ดราม่า “คัลแลน-พี่จอง เที่ยวเกาะปันหยี” ถือเป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญของการท่องเที่ยวไทยในยุคโซเชียลครองโลก ว่า หากผู้ประกอบการคนใดเอาเปรียบคดโกง โก่ง-ฟันราคานักท่องเที่ยว หากถูกจับได้ ก็จะถูกชาวโซเชียลตรวจสอบ ขุดคุ้ย ตีแผ่ และ “ฟันกลับ” ด้วยการพร้อมใจกันแบน จนเกิดผลเสียหายกระทบต่อภาพรวมของสถานที่นั้น ๆ
จากกรณีดราม่าคลิป “คัลแลน-พี่จอง เที่ยวเกาะปันหยี” ซึ่งมีผู้แคปภาพจากช่อง Cullen Hateberry ในตอนที่ไปเที่ยวเกาะปันหยี แล้วนำออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ว่าผู้ประกอบการที่เกาะปันหยี โก่งราคาทั้งค่าเรือ ค่าสินค้าที่ระลึก กับ 2 หนุ่มยูทูบเบอร์ชื่อดังชาวเกาหลี จนกลายเป็นไวรัลร้อนแรงบนโลกโซเชียล สร้างความเสียหายให้ชาวเกาะปันหยีและบรรยากาศการท่องเที่ยวของจังหวัดพังงา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ที่ห้องประชุมอำเภอเมืองพังงา นายพีรพัฒน์ เงินเจริญ นายอำเภอเมืองพังงา ได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ โดยได้มีการชี้แจงในเรื่องค่าเรือโดยสารจากผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ บ้านในหงบว่า ราคา 1,000 บาท เป็นราคามาตรฐานของการเหมาเรือไป-กลับเกาะปันหยี ส่วนราคาเหมาลำเที่ยวอ่าวพังงานั้นราคา 2,000 บาท ในส่วนของท่าเรือบ้านท่าด่านนั้นถ้าเป็นเรือโดยสารแบบขาเดียวนั้นคนละ 50 บาท แต่เวลาไป-กลับไม่แน่นอน เพราะจะต้องรอให้ได้ผู้โดยสารตามจำนวนเรือถึงจะออก ในส่วนของประเด็นอาหารแพงนั้น ทางผู้ประกอบการยืนยันว่ามีราคาแสดงไว้ชัดเจนทุกร้าน
ขณะที่นายประสิทธิ์ เหมมินทร์ รองนายก อบต.เกาะปันหยี กล่าวว่า จากการให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อวานนี้นั้นตนเอง ต้องขออภัยที่ไม่ได้ดูคลิปของคัลแลน-พี่จอง ให้จบ และได้ให้ทีมงานสอบถามไปที่คนขายจึงให้สัมภาษณ์ไปตามข้อมูลที่ได้มา ซึ่งทางคนขายจะขอชี้แจงเองและจะขอโทษที่มีการสื่อสารที่ผิดพลาดกัน ในส่วนที่บอกว่าจะใช้เรื่องของกฎหมายกับคนที่คอมเม้นท์ให้เสียหายนั้น ขอยืนยันว่าจะไม่มี พร้อมจะแก้ไขจัดการในพื้นที่ต่อไป ขณะที่มีการติดต่อไปยังทีมงานของ คัลแลน-พี่จอง เขาก็รู้สึกตกใจว่ามีการนำคลิปของเขามาสร้างกระแสดราม่าในสื่อโซเชียลให้ชาวเกาะปันหยีเสียหายด้วยเช่นกัน
จากนั้น รองนายก อบต.เกาะปันหยี ได้เดินทางลงเรือไปยังเกาะปันหยี เพื่อพบกับนักท่องเที่ยวและร้านค้าต่าง ๆ บนเกาะซึ่งพบว่า นักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกำลังเดินเที่ยวชอปสินค้าของฝากต่างบนเกาะกันอยู่เมื่อสอบสามร้านอาหารตามสั่งที่คัลแลน-พี่จองมากินก็บอกราคาเริ่มต้นที่ 50 บาท ส่วนร้านโรตีแผ่นละ 20 บาท
ขณะที่ร้านขายของที่ระลึกที่เป็นประเด็นดราม่าในโซเชียลนั้น แม่ค้าผู้ขายบอกว่า ตนไม่รู้จักว่าเป็น คัลแลน-พี่จอง เขามาเลือกชื้อเปลือกหอยมุกฝาใหญ่ราคา 500 บาท สร้อยข้อมือ 300 บาท รวม 800 บาทซึ่งเป็นราคาปกติที่ขายอยู่ และหยิบสร้อยข้อมืออีกชิ้นราคา 300 บาท แล้วบอกว่าแถมให้ในราคารวม 1,000บาท ซึ่งตนก็คิดว่าตนพูดไม่ถูกทำให้เกิดการสื่อสารที่ผิดพลาดพร้อมยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด และขอบอกว่าตนเองไม่ได้ขายสินค้าแบบโขกราคาจริง ๆ ขณะที่คุณยายอีกร้านที่ขายของที่ระลึกเช่นกันบอกว่าเขาเลือกซื้อสินค้าในราคา 1,000 บาท และต่อราคาเหลือ800 บาท ตนก็ลดให้ โดยที่คนซื้อบอกว่าไม่ต้องทอน ตนจึงหยิบสินค้าเพิ่มให้มูลค่ามากกว่า200 บาทอีก
ด้านนายพีรพัฒน์ เงินเจริญ นายอำเภอเมืองพังงา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบเรื่องนี้นั้นพบว่าเรื่องค่าเรือนั้นเป็นราคาปกติ ในส่วนของอาหารตามสั่งก็มีราคาจานละ 50-60 บาท โรตีก็แผ่นละ 20 บาท ส่วนราคาของฝากของที่ระลึกนั้นก็เป็นงานฝีมือวัตถุดิบและอุปกรณ์ก็ไม่เหมือนกัน ราคาแต่ละร้านก็เลยต่างกัน ซึ่งจะต้องให้มีการติดราคาขายที่ชัดเจนกว่านี้ จากการที่ได้สอบถามร้านขายของที่ระลึกที่เป็นประเด็นนั้นก็พบว่าเป็นราคาปกติและเกิดผิดพลาดในการสื่อสาร ซึ่งผู้ขายก็ยอมความความผิดพลาดที่เกิดขึ้นแล้ว จึงอยากให้ทุกคนลงมาพิสูจน์ในพื้นที่จริง และหลังจากนี้ ผวจ.พังงา ได้มีนโยบายแนวทางในการพัฒนาเกาะปันหยี โดยกำหนด Standard Operating Procedure (SOP) ทั้งด้านบริการ ราคาและอื่นๆ ให้เป็นมาตรฐานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ คุณภาพ ในการต้อนรับนักท่องเที่ยวเข้าสู่เกาะปันหยีและพังงาในภาพรวมต่อไป
สำหรับเกาะปันหยี ตั้งอยู่ในตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมือง จังหวัดพังงา เป็นเกาะเล็ก ๆ มีพื้นที่ราบอยู่ประมาณ 1 ไร่ ตั้งอยู่กลางทะเลอันดามัน เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดพังา และถูกยกให้เป็น “อันซีนไทยแลนด์” เนื่องจากมีลักษณะเป็นหมู่บ้านกลางทะเลอันดามันอันโดดเด่น
ชาวบ้านบนเกาะปันหยี นับถือศาสนาอิสลาม ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน และการท่องเที่ยว โดยเกาะปันหยีเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอ่าวพังงาในเส้นทางท่องเที่ยวเขาตาปู เขาพิงกัน และเกาะปันหยี
