การประท้วงที่บานปลายจนกลายเป็นมิคสัญญีเผาบ้านเผาเมืองในประเทศเนปาลของม็อบ “Gen Z” วันนี้เป็นที่สนใจไปทั่วโลก เนื่องจากวันนี้เนปาลอยู่ในสถานะ “รัฐล้มเหลว” ไม่สามารถปกครองและควบคุมสถานการณ์ของบ้านเมืองได้
การประท้วงใหญ่ครั้งนี้เกิดจากกระแสต่อต้านการคอร์รัปชันของนักการเมืองเนปาล และการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย อันนำมาสู่ความไม่พอใจของผู้ประท้วง จนลุกลามบานปลายกลายเป็นเหตุรุนแรง เกิดจลาจลไปทั่วประเทศมีการเผาอาคารบ้านเรือน สถานที่ราชการ สถานที่สำคัญ รวมไปถึงการปล้นสดมและปล้นคุก จนมีผู้เสียชีวิตตอนนี้ (11 ก.ย. 68) ไม่ต่ำกว่า 30 ราย
ทำให้วันนี้สายตาทั่วโลกต่างเฝ้าจับจ้องว่าเหตุการณ์จะจบลงอย่างไร เนื่องจากในยามปกติเนปาลถือเป็นอีกหนึ่งประเทศในฝันของนักเดินทางทั่วโลก เนื่องจากเป็นที่ตั้งของ “ยอดเขาเอเวอเรสต์” ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกแห่งเทือกเขาหิมาลัย ที่หลาย ๆ คนอยากเดินทางขึ้นไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต
ยอดเขาเอเวอเรสต์
ยอดเขาเอเวอเรสต์ เกิดขึ้นจากการชนกันของแผ่นเปลือกโลกยูเรเชียนและเปลือกโลกอินเดีย ถือเป็นยอดเขาใหม่ที่เกิดขึ้นเพียงไม่กี่แสนปี จึงยังคงสามารถสูงขึ้นไปได้อีก เนื่องจากการที่แผ่นเปลือกโลกยังคงชนกันอยู่ โดยความสูงอย่างเป็นทางการที่ใช้อิงไปทั่วโลกและได้รับการยอมรับจากรัฐบาลเนปาล คือความสูงที่ 29,028 ฟุต หรือ 8,848 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ยอดเขาเอเวอเรสต์ถือเป็นจุดแบ่งพรมแดนระหว่างประเทศเนปาลและทิเบต ชาวเนปาลเรียกยอดเขาแห่งนี้ว่า “สครมาตา” ที่หมายถึง มารดาแห่งท้องสมุทร ส่วนชาวทิเบตเรียกว่า “โชโมลังมา” ที่หมายถึงมารดาแห่งสวรรค์
ในอดีตนักสำรวจเรียกยอดเขาสูงที่สุดในโลกแห่งนี้ง่าย ๆ ว่า ยอดที่สิบห้า (Peak XV) ก่อนที่ภายหลังจะเรียกขานกันว่า “เอเวอเรสต์” เพื่อเป็นเกียรติแก่ “เซอร์จอร์จ อีฟเรสต์” นักสำรวจประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นทีมสำรวจทีมแรกที่ปีนขึ้นไปสำรวจในบริเวณยอดเขาเอเวอเรสต์เมื่อปี ค.ศ. 1841
สำหรับผู้ที่ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการว่าเป็นผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์คนแรก คือ จอร์จ มัลลอรี (George Mallory) และ แอนดรู เออร์ไวน์ (Andrew Irvine) 2 นักปีนเขาที่เดินขึ้นไปพิชิตยอดเขาสูงที่สุดในโลกจากทางฝั่งทิเบตเมื่อปี ค.ศ. 1924 แต่โชคร้ายที่ทั้งสองไม่สามารถนำตัวเองกลับลงมาได้อีก
ขณะที่คนไทยคนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้สำเร็จคือ นาย “วิทิตนันท์ โรจนพานิช” (พร้อมกับทีมนักปีนเขาชาวเวียดนามอีก 3 คน) ที่สามารถนำธงชาติไทยขึ้นไปโบกสะบัดบนยอดเขาที่สูงที่สุดของโลกแห่งนี้ พร้อมกับพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 เวลา 08.00 น.
สำหรับการขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ปัจจุบันมี 2 เส้นทาง คือ “เบสแคมป์ทางด้านเหนือ” (5,150 เมตร) ขึ้นทางจากฝั่งทิเบต และ “เบสแคมป์ทางด้านใต้” (5,364 เมตร) ขึ้นจากฝั่งเมือง Lukla ประเทศเนปาล โดยค่าใช้จ่ายในการเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์นั้นก็เริ่มต้นที่ไม่ต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1 ล้านกว่าบาทไทย โดยผู้ที่จะขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ (แม้อาจจะไม่ใช่จุดสูงสุด) จำเป็นต้องมีร่างกายที่แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นอุปสรรคต่อการปีนเขา และสามารถทนต่อสภาวะอากาศที่หนาวเหน็บและอากาศที่เบาบางได้
สวนลุมพินีวัน
ประเทศเนปาลยังมีอีกหนึ่งสถานที่สำคัญ โดยเฉพาะต่อพุทธศาสนิกชนทั่วโลก คือ “สวนลุมพินีวัน” สถานที่ประสูติของ “เจ้าชายสิทธัตถะ” ผู้ซึ่งต่อมาตรัสรู้เป็น “สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” พระบรมศาสดาของพระพุทธศาสนา ซึ่งทำให้ชาวพุทธยกให้เป็นปาลเป็น “เมืองพระพุทธประสูติ” ที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่งของพระพุทธศาสนา
สวนลุมพินีวัน ปัจจุบันตั้งอยู่ที่อำเภอไภรวา แคว้นอูธ ประเทศเนปาล ถือเป็น 1 ใน 4 “สังเวชนียสถาน” อันได้แก่ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ 4 แห่งในประเทศเนปาลและอินเดีย ที่มีความสำคัญเกี่ยวข้องกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นับเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับพุทธศาสนิกชนที่หลาย ๆ คน ต้องการตามรอยพระพุทธองค์ เพื่อให้เข้าใจในที่มาของพุทธศาสนา สัมผัสความสงบทางจิตใจ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้มาตามรอย
สวนลุมพินีวัน หรือ ลุมพินี จุดเริ่มต้นของเรื่องราวแห่งพระบรมศาสดาแห่งพระพุทธศาสนาแห่งนี้ คือสถานที่ที่ “พระนางสิริมหามายา” ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ หรือ “สิทธัตถะกุมาร” ใต้ต้นสาละ ในวันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลาเที่ยง ปีจอ ก่อนพุทธศักราช 80 ปี
ในพุทธประวัติเมื่อครั้งโบราณกาลกล่าวถึงสวนลุมพินีวัน ว่า มีลักษณะเป็นอุทยานงดงาม ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์เมืองของพระบิดา กับเทวทหะเมืองของพระมารดา ขณะที่ปัจจุบันสวนลุมพินีวันได้รับการปรับปรุงพื้นที่เป็น “พุทธอุทยานทางประวัติศาสตร์ของโลก” ที่มีการประดับตกแต่งอย่างสวยงามเป็นระเบียบ
พุทธอุทยานทางประวัติศาสตร์ของโลก สวนลุมพินีวัน มีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามแบบโบราณ มีเนื้อที่กว่า2,000 ไร่ (ขนานตามแนวเหนือใต้) เมื่อปี พ.ศ. 2540องค์การยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนยกย่องสถานที่แห่งนี้เป็น มรดกโลกทางวัฒนธรรม ในชื่อ “ลุมพินี ที่ประสูติพระพุทธเจ้า”
ปัจจุบันในสถานการณ์ปกติ สวนลุมพินีวันถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศเนปาล สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความสงบร่มรื่น ดูเปี่ยมศรัทธา
สำหรับไฮไลต์สิ่งน่าสนใจของสวนลุมพินีวันนั้น นำโดย “เสาอโศก” สัญลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้ ซึ่งเป็นเสาหินที่พระเจ้าอโศกมหาราชได้จารึกข้อความไว้ว่า “ณ ที่นี่ คือ สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า และพระเจ้าอโศกเสด็จมาบูชาในปีที่ 20 แห่งรัชกาลของพระองค์ ในพุทธศตวรรษที่ 3”
นอกจากนี้ก็ยังมีสิ่งน่าสนใจไม่ควรพลาดอื่น ๆ ได้แก่
-“วิหารมหามายาเทวี” ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ภายในพบภาพจำหลักศิลาพระนางสิริมหามายาทรงประสูติพระกุมาร รวมถึงมีรอยพระพุทธบาทหินสลักให้สักการะ
-“สระโบกขรณี” ที่สรงสนานของพระนางสิริมหามายาเทวี ก่อนที่จะให้การประสูติกาลพระกุมารและหลังการประสูติ ที่ขอบสระน้ำทำเป็นรูปขั้นบันไดโดยรอบลงไปถึงน้ำ มีท่อน้ำไหลลงสู่สระน้ำแห่งนี้
-“สถูปดอกบัว” ที่สร้างเป็นอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงการประสูติของพระพุทธเจ้า ที่มีตำนานเล่าขานว่าเมื่อแรกประสูติ สิทธัตถะกุมารทรงดำเนินเจ็ดก้าว แต่ละย่างจะมีดอกบัวผุดขึ้นมาเพื่อรองรับพระบาทของพระองค์
ขณะที่สิ่งน่าสนใจอื่น ๆ นั้นก็มี ต้นพระศรีมหาโพธิ์ วัดพุทธนานาชาติ และดวงไฟแห่งสินติภาพ เป็นต้น
และนี่ก็คือ 2 สถานที่สำคัญของประเทศเนปาลที่มีความโดดเด่นทางการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก คือ “ยอดเขาเอเวอเรสต์” ยอดเขาสูงที่สุดในโลกเป็นหนึ่งในสถานที่ที่นักผจญภัยทั่วโลกใหม่ฝัน และ “สวนลุมพินีวัน” สถานที่พุทธประสูติที่สำคัญยิ่งในประพุทธศาสนา ซึ่งนอกจากจะเตือนใจในเรื่องเกิด-แก่-เจ็บ-ตาย แล้ว การประท้วงใหญ่ที่เนปาลครั้งนี้ยังเตือนใจในเรื่องการเปลี่ยนแปลงและการดำรงสติในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี