xs
xsm
sm
md
lg

“เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เริ่มต้นสุดพัง ชาวเน็ตเรียกหาแอป “เป๋าตัง” สมัย รบ.ลุงตู่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชาวโซเชียลเรียกหาแอป “เป๋าตัง” สมัยรัฐบาลลุงตู่ หลังโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เปิดตัวช่วงแรกสุดพัง ทำประชาชนและผู้ประกอบการด่ากันขรมว่า ระบบสุดห่วย แถมยังลงทะเบียนซ้ำซ้อน ก่อนที่ “สรวงศ์” จะสั่งปิดระบบจองชั่วคราวเพื่อแก้ปัญหาข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น 

โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” รอบประชาชนลงทะเบียนตั้งแต่ 1 ก.ค. 68 เปิดตัวสุดพัง ระบบจองล่มไม่เป็นท่าหลายชั่วโมง แถมยังทำแอป ThaID ล่มตาม เดือดร้อนคนขึ้นเครื่องบินจำนวนมาก ส่วน OTP ตอบรับสุดช้า (ในช่วงแรก)


นอกจากนี้ที่พักหลายแห่งยังฉวยโอกาสขึ้นราคาจนชาวเน็ตบ่นระงม ทำให้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ต้องออกมาขู่ว่าหากตรวจพบจะถอนสิทธิ์จากโครงการทันที ขณะที่ทางฝั่งผู้ประกอบการหลายแห่งได้ถอนตัวออกจากโครงการ เนื่องจากรายละเอียดเรื่องราคาห้องพักไม่ชัดเจน 
 
กระทั่งสุดท้ายแล้ว นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ออกมาให้ข่าวกับสื่อมวลชนในช่วงเช้าของวันที่ 4 ก.ค. 68 ว่า ตนสั่งปิดระบบลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่งเป็นการชั่วคราว ส่วนคนที่ลงทะเบียนสำเร็จไปแล้ว ยังสามารถเดินทางได้ตามปกติ แต่ขอให้มีการยืนยันตัวตนก่อนการจอง และไปแสดงตนที่โรงแรมอีกครั้งเพื่อป้องกันการทุจริต

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
หลังจากนั้นทาง ททท. ได้โพสต์ประกาศปิดระบบการลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่งชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.68 เพื่อปรับปรุงระบบบางส่วน ให้ตอบสนองการใช้งานของนักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ถ้าจะว่ากันตามจริงแล้ว นี่ไม่ได้เป็นนโยบายใหม่ป้ายแดงที่เพิ่งเกิดขึ้นมาในรัฐบาลชุดปัจจุบัน แต่หากมีรากฐานมาจากโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ในสมัยรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ทำขึ้นเพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศที่กำลังซบเซามาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด19


กระทั่งมาถึงในรัฐบาลปัจจุบันที่ภาคการท่องเที่ยวเผชิญกับวิกฤติจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติลดลงเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ทำให้รัฐบาลต้องปัดฝุ่นโครงการเราเที่ยวด้วยกันขึ้นมากระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ภายใต้ชื่อใหม่คือ โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าว่าจะทำให้เกิดเงินสะพัดจากการเดินทางท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท

ทั้งนี้หากมองในหลักการและแนวคิดแล้ว เที่ยวไทยคนละครึ่ง ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการดูดีที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากจากกระแสสังคม เพียงแต่ว่าในภาคปฏิบัตินั้นรัฐบาลกลับทำให้ออกมาได้ไม่สมราคาคุย ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่สะท้อนว่าอะไรที่ดีอยู่แล้วก็ไม่ควรไปยกเลิกแต่ควรพัฒนาต่อยอดให้ดีขึ้น อย่างเช่น แอปเก่า “เป๋าตัง” ที่มีอยู่แล้ว และทำให้ดีจนได้รับรางวัลระดับโลก


นั่นจึงทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากเรียกร้องให้นำแอป “เป๋าตัง” ในสมัยรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ กลับมาใช้อีกครั้ง พร้อมกลับแสดงความคิดเห็นสะท้อนให้เห็นถึงความผิดพลาดของโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง อาทิ

- แอฟเป๋าตังที่รัฐบาลตูบทำเสถียรดีนะ ไม่ต้องกลัวใช้ต่อเลย ยังไงสมัยหน้า เพื่อทุย คงไม่ได้เป็นรัฐบาล ใช้แอปเป๋าตังแต่แรกเรียบร้อยไปแล้ว แอปเป๋าตัง ระบบเดิมที่มีอยู่ทำไมไม่ใช้ รองรับทั้งฝั่งคนเที่ยวและที่พัก มีฐานข้อมูลลูกค้าและโรงแรมเดิม ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ หลายคนลงไว้แล้ว ถึงลงเพิ่มก็ไม่เยอะ ไม่ติดคอขวด แอปมันมีระบบยืนยันตัวตน ขนาดจะจ่ายภาษีสรรพากรถ้าไม่ใช้ ThaID ยืนยันตัวตน ก็ยังเลือกแอปเป๋าตังมายืนยันเข้าระบบได้เลย ระบบผ่านการจูนนิ่งมาแล้ว รองรับคนใช้เยอะๆ ได้ ผ่านการแก้บัค แก้ปัญหาต่างๆ มากมาย เรียกว่าเสถียรกว่าแอปใหม่ๆ ก็ได้ อย่างว่า คงไม่อยากใช้ระบบเดิมมั้ง ชอบละลายภาษีกับการพัฒนาระบบใหม่ๆตลอดด ออกแนว DEV = PRD 😑

- ไปมันทุกแอพ ยกเว้นแอพเป๋าตังค์ที่มันมีฐานข้อมูลเดิม ใช้ง่ายสะดวกกว่า แต่ไม่เอาไม่ใช้ ยอมใจ
- เฮ็ดขึ้นสร้างขึ้นละลายงบคือบ่เอาเป๋าตังแนวมันดีมันมีอยู่แล้วน่ะ😅
- สิ่งที่ตลกคือ ทำไม่มีปัญญา ทำ แอป ให้มันดีกว่าเดิม ที่ เคยมี เห็นมั่นใจนักคุยเหลือเกินว่าเก่ง มีแต่คนเก่ง แต่ ทำให้ดีกว่าที่มีอยู่แล้วไม่ได้ ทั้ง แอป และ โครงการ ... เราเที่ยวด้วยกัน คนละครึ่ง ตอนนั้นคือ เอออดี ... แอป เป๋าตังค์ก็ใช้ได้ยันทุกวันนี้ ...
- เปลืองงบประมาณจริงๆ ใช้เป๋าตังแบบเดิมก็ดีแล้ว
- ออปเป๋าตังก้อดีอยู่ละ..เขียนแอบใหม่ มีค่าใช้จ่ายอีก แถมทางรัฐ แอพ ส่วนใหญ่คนก้อลงทะเบียนกันหมดละยืนยันตัวตน
- ว่าแล้วเชียว...ซื้อหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้นะ ใช้แอบเป๋าตังตั้งแต่ตอนแรกก็จบ คนจะใช้เงินเที่ยวต้องมาเครียดกับการรอรับ OTP


แอปเป๋าตัง (ภาพ : prd.go.th)
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นของโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งในช่วงแรก จึงเป็นสิ่งที่สะท้อนว่าอะไรที่ดีอยู่แล้วก็ไม่ควรไปยกเลิกแต่ควรพัฒนาต่อยอดให้ดีขึ้น แต่กรณีนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากรัฐบาลไม่ยอมเลือกใช้แอปเก่า “เป๋าตัง” ที่มีความเสถียรและวางระบบไว้ดีอยู่แล้ว หากแต่รัฐบาลกลับนำงบประมาณจากภาษีของประชาชนไปผลาญให้กับสร้างแอปพลิเคชั่นใหม่ ซึ่งสุดท้ายเมื่อใช้จริงปรากฏว่า “ล้มเหลวไม่เป็นท่า” จนต้องสั่งปิดระบบชั่วคราว

นับว่านี่เป็นอีกหนึ่งโครงการที่สะท้อนให้เห็นถึงแก่นนิสัยของนักการเมืองไทยส่วนใหญ่ ที่ยอมเสียงบประมาณ-เสียภาษีเท่าไหร่ไม่ว่า แต่ไม่ยอมเสียหน้าให้กับพรรคคู่แข่งเด็ดขาด

สุดท้ายเลยออกมากลายเป็นโครงการขายขี้หน้าที่โดนคนด่ากันทั่วบ้านทั่วเมือง



















กำลังโหลดความคิดเห็น