นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดโครงการอบรมผู้ปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติดจากผู้ต้องขัง โดยกล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมจัดตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติดขึ้นเพื่อสืบค้นข้อมูลยาเสพติดจากผู้ต้องขัง เพื่อประสานข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามยาเสพติด เช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในการเข้าปราบปรามยาเสพติด จึงถือเป็นหน้าที่เพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ในการช่วยสืบค้นข้อมูลด้านอาชญากรรมและยาเสพติดจากผู้ต้องขัง
ด้านนายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ในอดีตกรมราชทัณฑ์ควบคุมตัวผู้ต้องขังคดียาเสพติดเพียงอย่างเดียว แต่ปัจจุบันมีนโยบายให้เจ้าหน้าที่สอบถามผู้ต้องขังคดียาเสพติด หากรายใดสมัครใจให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่เพื่อขยายผลนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้จับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ได้เพิ่มขึ้น จะได้รับการบันทึกเพื่อเลื่อนขึ้นเป็นนักโทษชั้นดียิ่งขึ้น หรือได้วันลดโทษ หรือได้รับการบันทึกเป็นผู้ต้องขังที่มีประวัติจะได้รับการพระราชทานอภัยโทษ จากการเก็บข้อมูลอาชญากรรมและยาเสพติดจากนักโทษมา 2 ปี กรมราชทัณฑ์ได้ข้อมูลมากว่า 1,000 ข้อมูล แต่พบว่าบางข้อมูลล้าสมัย ดังนั้นจึงเป็นข้อมูลที่ใช้ได้จริงประมาณ 215 ข้อมูล
นายวันชัย กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาการสั่งซื้อยาเสพติดจากเครือข่ายนักค้ายาเสพติดในเรือนจำ ยอมรับว่าการป้องกันทำได้ยากมาก เพราะจำนวนนักโทษกว่าครึ่งหนึ่งหรือกว่า 80,000 คน เป็นนักโทษคดียาเสพติด มีผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่กระจายอยู่มาก และพบมีบางรายสั่งซื้อยาเสพติดผ่านทนายความ ที่มีสิทธิตามกฎหมายในการเข้าพบผู้ต้องขังเป็นการส่วนตัว ทำให้เกิดการเล็ดรอดได้ ขณะนี้กรมราชทัณฑ์จึงอยู่ระหว่างศึกษา เทคโนโลยีใหม่ในการตัดสัญญาณโทรศัพท์เฉพาะพื้นที่เรือนจำ โดยเป็นเครื่องตัดสัญญาณขนาดเล็กเพื่อจะนำมาใช้ ซึ่งจะป้องกันการโทรสั่งซื้อยาเสพติดภายนอกเรือนจำได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อยังไม่มีเครื่องตัดสัญญาณเรือนจำจึงใช้วิธีดักจับสัญญาณโทรศัพท์ไปก่อน
ด้านนายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ในอดีตกรมราชทัณฑ์ควบคุมตัวผู้ต้องขังคดียาเสพติดเพียงอย่างเดียว แต่ปัจจุบันมีนโยบายให้เจ้าหน้าที่สอบถามผู้ต้องขังคดียาเสพติด หากรายใดสมัครใจให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่เพื่อขยายผลนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้จับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ได้เพิ่มขึ้น จะได้รับการบันทึกเพื่อเลื่อนขึ้นเป็นนักโทษชั้นดียิ่งขึ้น หรือได้วันลดโทษ หรือได้รับการบันทึกเป็นผู้ต้องขังที่มีประวัติจะได้รับการพระราชทานอภัยโทษ จากการเก็บข้อมูลอาชญากรรมและยาเสพติดจากนักโทษมา 2 ปี กรมราชทัณฑ์ได้ข้อมูลมากว่า 1,000 ข้อมูล แต่พบว่าบางข้อมูลล้าสมัย ดังนั้นจึงเป็นข้อมูลที่ใช้ได้จริงประมาณ 215 ข้อมูล
นายวันชัย กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาการสั่งซื้อยาเสพติดจากเครือข่ายนักค้ายาเสพติดในเรือนจำ ยอมรับว่าการป้องกันทำได้ยากมาก เพราะจำนวนนักโทษกว่าครึ่งหนึ่งหรือกว่า 80,000 คน เป็นนักโทษคดียาเสพติด มีผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่กระจายอยู่มาก และพบมีบางรายสั่งซื้อยาเสพติดผ่านทนายความ ที่มีสิทธิตามกฎหมายในการเข้าพบผู้ต้องขังเป็นการส่วนตัว ทำให้เกิดการเล็ดรอดได้ ขณะนี้กรมราชทัณฑ์จึงอยู่ระหว่างศึกษา เทคโนโลยีใหม่ในการตัดสัญญาณโทรศัพท์เฉพาะพื้นที่เรือนจำ โดยเป็นเครื่องตัดสัญญาณขนาดเล็กเพื่อจะนำมาใช้ ซึ่งจะป้องกันการโทรสั่งซื้อยาเสพติดภายนอกเรือนจำได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อยังไม่มีเครื่องตัดสัญญาณเรือนจำจึงใช้วิธีดักจับสัญญาณโทรศัพท์ไปก่อน