บนเกาะปันหยีมีสิ่งน่าสนใจที่เป็นไฮไลต์ทางการท่องเที่ยว อาทิ “หมู่บ้านกลางน้ำ” ที่เป็นเส้นทางเดินเที่ยวบนเกาะ ซึ่งมากไปด้วยร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึก “สนามฟุตบอลลอยน้ำ” หนึ่งเดียวในเมืองไทยที่เป็นดังสัญลักษณ์ของเกาะปันหยีจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก “ลานหอยมุก” แลนด์มาร์กของเกาะกับประติมากรรมหอยมุกขนาดใหญ่ และ “รอยพระพุทธบาทโบราณ” ซึ่งเพิ่งถูกค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2564 ตั้งอยู่บนแผ่นหินในป่าชายเลนที่มีสภาพอุดมสมบูรณ์ ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 3 กิโลเมตร
ทั้งนี้หลังเกิดกรณีดราม่าคัลแลน-พี่จอง เที่ยวเกาะปันหยี จนทำให้มีชาวเน็ตออกมาคอมเม้นท์โจมตีเกาะปันหยี โดยเฉพาะในเรื่องของการขายของแพง มีการการโก่งราคา ฟันราคา นักท่องเที่ยว กันเป็นจำนวนมาก แต่กระนั้นก็มีชาวเน็ตส่วนหนึ่งมองว่า ไม่ควรนำการกระทำของผู้ประกอบการเห็นแก่ตัวบางคนมาโจมตีการท่องเที่ยวเกาะปันหยี และจังหวัดพังงาแบบเหมารวม รวมถึงบอกว่าปกติการท่องเที่ยวเกาะ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ย่อมสูงกว่าบนฝั่ง ส่วนกรณีดราม่าที่เกิดขึ้น ทางภาครัฐควรลงโทษเป็นรายบุคคล เพราะตามสถานสที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ มักมีคนจำพวกนี้อยู่ จึงควรลงโทษให้หลาบจำ
ด้านพี่จองยูทูบเบอร์ชาวเกาหลีคนดังก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวในกรณีดังกล่าว โดยพี่จองได้โพสต์ข้อความลงในไอจีส่วนตัว jung_kt_ เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 67 ระบุว่า
“ผมคิดว่า ทุกๆ ที่ มีทั้งดี และไม่ดี ผมอยากให้ทุกๆคน มองแต่สิ่งดีๆ เราจะเป็นคนที่มีความสุข มองดูที่นี้ครับ”
สำหรับผู้ที่ไปเที่ยวเกาะปันหยี ควรสอบถามราคาค่าเรือ ค่าอาหาร ค่าสินค้าของที่ระลึก ให้ชัดเจนก่อนรตกลงจ่ายเงินทุกครั้ง เพื่อป้องกันผู้ประกอบการบางคนเล่นไม่ซื่อ และจะได้ไม่เกิดดราม่าขึ้นในภายหลัง
นอกจากนี้นี่ยังเป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (และทั่วโลก) ว่าในยุคที่โซเชียลครองโลก ผู้ประกอบการคนใดที่เห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ เล่นไม่ซื่อด้วยการเอาเปรียบคดโกง โก่ง ฟันราคา นักท่องเที่ยว หากถูกจับได้ ก็จะถูกชาวโซเชียลตรวจสอบ ขุดคุ้ย ตีแผ่ และ “ฟันกลับ” ด้วยการพร้อมใจกันแบน จนเกิดผลเสียหายกระทบต่อภาพรวมของการท่องเที่ยวในสถานที่นั้น ๆ ซึ่งสุดท้ายแล้ว คำว่า “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” ยังคงใช้ได้ดีเสมอ ไม่ว่าในยุคสมัยไหน
ไม่เว้นแม้แต่ในยุคนี้ที่แม้ว่าเมืองไทยเต็มไปด้วยคนคดโกงเต็มบ้านเต็มเมืองก็ตาม
