญปี 2550 จะมีการให้สิทธิของประชาชนในหลายด้าน เช่น กรณีของผู้สูงอายุ ตามรัฐธรรมนูญใหม่ได้กำหนดสิทธิต่างๆ ไว้จำนวนมาก ดังนั้น จึงต้องพิจารณาภาพรวมว่าจะตั้งงบประมาณขาดดุลได้มากน้อยเพียงใด
ส่วนกรณีที่ภาคเอกชนเสนอลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น นายฉลองภพ กล่าวว่า ก็ต้องดูภาพรวมเช่นกันว่าฐานะการคลังของรัฐบาลเป็นอย่างไรจะสามารถปรับลดภาษีได้มากน้อยเพียงใด แม้เศรษฐกิจไทยขณะนี้พื้นฐานยังดีอยู่มาก แต่จากผลกระทบของสหรัฐที่เกิดขึ้นส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงมาก แต่เชื่อมั่นว่าเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลแล้วจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นดีขึ้น
สำหรับการหารือกับนายสมใจนึก เองตระกูล ประธานคณะกรรมการธนาคารทหารไทย และคณะผู้บริหารเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายฉลองภพ กล่าวว่า เป็นเพียงการรายงานความคืบหน้าเรื่องการเพิ่มทุนที่ได้ดำเนินการเสร็จไปแล้ว และจะต้องเดินหน้าอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะเรื่องการปรับเปลี่ยนผู้บริหาร ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามข้อตกลงที่ได้หารือไว้กับกลุ่มไอเอ็นจี ที่จะมีการหารือเรื่องผู้บริหารในสัปดาห์นี้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่อย่างไร จากนั้นเป็นเรื่องของโครงสร้างการบริหารที่ต้องทำให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น ส่วนกรณีของกรรมการผู้จัดการใหญ่ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการว่าจะทำอย่างไร แต่ทุกอย่างต้องโปร่งใส โดยต้องผ่านกระบวนการสรรหา ซึ่งกว่าจะแล้วเสร็จก็ต้องใช้เวลาอีก 2-3 เดือน
ส่วนกรณีที่ภาคเอกชนเสนอลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น นายฉลองภพ กล่าวว่า ก็ต้องดูภาพรวมเช่นกันว่าฐานะการคลังของรัฐบาลเป็นอย่างไรจะสามารถปรับลดภาษีได้มากน้อยเพียงใด แม้เศรษฐกิจไทยขณะนี้พื้นฐานยังดีอยู่มาก แต่จากผลกระทบของสหรัฐที่เกิดขึ้นส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงมาก แต่เชื่อมั่นว่าเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลแล้วจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นดีขึ้น
สำหรับการหารือกับนายสมใจนึก เองตระกูล ประธานคณะกรรมการธนาคารทหารไทย และคณะผู้บริหารเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายฉลองภพ กล่าวว่า เป็นเพียงการรายงานความคืบหน้าเรื่องการเพิ่มทุนที่ได้ดำเนินการเสร็จไปแล้ว และจะต้องเดินหน้าอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะเรื่องการปรับเปลี่ยนผู้บริหาร ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามข้อตกลงที่ได้หารือไว้กับกลุ่มไอเอ็นจี ที่จะมีการหารือเรื่องผู้บริหารในสัปดาห์นี้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่อย่างไร จากนั้นเป็นเรื่องของโครงสร้างการบริหารที่ต้องทำให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น ส่วนกรณีของกรรมการผู้จัดการใหญ่ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการว่าจะทำอย่างไร แต่ทุกอย่างต้องโปร่งใส โดยต้องผ่านกระบวนการสรรหา ซึ่งกว่าจะแล้วเสร็จก็ต้องใช้เวลาอีก 2-3 เดือน