พาย้อนกลับไปสู่ยุค พ.ศ.2512 ด้วยการตามรอยซีรีส์ “Shine” จาก 4 หนุ่ม มาย-อาโป-สน-ยูโร กับบรรยากาศสุดคลาสสิกของย่านพระนคร เดินชมตึกเก่าทรงคุณค่า แวะถ่ายรูปที่สะพานพุทธ ชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ลัดเลาะย่านเก่าในกรุงเทพฯ
อีกหนึ่งซีรีส์ที่กำลังเป็นที่พูดถึงกันอยู่ในตอนนี้ นั่นคือ “Shine” (ชาย) ออริจินัลเกย์ซีรีส์ จาก Be On Cloud นำแสดงโดย มาย-ภาคภูมิ ร่มไทรทอง, อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์, สน-ยุกต์ ส่งไพศาล, ยูโร-ยศวรรธน์ ทะวาปี และ ปีเตอร์ เดรี่ย์ เรื่องราวของความรัก ความหวัง และอัตลักษณ์ของผู้คนในยุคสมัย ผ่านการเล่าเรื่องที่หลอมรวมศิลปะ วัฒนธรรม มิติทางการเมือง เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ และความหลากหลายได้อย่างมีชั้นเชิง
โดยเรื่องราวภายในซีรีส์เริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ.2512 ปีที่ประเทศไทยก็เพิ่งมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และผ่านการเลือกตั้งมาหมาดๆ ส่วนฝั่งโลกตะวันตกนั้น นีล อาร์มสตรอง เพิ่งเหยียบดวงจันทร์ในปี ค.ศ.1969
แน่นอนว่าฉากหลังในการถ่ายทำก็ต้องได้บรรยากาศย้อนไปในยุคนั้น และในย่านพระนคร หรือย่านเก่าแก่ในกรุงเทพมหานคร ก็ถูกเลือกให้เป็นฉากในการถ่ายทำซีรีส์ หลายๆ จุดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว บางจุดก็เป็นอาคารเก่าแก่ทรงคุณค่า
ใครที่อยากตามรอยสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ Shine ชวนมาปักหมุดในพระนคร ไปเช็คอิน ถ่ายรูปสวยๆ ไปด้วยกัน
สะพานมหาดไทยอุทิศ
“สะพานมหาดไทยอุทิศ” เป็นสะพานข้ามคลองมหานาค บริเวณจุดบรรจบระหว่างคลองมหานาคกับคลองรอบกรุงหรือคลองโอ่งอ่าง-บางลำพู (อยู่ใกล้ๆ กับสะพานผ่านฟ้าลีลาศ) เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2457
โดยเหตุที่ได้ชื่อว่าสะพานมหาดไทยอุทิศ ก็เนื่องจากข้าราชการกระทรวงมหาดไทยร่วมกันอุทิศเงินสร้างสะพานนี้ขึ้น ตามแนวพระราชดำริใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เพื่อให้มีทางสัญจรไปมา และรวมถนนหลายสายให้เชื่อมต่อกัน แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จ รัชกาลที่ ๕ ก็สวรรคตเสียก่อน และเมื่อสร้างแล้วเสร็จ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามเพื่อเป็นอนุสรณ์ และเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดสะพานแห่งนี้
สถาปัตยกรรมของสะพานจะเป็นแบบยุโรป และใช้วิธีการก่อสร้างตามแบบสมัยใหม่ มีประติมากรรมนูนต่ำเป็นรูปสตรีอุ้มเด็ก ในมือมีช่อดอกซ่อนกลิ่น ด้านซ้ายเป็นรูปผู้ชายยืนจับไหล่ของเด็ก เป็นภาพแสดงถึงความโศกเศร้าอาลัยรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นที่มาของชื่อสะพานอีกชื่อว่า “สะพานร้องไห้”
ศาลาเฉลิมกรุง
“ศาลาเฉลิมกรุง” หรือ โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง สร้างขึ้นในโอกาสฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 150 ปี ออกแบบและควบคุมงานก่อสร้างโดย หม่อมเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากร ในวันเปิดโรงภาพยนตร์ วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2476 มีการฉายภาพยนตร์เรื่องแรก เป็นภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดมีชื่อไทยว่า มหาภัยใต้ทะเล โดยภาพยนตร์ส่วนใหญ่เป็นภาพยนตร์ต่างประเทศเสียงในฟิล์ม มีภาพยนตร์ไทยบ้างแต่น้อย
ศาลาเฉลิมกรุงเป็นโรงภาพยนตร์ที่ทันสมัยมากในขณะนั้น เป็นโรงภาพยนตร์แห่งแรกในไทยและเอเชียที่มีการติดเครื่องปรับอากาศ มีระบบเปิดม่านอัตโนมัติ แบ่งที่นั่งชมออกเป็นชั้นๆ และมีชั้นลอยอย่างโรงละครในฝั่งตะวันตก รวมถึงมีการจัดรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์ ซึ่งภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่มีรอบปฐมทัศน์คือ สามเสือสมุทร
ปัจจุบัน ศาลาเฉลิมกรุง ยังคงเปิดดำเนินการภายใต้การดูแลของมูลนิธิศาลาเฉลิมกรุง ยังคงมีการจัดการแสดงต่างๆ เช่น การแสดงโขน ละครเวที คอนเสิร์ตต่างๆ เป็นต้น
ตึกแถวริมถนนอัษฎางค์ ปากซอยพระยาศรี
