นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร หารือกับ น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ในฐานะประธานคณะทำงานออกแบบและก่อสร้างพระเมรุพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยตั้งคณะทำงานในส่วนที่กรมศิลปากรรับผิดชอบ 4 ชุด คือ ด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม จะออกแบบรูปทรงอาคาร และภูมิทัศน์ ด้านปฏิบัติงาน และองค์ประกอบต่างๆ เพื่อรวบรวมและบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดทุกขั้นตอน ทั้งที่จัดโดยภาครัฐและเอกชน และด้านเตรียมข้อมูลจัดนิทรรศการต่างๆ
นายเกรียงไกร กล่าวว่า งานก่อสร้างจะเริ่มในเดือนกุมภาพันธ์ โดยขณะนี้ น.อ.อาวุธ อยู่ระหว่างจัดทำแบบก่อสร้างพระเมรุ และรวบรวมช่างฝีมือที่มีอยู่ ซึ่งส่วนหนึ่งจะเปิดโอกาสให้นักเรียนช่างศิลป์เข้าร่วมก่อสร้างด้วย รวมทั้งเตรียมจัดหาวัสดุที่ใช้ เช่น กระดาษทองย่น ที่ต้องสั่งซื้อจากจีนหรือไต้หวัน ไม้จันทน์ที่จะทำพระโกศ ซึ่งขณะนี้มีเอกชนบางรายจะนำไม้จันทน์มาให้เลือกเพิ่มด้วย ส่วนโครงสร้างพระเมรุส่วนหนึ่งที่มองไม่เห็นจากด้านนอก น.อ.อาวุธ มีแนวคิดให้ใช้เหล็กแทนไม้ โดยจะออกแบบพระเมรุให้มีขนาดที่เหมาะสม และใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณ 165 - 180 ล้านบาท
อธิบดีกรมศิลปากร ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือจากกรมสรรพาวุธทหารบก เข้ามาดูแลระบบขับเคลื่อนของราชรถแล้ว รวมทั้งจะต้องส่งหนังสือถึงกรุงเทพมหานคร เพื่อขอใช้พื้นที่ท้องสนามหลวง รวมทั้งมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง เพื่อประสานเรื่องดอกไม้ที่จะใช้ในงานนี้ ล่วงหน้าด้วย
ด้านนายวีระ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงพิธีบวงสรวงของช่างในการเริ่มก่อสร้างว่า จะถือฤกษ์วันมงคลประกอบพิธีตามปฏิทินหลวง โดยจะมีพิธียกเสาเอกพระเมรุที่ท้องสนามหลวง ซึ่งจะมีผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาล เป็นประธาน ส่วนพิธียกยอดเศวตฉัตร ตามราชประเพณี พระบรมวงศานุวงศ์จะเสด็จฯ ประกอบราชพิธี
นายเกรียงไกร กล่าวว่า งานก่อสร้างจะเริ่มในเดือนกุมภาพันธ์ โดยขณะนี้ น.อ.อาวุธ อยู่ระหว่างจัดทำแบบก่อสร้างพระเมรุ และรวบรวมช่างฝีมือที่มีอยู่ ซึ่งส่วนหนึ่งจะเปิดโอกาสให้นักเรียนช่างศิลป์เข้าร่วมก่อสร้างด้วย รวมทั้งเตรียมจัดหาวัสดุที่ใช้ เช่น กระดาษทองย่น ที่ต้องสั่งซื้อจากจีนหรือไต้หวัน ไม้จันทน์ที่จะทำพระโกศ ซึ่งขณะนี้มีเอกชนบางรายจะนำไม้จันทน์มาให้เลือกเพิ่มด้วย ส่วนโครงสร้างพระเมรุส่วนหนึ่งที่มองไม่เห็นจากด้านนอก น.อ.อาวุธ มีแนวคิดให้ใช้เหล็กแทนไม้ โดยจะออกแบบพระเมรุให้มีขนาดที่เหมาะสม และใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณ 165 - 180 ล้านบาท
อธิบดีกรมศิลปากร ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือจากกรมสรรพาวุธทหารบก เข้ามาดูแลระบบขับเคลื่อนของราชรถแล้ว รวมทั้งจะต้องส่งหนังสือถึงกรุงเทพมหานคร เพื่อขอใช้พื้นที่ท้องสนามหลวง รวมทั้งมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง เพื่อประสานเรื่องดอกไม้ที่จะใช้ในงานนี้ ล่วงหน้าด้วย
ด้านนายวีระ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงพิธีบวงสรวงของช่างในการเริ่มก่อสร้างว่า จะถือฤกษ์วันมงคลประกอบพิธีตามปฏิทินหลวง โดยจะมีพิธียกเสาเอกพระเมรุที่ท้องสนามหลวง ซึ่งจะมีผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาล เป็นประธาน ส่วนพิธียกยอดเศวตฉัตร ตามราชประเพณี พระบรมวงศานุวงศ์จะเสด็จฯ ประกอบราชพิธี