นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่าขณะนี้ได้ฤกษ์บวงสรวงให้ช่างสิบหมู่ และกรมสรรพาวุธ เข้าทำงานในพื้นที่โรงราชรถเพื่อบูรณะราชรถ ราชยานที่ใช้ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จากพระครูวามเทพมุนีแล้ว เป็นวันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ เวลา 12.15 น. จากนั้นจะต้องรอฤกษ์ลงเสาเอกพระเมรุ และฤกษ์อัญเชิญยอดเศวตฉัตร 7 ชั้น ประดิษฐานสู่ยอดพระเมรุอีกครั้ง ส่วนรูปแบบของพระเมรุแบบร่างแล้วเสร็จเหลือเพียงทำแบบจริงคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน ส่วนลิฟท์ภายในพระเมรุเป็นลิฟท์ยกลักษณะคล้ายลิฟท์ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทั้งนี้ จะสามารถเริ่มก่อสร้างโรงขยายแบบได้ในต้นเดือนหน้าพร้อมประสานการกำหนดวันส่งมอบไม้จันทน์หอมที่แปรรูปเป็นแผ่นแล้วมายังกรมศิลปากร คาดว่าจะใช้จำนวน 1 ต้นครึ่ง
สำหรับพระเมรุนั้นเป็นกุฎาคารเรือนยอด ประธานมณฑลหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ทรงปราสาทจตุรมุข ย่อมุมไม้ 12 ยอดปักพระสัปปตฎลเศวตฉัตร สูง 37.85 เมตร ปั้นด้วยไม้ ภายในเป็นเหล็กประดับด้วยกระดาษทองย่น นอกจากนี้จะมีการก่อสร้างอาคารต่างๆ ภายในท้องสนามหลวง อาทิ พระที่นั่งทรงธรรม หอเปลื้อง และสร้าง
สำหรับพระเมรุนั้นเป็นกุฎาคารเรือนยอด ประธานมณฑลหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ทรงปราสาทจตุรมุข ย่อมุมไม้ 12 ยอดปักพระสัปปตฎลเศวตฉัตร สูง 37.85 เมตร ปั้นด้วยไม้ ภายในเป็นเหล็กประดับด้วยกระดาษทองย่น นอกจากนี้จะมีการก่อสร้างอาคารต่างๆ ภายในท้องสนามหลวง อาทิ พระที่นั่งทรงธรรม หอเปลื้อง และสร้าง