ในยุทธจักรนิยาย “กระบี่อยู่ที่ใจ” คือมรรคาขั้นสูงล้ำแห่งวิชากระบี่ ที่ผู้ใช้กระบี่เมื่อถึงขั้นผนึกใจหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่ เมื่อนั้นย่อมเกิดสภาวะ “กระบี่ใจ” แม้ในมือไม่มีกระบี่ แต่ในใจมีกระบี่
ส่วนในประเทศไทย “กระบี่อยู่ที่ภาคใต้” ในดินแดนด้ามขวานฝั่งอันดามันที่มาพร้อมกับคำขวัญจังหวัดสั้น ๆ แต่โดนใจ “กระบี่ เมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก” ซึ่งวันนี้ชูแนวคิด “กระบี่เมืองสีเขียว” หรือ “กระบี่โกกรีน” (Krabi Goes Green) เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเป้าหมายสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวสีเขียวในระดับสากล
สำหรับหนึ่งในพื้นที่ที่มีการขับเคลื่อนเรื่องการเป็นแหล่งท่องเที่ยวสีเขียวอย่างเด่นชัดในจังหวัดกระบี่ก็คือ “เกาะลันตา” ที่มี “ปฏิญญาอ่าวลันตา” 9 ข้อ เป็นเจตจำนงสำคัญในการเดินหน้าสู่ “ลันตา เกาะสีเขียว” (Lanta Go Green) ที่หลายภาคส่วนต่างร่วมแรงร่วมใจกันอย่างแข็งขัน
ส่งผลให้วันนี้เกาะลันตานอกจากจะเป็น 1 ใน 3 พื้นที่ต้นแบบแห่งกลุ่มทะเลอันดามัน ในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพที่มีการจัดการขยะอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว ยังเดินหน้าสู่การ (ขอ) เป็นแหล่งท่องเที่ยวสีเขียวยั่งยืนระดับโลก “Green Destination Top 100” กับ “โครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวน” ซึ่งที่นี่ถือเป็น “อาณาจักรปูเสฉวน” ที่ใหญ่และสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ของเมืองไทยเลยทีเดียว
เกาะลันตา เกาะสีเขียว เที่ยวสนุก
เกาะลันตา เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดกระบี่ ประกอบด้วย พื้นที่บนฝั่งแผ่นดินใหญ่ คือ ตำบลคลองยาง ตำบลเกาะกลาง และพื้นที่ในทะเลอันดามัน ได้แก่ เกาะต่าง ๆ ในหมู่เกาะลันตา และ 2 เกาะหลัก คือ “เกาะลันตาน้อย” กับ “เกาะลันตาใหญ่” ซึ่งเกาะทั้ง 2 เชื่อมกันด้วย “สะพานสิริลันตา” ที่เป็นสะพานข้ามทะเลจากเกาะสู่เกาะแห่งแรกของเมืองไทย
เกาะลันตาใหญ่ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของภาคใต้ เกาะแห่งนี้มีพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นป่าและทะเลอนุรักษ์อยู่ภายใต้การดูแลของ “อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา” ที่มีพื้นที่ครอบคลุมทั้งบนฝั่งและเกาะต่าง ๆ ในทะเลกระบี่ รวม 25 เกาะด้วยกัน
ผู้ที่ไปเยือนเกาะลันตาใหญ่ ที่นี่มีกิจกรรมท่องเที่ยวหลากหลายให้เลือกเที่ยวทั้งบนเกาะและในทะเล โดยไฮไลต์จุดท่องเที่ยวบนเกาะนั้นก็นำโดย “เมืองเก่าลันตา” (Lanta Old Town) หรือ “ชุมชนศรีรายา” ที่เป็นชุมชนแรกเริ่มบนเกาะลันตามีอายุเก่าแก่นับร้อยปี
ที่นี่มีรอยอดีตอันโดดเด่นเป็นอัตลักษณ์ คือ “บ้านยาว” ซึ่งเดิมเป็นอาคารไม้ 2 ชั้น ตั้งเรียงรายตั้งอยู่ 2 ฟากฝั่งถนน โดยฝั่งที่อยู่ติดริมทะเลจะมีลักษณะพิเศษคือตัวบ้านจะมี “ความยาว” หรือ “ความลึก” (มาก) ตั้งแต่ราว 40-80 เมตร ยื่นเข้าไปในทะเลเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย ทำให้ชุมชนศรีรายามีอีกหนึ่งชื่อเรียก (อย่างไม่เป็นทางการ) ว่า “ชุมชนบ้านยาว”
ปัจจุบันบ้านยาวที่เมืองเก่าลันตาได้มีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยจากจากบ้านพักอาศัย (ของชาวบ้าน) มาเป็นที่พัก โฮมสเตย์ ร้านอาหาร คาเฟ่เก๋ ๆ ร้านขายของที่ระลึกเพื่อตอบโจทย์เทรนด์การท่องเที่ยวร่วมสมัย ซึ่งวันนี้ชุมชนเมืองเก่าลันตาเป็นทั้งถนนคนเดิน ย่านที่พัก แหล่งแฮงก์เอาท์ และสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ยอดนิยมบนเกาะลันตาที่มีคนแวะเวียนมาเที่ยวกันไม่ได้ขาด
บนเกาะลันตาใหญ่ยังมี “บ้านทุ่งหยีเพ็ง” (ต.ศาลาด่าน) ที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือฝั่งตะวันออกเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่ขึ้นชื่อในเรื่องการท่องเที่ยวแบบ Low Carbon เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่นี่มีไฮไลต์คือการ“ล่องเรือแจว ฟังเสียงป่า หาแสง อาบอรุณ”
กิจกรรมนี้ทาง “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านทุ่งหยีเพ็ง” จะพานักท่องเที่ยวนั่งเรือแจวที่เรียกว่า “เรือป็อกชุน” หรือ “เรือเตาถ่าน” (จำลอง) ออกจากบ้านทุ่งหยีเพ็งตั้งแต่ช่วงเช้ามืดใกล้รุ่ง ล่องไปตาม “คลองเตาถ่าน” ที่รอบข้างเป็นป่าชายเลนผืนใหญ่สู่ “ปากอ่าวลันตา” เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นในทะเล ที่นอกจากจะชวนตื่นตาตื่นใจแล้วยังเป็นการชาร์จแบตให้กับชีวิตที่มีพลังอีกทางหนึ่ง
สำหรับอีกหนึ่งจุดไฮไลต์ไม่ควรพลาดบนเกาะลันตาใหญ่ก็คือ “แหลมโตนด” ที่ตั้งอยู่ปลายสุด (ใต้สุด) ของเกาะลันตาใหญ่ ที่นี่มีสัญลักษณ์คู่เกาะลันตาคือ “ประภาคารปัชโชติวชิราภา” หรือที่หลายคนนิยมเรียกว่า “ประภาคารเกาะลันตา” ที่ตั้งอยู่เกือบ ๆ สุดปลายแหลม ซึ่งเป็นดังสัญลักษณ์และภาพจำของเกาะแห่งนี้
แหลมโตนดมีลักษณะเป็นแนวชายหาดและเนินเขาเล็ก ๆ รูปสามเหลี่ยม ที่บริเวณช่วงปลายแหลมฝั่งทิศตะวันออกเป็นแนวชายหาดโค้งยาวประมาณ 300 เมตร ส่วนฝั่งทิศตะวันตกเป็นแนวหาดหินกว้าง ทำให้ที่นี่เป็นทั้งจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกผ่านมุมมองประภาคาร ที่สวยงามและมีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่น้อยเลย
ขณะที่ “หาดบากันเตียง” ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก เหนือขึ้นมาจากแหลมโตนดไม่ไกล นั้นก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมพระอาทิตย์ตกชั้นดีของเกาะลันตาใหญ่ ท่ามกลางบรรยากาศของหาดที่สงบ คนไม่พลุกพล่าน
หาดบากันเตียง มีจุดชมวิวชายหาดมุมสูงริมทาง (ต้องจอดรถด้วยความระมัดระวัง) ซึ่งเมื่อมองลงไปจะเห็นแนวชายหาดทอดตัวโค้งยาว มีแนวเขาทอดตัวรับที่ช่วงปลายหาด เติมเต็มในองค์ประกอบ ในวันที่ฟ้าเป็นใจบรรยากาศพระอาทิตย์ตกที่นี่สวยงามไม่เป็นที่สองรองใครในจังหวัดกระบี่เลยทีเดียว
เปลี่ยนจากเที่ยวบนเกาะมาลงทะเลกันบ้าง ที่เกาะลันตาใหญ่มี “ท่าเรือบ้านศาลาด่าน” เป็นจุดลงเรือออกทะเลไปดำน้ำดูปะการังตามเกาะต่าง ๆ ทั้งในทะเลกระบี่และทะเลตรัง โดยหนึ่งในทัวร์ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวก็คือ ทัวร์ดำน้ำแบบวันเดย์ทริปที่เกาะห้าและเกาะรอก
เกาะห้า หรือ “เกาะตุกนลิมา” เป็นภาษามลายูแปลว่า “กองหินห้าลูก” ตามสภาพพื้นที่ที่เป็นหิน 5 รูป โอบล้อมพื้นที่ในเวิ้งทะเลเกาะห้า เหมาะสมทั้งการดำน้ำตื้นและน้ำลึก บริเวณนี้มีปะการังที่สวยงามในอันดับต้น ๆ ของประเทศ อีกทั้งยัง สามารถพบเจอฉลามวาฬได้บ่อยครั้ง
ขณะที่เกาะรอกนั้นได้รับฉายาว่า “ราชินีแห่งอันดามัน” ประกอบด้วย “เกาะรอกนอก” และ “เกาะรอกใน” ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กันราว 100 เมตร
เกาะรอกนอกเป็นที่ตั้งของเป็นที่ตั้งของ “หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ลต.1” (เกาะรอก) ที่นี่นอกจากจะเป็นจุดพักขึ้นฝั่งรับประทานอาหารกลางวันสำหรับผู้ที่มาดำน้ำกับบริษัททัวร์แล้ว บนเกาะรอกนอกยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สวยงาม มีน้ำทะเลสวยใส และแนวหาดทรายยาวพื้นทรายละเอียดยิบดุจแป้งเดินแน่นนุ่มเท้า
ส่วนเกาะรอกในเป็นเกาะหินสูงตั้งตระหง่าน ที่นอกจากจะมีจุดดำน้ำตื้นที่สวยงามอยู่ในบริเวณนี้แล้ว ยังมีอันซีนคือ “น้ำตกกลางทะเล” เป็นสายน้ำตำเล็ก ๆ จากแอ่งน้ำจืดบนหน้าผาสูงกว่า 130 เมตร ไหลเป็นตกลงสู่ทะเลน้ำ ถือเป็นน้ำตกหนึ่งเดียวในเมืองไทยที่มี 2 สถานะ คือเริ่มต้นจากน้ำจืดแล้วไหลตกลงมากลายเป็นน้ำเค็ม ซึ่งจะมีสายน้ำมากในช่วงหน้าฝน และสวยงามในช่วงปลายฝนต้นหนาวราวตุลาคม-พฤศจิกายน
เกาะลันตา อาณาจักรปูเสฉวน
เกาะลันตามีอีกหนึ่งเสน่ห์ที่เป็นอันซีน ซึ่งหลาย ๆ คนไม่รู้ นั่นก็คือ ที่นี่เป็นถิ่นอาศัยของ “ปูเสฉวน” จำนวนมากเป็นอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย
ปูเสฉวน หรือ ปูเสฉวนบก หรือ “ปูเทียน” เป็นปูที่แปลกแตกต่างจากปูทั่วไป เพราะนอกจากจะเป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังแล้ว พวกมันยังเป็นปูที่ไม่มีกระดอง แต่จะต้องอาศัยเปลือกหอยเป็นที่อยู่อาศัยหรือ “บ้านปูเสฉวน”
ปูเสฉวนเป็นหนึ่งในสัตว์ทะเลที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศชายฝั่ง เพราะพวกมันเป็นผู้ย่อยสลายที่กินได้ทั้งซากพืช ซากสัตว์ ช่วยทำให้ชายหาดสะอาดจนได้ชื่อว่า “นักทำความสะอาดชายหาดตัวยง”
สำหรับเกาะลันตาที่เป็นดังอาณาจักรของปูเสฉวน สามารถพบเห็นพวกมันได้ทั่วไปทั้งตามชายหาดและเกาะต่าง ๆ โดยเฉพาะที่แหลมโตนดและบนเกาะรอกนอกนั้น นักท่องเที่ยวสามารถพบปูเสฉวนออกหากินได้เป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ดีที่ผ่านมาเกาะลันตา (และทะเลอื่น ๆ อีกหลาย ๆ แห่งในเมืองไทย) เคยประสบกับปัญหา “ปูเสฉวนไร้บ้าน” เพราะเปลือกหอยถูกมนุษย์บางจำพวกเก็บเอาไปจนลอดน้อยถอยลงไปมาก สวนทางกับขยะที่เพิ่มมากขึ้นจากฝีมือของมนุษย์บางจำพวก
ทำให้ปูเสฉวนจำนวนมากเลือกหนีตายด้วยการไปอาศัยอยู่ในขยะพวก พวกขวดแก้ว (สั้น) ขวดแก้วแตก กระปุกพลาสติก กระป๋อง หรืออื่น ๆ ซึ่งถือเป็นภาพที่สะเทือนใจแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก ส่วนปูเสฉวนบางตัวที่หาบ้านไม่ได้ก็ต้องทนทรมานก่อนเดินทางกลับดาวปูเสฉวนไป
ด้วยเหตุนี้ทางอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตาจึงริเริ่ม “โครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวน” ขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 โดยทางอุทยานฯ ได้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงร่วมกับ ภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการ และชาวชุมชน รวมถึงนักท่องเที่ยวหัวใจสีเขียว ทำกิจกรรมเพื่อเพิ่มบ้านให้ปูเสฉวนคืนความสมดุลให้ธรรมชาติ ด้วยการเปิดรับบริจาคเปลือกหอย ชนิดเปลือกหอยฝาเดียวขนาดใหญ่ ทั้งหอยน้ำจืดและหอยทะเลทุกขนาด เพื่อนำมาทำบ้านให้กับปูเสฉวน โดยมุ่งเน้นไปที่เปลือกหอยที่เหลือทิ้งจากการบริโภค หรือเปลือกหอยจากโมบายเหลือใช้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องไม่เก็บเปลือกหอยจากชายหาดอื่น ๆ นำมาบริจาคในโครงการนี้ เพราะถ้าเก็บเปลือกหอยจากหาดที่หนึ่ง ๆ มาบริจาค นั่นย่อมไปกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่งของหาดนั้น ๆ ด้วยเหมือนกัน
โครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวนที่เกาะลันตา ตั้งเป้าประสงค์ไว้ว่าในช่วง 1-2 ปีแรก จะทำให้เกิดภาคีเครือข่ายในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจนสามารถดำเนินการด้วยตัวเองได้ จากนั้นจึงขยายแนวคิดไปยังทุกภาคส่วน
ส่วนในช่วงปีที่ 3 และปีต่อ ๆ ไปในอนาคตนั้นตั้งเป้าว่าโครงการนี้จะทำให้มีปูเสฉวนเพิ่มขึ้นทุกหาดในพื้นที่หมู่เกาะลันตา และมีปูเสฉวนขนาดตัวใหญ่จำนวนมากเหมือนในอดีต รวมถึงช่วยลดการกัดเซาะ เพิ่มเม็ดทรายให้ชายหาด นอกจากนี้ยังหวังให้แนวคิดนี้ขยายไปยังทะเลอื่น ๆ ทั่วทั้งประเทศไทย
และด้วยผลตอบรับของโครงการที่เป็นไปด้วยดีมีผลให้เห็นเป็นรูปธรรม ทำให้อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ส่งโครงการนี้เข้าประกวดในเวทีระดับโลก Green Destination Top 100 ประจำปี 2568 ที่เป็นรางวัลที่มอบให้แก่แหล่งท่องเที่ยวที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานสากล ซึ่งนี่ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะนำเสนอแนวคิดการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของไทยสู่สายตาชาวโลก และยังเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป
งานนี้ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยส่งกำลังใจให้กับโครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวนที่กำลังเดินหน้าสู่ในระดับสากล อย่างไรก็ดีไม่ว่าโครงการนี้จะได้ติด 1 ใน Green Destination Top 100 หรือไม่ นั่นไม่สำคัญเท่ากับที่ผ่านมา สามารถเพิ่มบ้านและช่วยชีวิตให้กับปูเสฉวนได้เป็นจำนวนมาก
ชนิดที่ใครมาเที่ยวเกาะลันตาแล้วถ้าไม่เจอปูเสฉวนสักตัว นั่นก็เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึงเกาะลันตาโดยสมบูรณ์
###################
ผู้สนใจโครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวน สามารถส่งมาได้ที่ 59 ม.5 อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา กระบี่ 81150 โทร. 0-7565-6576
นอกจากนี้ยังสามารถสอบถามข้อมูล สถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร บนเกาะลันตาและในจังหวัดกระบี่ ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกระบี่ โทร. 0-7562-2163, 0-7561-2811-2