“ถนนอัษฎางค์” เป็นถนนเลียบคลองคูเมืองเดิม (คลองหลอด) เมื่อแรกเริ่มเป็นเพียงทางเดินดินเลียบกำแพงและคลองคูเมืองเดิม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ปรับขยายขึ้นใหม่พร้อมกับถนนราชินี ตามแบบอย่างถนนเลียบคลองในสิงคโปร์และชวา ราว พ.ศ.2413
ภายหลังจาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับจากยุโรป พ.ศ.2440 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้กรมพระคลังข้างที่ จัดสร้างอาคารริมถนนตามแบบอย่างสถาปัตยกรรมยุโรป เป็นตึกแถวก่ออิฐถือปูนสองชั้น เป็นคูหาที่มีหน้ากว้างใกล้เคียงกัน แต่ลึกไม่เท่ากันแล้วแต่ขนาดที่ดิน หลังคาทรงปั้นหยามีความลาดเอียงสูง เฉพาะบริเวณหัวมุม บนอาคารมีหน้าจั่ว ประดับลวดลายปูนปั้น
ปัจจุบัน อาคารเหล่านี้ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี โดย กรมศิลปากร ได้ประกาศขึ้นทะเบียนและกำหนดเขตที่ดินโบราณสถาน ตึกแถวบนถนนอัษฎางค์ ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2544
สะพานพระพุทธยอดฟ้า
“สะพานพระพุทธยอดฟ้า” สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น โดยสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. พ.ศ. 2474 เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) อันเป็นที่มาของชื่อ “สะพานพระพุทธยอดฟ้า” (สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์) หรือที่คนมักเรียกสั้นๆว่า “สะพานพุทธ”
และบริเวณบนสะพานพุทธ ก็ยังมีทางเดินสำหรับข้ามจากฝั่งพระนครไปฝั่งธนบุรี โดยสามารถที่จะเดินขึ้นไปกินลมชมวิวได้อีกด้วย ซึ่งทัศนียภาพด้านบนนั้นนับว่าสวยงามเเละยังมองเห็นได้อย่างกว้างไกล ทางเดินบนสะพานพุทธจึงเป็นอีกหนึ่งจุดยอดนิยมสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป
บริเวณสะพานพุทธยังมี “ท่าเรือสะพานพุทธ” เป็นท่าเรือด่วนเจ้าพระยาที่เพิ่งได้รับการปรับปรุงใหม่เมื่อไม่นานมานี้ เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางทางน้ำและทางบก สามารถเดินไปยังปากคลองตลาด หรือขึ้นไปชมวิวบนสวนลอยฟ้าเจ้าพระยา และบริเวณท่าเรือก็ถูกปรับปรุงอย่างสวยงาม กลายเป็นจุดชมวิวสวยๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นอีกจุดถ่ายรูปยอดฮิตในย่านนี้
นอกจาก 4 จุดที่ชวนไปตามรอยกันนี้ ก็ยังมีสถานที่ถ่ายทำอีกหลายๆ แห่งที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น “วังบ้านดอกไม้” ที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรป มีลายฉลุบนหน้าต่าง รวมถึงงานปูนปั้นที่ยังคงงดงาม เดิมเป็นวังที่ประทับของนายพลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน บิดาแห่งการรถไฟไทย และผู้ริเริ่มกิจการวิทยุกระจายเสียงเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และที่วังแห่งนี้ก็ยังเป็นสถานที่ส่งสัญญาณวิทยุแห่งแรกของไทย จากวังบ้านดอกไม้ไปยังพระราชวังพญาไท ปัจจุบันเป็นสำนักงานโรงงานกระดาษบางปะอิน และ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล กระทรวงอุตสาหกรรม การเข้าชมจึงทำได้ยาก เนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ
ออกนอกพระนครไปก็ยังมีวิวริมทะเลสวยๆ ที่ “หาดสอ” อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี อยู่ในความรับผิดชอบของกรมสรรพาวุธทหารเรือ เป็นหาดขนาดเล็กที่อยู่ห่างจากชุมชน ทำให้มีความเงียบสงบ เหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศแบบเป็นส่วนตัว มีชายหาดที่สามารถลงเล่นน้ำได้ มีกิจกรรมทางน้ำหลายอย่างเช่นกัน หรือจะมานั่งปิกนิกริมหาดใต้ร่มเงาไม้ก็มีหลายมุมให้เลือก
หรือแม้แต่ที่ “ปารีส” เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส ก็มีการไปถ่ายทำด้วย อย่างเช่นบริเวณสะพานริมแม่น้ำแซน สามารถเดินเล่นชมวิวริมแม่น้ำ และมองเห็นหอไอเฟล สัญลักษณ์ของกรุงปารีสได้อีกด้วย ซึ่งต้องรอชมตอนต่อๆ ไปว่าจะมีมุมไหนในปารีสให้ได้ชมกันอีก
"Shine The Series" รับชม Orchestric Version ทุกคืนวันเสาร์พร้อมกันทั่วโลก เวลา 22.00 น. (GMT+7) ทางแอปพลิเคชัน WeTV หรือเว็บไซต์ www.WeTV.VIP และ Acoustic Version ทางช่อง 7HD
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline