ในระหว่างร่วมประชุมเศรษฐกิจโลก นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ หรือยูเอ็น กล่าวต่อผู้นำภาคธุรกิจและการเมืองว่าปัญหาความขัดแย้งในแคว้นดาฟัวร์ ประเทศซูดาน มาจากความแห้งแล้ง ภาวะขาดแคลนน้ำทำให้เกิดความแร้นแค้นในประเทศโซมาเลีย ชาด อิสราเอล ปาเลสไตน์ ไนจีเรีย ศรีลังกา เฮติ โคลัมเบีย และคาซัคสถาน และว่าจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และการเติบโตของเศรษฐกิจโลกนั้นจะยิ่งทำให้ปัญหาดังกล่าวหนักหน่วงกว่าเดิม
นายบัน กล่าวอ้างรายงานล่าสุดขององค์กรเตือนภัยระหว่างประเทศที่ชี้ว่า ประชากร 2,700 ล้านคนใน 46 ประเทศ กำลังเผชิญความเสี่ยงต่อความขัดแย้งที่รุนแรง ซึ่งมีสาเหตุมาจากวิกฤตสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงและความขาดแคลนน้ำ ขณะที่ปัญหาดังกล่าวจะทำให้ประชากร 1,200 ล้านคน ใน 56 ประเทศมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรง
พร้อมกันนี้เลขาธิการสหประชาชาติระบุว่า จะต้องแก้วิกฤติขาดแคลนน้ำ เช่นเดียวกับที่แก้ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และกล่าวว่าจะมีน้ำเพียงพอสำหรับทุกคน หากสามารถรักษาน้ำให้สะอาด ใช้สอยอย่างชาญฉลาดและแบ่งปันกันอย่างยุติธรรม โดยเรียกร้องให้ผู้นำภาคธุรกิจร่วมมือกับองค์การสหประชาชาติยื่นมือช่วยเหลือในการจัดสรรน้ำสะอาดให้กับผู้ยากไร้ และแสดงความชื่นชมบริษัทโคคา-โคลา โดว์ เคมิคัล และเนสต์เล่ ที่มีโครงการแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ
นายบัน กล่าวอ้างรายงานล่าสุดขององค์กรเตือนภัยระหว่างประเทศที่ชี้ว่า ประชากร 2,700 ล้านคนใน 46 ประเทศ กำลังเผชิญความเสี่ยงต่อความขัดแย้งที่รุนแรง ซึ่งมีสาเหตุมาจากวิกฤตสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงและความขาดแคลนน้ำ ขณะที่ปัญหาดังกล่าวจะทำให้ประชากร 1,200 ล้านคน ใน 56 ประเทศมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรง
พร้อมกันนี้เลขาธิการสหประชาชาติระบุว่า จะต้องแก้วิกฤติขาดแคลนน้ำ เช่นเดียวกับที่แก้ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และกล่าวว่าจะมีน้ำเพียงพอสำหรับทุกคน หากสามารถรักษาน้ำให้สะอาด ใช้สอยอย่างชาญฉลาดและแบ่งปันกันอย่างยุติธรรม โดยเรียกร้องให้ผู้นำภาคธุรกิจร่วมมือกับองค์การสหประชาชาติยื่นมือช่วยเหลือในการจัดสรรน้ำสะอาดให้กับผู้ยากไร้ และแสดงความชื่นชมบริษัทโคคา-โคลา โดว์ เคมิคัล และเนสต์เล่ ที่มีโครงการแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ
