น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ศิลปินแห่งชาติ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ประธานคณะทำงานในการจัดสร้างพระเมรุ ในการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมในโครงสร้างของพระเมรุ เพราะแบบร่างที่เสร็จเป็นเพียงต้นแบบ เหมือนมีเสื้อผ้า แต่ยังไม่มีกระดูก ฉะนั้นยังทำอะไรไม่ได้จนกว่าทางวิศวกรรมจะใส่โครงสร้างต่างๆ ทั้งหมด จึงจะใช้ในการก่อสร้างได้ และนอกจากพระเมรุยังมีอาคารอื่นๆ ที่ประกอบพระเมรุ รวมถึงสิ่งประกอบ ทั้งราชรถ ราชยานต่างๆ อีกมาก ซึ่งต้องค่อยๆ ดำเนินการไป โดยมีเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากรทั้งหมดกว่า 100 คน ที่มีความสามารถในแต่ละสาขามาร่วมกันทำงาน คาดว่าประมาณปลายเดือนมกราคม รายละเอียดโครงสร้างจะแล้วเสร็จ และเริ่มลงมือก่อสร้างได้ในต้นเดือนกุมภาพันธ์
น.อ.อาวุธ กล่าวด้วยว่า สำหรับรูปแบบของพระเมรุนั้น ประกอบด้วยยอดบนสุด คือ เศวตฉัตร 7 ชั้น ตามพระอิสริยยศ รองลงมา คือเม็ดน้ำค้าง ปรียอด ลูกแก้ว บัวคลุ่ม 5 ชั้น ชั้นเชิงกลอน 5 ชั้น หน้าบรรณพระศพ พระนามย่อ ก.ว. มุข ฉากบังเพลิง และฉัตรประดับ เมื่อแล้วเสร็จจะมีความกว้าง 20 เมตร ยาว 30 เมตร และสูง 30 เมตร
ส่วนเรื่องราชรถที่จะใช้ในการเคลื่อนพระศพนั้น ยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงมาว่าจะใช้ราชรถองค์ใด ระหว่างพระมหาพิชัยราชรถ และเวชยันตราชรถ แต่มีความพร้อมทั้ง 2 องค์ ส่วนราชรถน้อย 3 องค์ จะซ่อมแซม 1 องค์ให้เรียบร้อย โดยได้ขอให้ทหารจากกรมสรรพาวุธทหารบกมาช่วยดูแล เรื่องล้อและเพลาต่าง ๆ ส่วนด้านศิลปกรรม กรมศิลปากรจะเป็นผู้ดำเนินการ
น.อ.อาวุธ กล่าวด้วยว่า สำหรับรูปแบบของพระเมรุนั้น ประกอบด้วยยอดบนสุด คือ เศวตฉัตร 7 ชั้น ตามพระอิสริยยศ รองลงมา คือเม็ดน้ำค้าง ปรียอด ลูกแก้ว บัวคลุ่ม 5 ชั้น ชั้นเชิงกลอน 5 ชั้น หน้าบรรณพระศพ พระนามย่อ ก.ว. มุข ฉากบังเพลิง และฉัตรประดับ เมื่อแล้วเสร็จจะมีความกว้าง 20 เมตร ยาว 30 เมตร และสูง 30 เมตร
ส่วนเรื่องราชรถที่จะใช้ในการเคลื่อนพระศพนั้น ยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงมาว่าจะใช้ราชรถองค์ใด ระหว่างพระมหาพิชัยราชรถ และเวชยันตราชรถ แต่มีความพร้อมทั้ง 2 องค์ ส่วนราชรถน้อย 3 องค์ จะซ่อมแซม 1 องค์ให้เรียบร้อย โดยได้ขอให้ทหารจากกรมสรรพาวุธทหารบกมาช่วยดูแล เรื่องล้อและเพลาต่าง ๆ ส่วนด้านศิลปกรรม กรมศิลปากรจะเป็นผู้ดำเนินการ