ทะเลหมอกลอยอ้อยอิ่งห่มคลุมขุนเขาเขียวขจีในยามเช้า สายน้ำโขงไหลเอื่อยไปตามร่องน้ำที่มีเกาะแก่งเป็นโขดหินงามกลางลำน้ำท่ามกลางวิถีชีวิตประมงพื้นบ้าน ทางเดินบนกระจกใสเหนือพื้นดินราว 80 เมตร มองเห็นความคดโค้งของแม่น้ำโขงกับความชอุ่มชุ่มชื้นของดินแดนเพื่อนบ้าน ทั้งหมดนี้ คือ ทัศนียภาพสุดตระการตาที่นักท่องเที่ยวสัมผัสได้ที่ “เชียงคาน”
เมื่อพูดถึง “เชียงคาน” อำเภอริมแม่น้ำโขงสุดโด่งดังของจังหวัดเลย หลายคนคงนึกภาพเรือนไม้ร้านค้าริมแม่น้ำโขง ถนนคนเดินบรรยากาศน่าหลงใหล หรือการตักบาตรข้าวเหนียวยามเช้า แต่เชียงคานยังมีแหล่งท่องเที่ยวสำหรับการชื่นชมสัมผัสธรรมชาติอีกด้วย ผ่านรูปแบบจุดชมวิวสุดตระการตา
ภูทอก
ภูเขาสูงซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีโทรคมนาคมอำเภอเชียงคาน นั่งรถออกจากตัวเมืองเชียงคานไปประมาณ 10 นาที “ภูทอก” เป็นภาษาอีสาน หมายถึง “ภูเขาที่โดดเดี่ยว” ลักษณะของที่นี่จึงเป็นไปตามความหมาย เพราะเป็นภูเขาสูงโดดๆลูกเดียว และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัส “ทะเลหมอกแห่งเชียงคาน”
การชมทะเลหมอกยามเช้าบนภูทอก เหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มอย่างแท้จริง เพราะไม่ต้องปีนป่าย เดินขึ้นเขา บุกป่าฝ่าดงใดๆ เนื่องจากมีถนนลาดยางคดเคี้ยวที่มีรถสองแถวขับบริการรับส่งถึงยอดภูที่เป็นลานกว้างแบบ 360 องศา ชมความงามของเชียงคานได้รอบทิศ ไปจนถึงประเทศเพื่อนบ้าน
หากเดินทางไปในฤดูฝนหรือฤดูหนาวบนยอดภูแห่งนี้ มีโอกาสเห็นทะเลหมอกสูงมาก เพราะเป็นพื้นที่แนวเขาฝั่งประเทศลาว ขนานไปกับแม่น้ำโขง และที่ราบเกษตรกรรมเขียวขจี ปริมาณความชื้นจึงพอเหมาะแก่การที่ธรรมชาติจะรังสรรค์ทะเลหมอกไว้อวดโฉมผู้มาเยือน
ทั้งนี้ การชมทิวทัศน์บนภูทอก สามารถขึ้นไปได้ทุกวัน ตั้งแต่ 5.00-18.00 น. แต่ช่วงเวลาที่สวยที่สุด ต้องยกให้เวลาเช้า เพราะเป็นช่วงเวลาพระอาทิตย์ส่องแสงแรกอบอุ่น มีอากาศเย็นสบาย และมีโอกาสเห็นทะเลหมอกเต็มสายตา
การเดินทางไปยังจุดชมวิวภูทอกต้องจอดรถไว้ด้านล่าง แล้วใช้บริการรถสองแถวที่ทางองค์การบริหารส่วนตำบลเชียงคาน จัดเตรียมไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว เพื่อความระเบียบของระบบจราจร มีค่าโดยสารไป-กลับ คนละ 25 บาท
แก่งคุดคู้
แหล่งท่องเที่ยวชมวิวธรรมชาติของเชียงคานที่สะดวกสบายเดินทางง่ายที่สุด คือ “แก่งคุดคู้” พื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงที่ออกมาจากตัวเมืองเพียง 5 นาที ซึ่งมีบางคนเปรียบว่าเป็นสถานที่ตากอากาศของคนเชียงคาน เพราะมีทั้งความงามทางธรรมชาติ ที่พัก ร้านอาหาร
แก่งคุดคู้ เป็นบริเวณโค้งน้ำของแม่น้ำโขงระหว่างไทย-ลาว จุดเด่นในช่วงฤดูแล้ง หรือช่วงน้ำลด จะมองเห็นเกาะแก่งขนาดน้อยใหญ่ต่างๆอยู่กลางแม่น้ำ เป็นความสวยงามแปลกตา โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาขนาดใหญ่ในฝั่งลาว เรียกว่า “ภูควายเงิน” ส่วนพื้นที่ริมแม่น้ำฝั่งไทย มีการปรับภูมิทัศน์เป็นสวนสาธารณะ จุดชมวิว ป้ายสื่อความหมายเรื่องเล่าตำนานพื้นบ้าน
ตำนานพื้นบ้านนี้เกี่ยวข้องกับแก่งคุดคู้เป็นเรื่องเล่าต่อกันมาว่า ในสมัยก่อนมีพรานป่าชื่อ “จึ่งขึ่งดั้งแดง” รูปร่างสูงใหญ่ล่ำสัน มีฝีมือในการล่าสัตว์ วันหนึ่งนายพรานผู้นี้ตามล่า “ควายเงิน” มาจากหลวงพระบาง เมื่อมาถึงริมน้ำโขงเห็นควายเงินพักกินน้ำ นายพรานจึงดักซุ่มยิง แต่มีเรือแล่นผ่านมาเสียก่อน ควายเงินตกใจตื่นเตลิดขึ้นไปบนเขาลูกหนึ่ง นั่นคือ “ภูควายเงิน”
นายพรานตามไปยิงถูกเขาอีกลูกจนพังทลายไปส่วนหนึ่ง กลายเป็นหน้าผาสูงชันเรียกว่า “ภูผาแบ่น” นายพรานโกรธชาวบ้านที่แล่นเรือผ่านมาทำให้ควายเงินเตลิดหนีไป เขาจึงกลั่นแกล้งด้วยการขนหินมาขวางกั้นลำโขงไม่ให้เดินเรือได้
นายพรานทำภารกิจนี้เกือบสำเร็จ แต่มีสามเณรรูปหนึ่งมาเห็นเข้า เณรจึงออกอุบายให้นายพรานใช้ไม้เฮียะ (ไม้ไผ่ชนิดหนึ่ง) ผ่าซีกหาบหินแทน ไม้เฮียะผ่าแล้วจะเป็นสันคมกริบ เมื่อนายพรานใช้หาบหิน ไม้นั้นก็บาดคอนอนตายคุดคู้อยู่ที่ริมโขงนั้นเอง แก่งหินดังกล่าว จึงถูกเรียกว่า “แก่งคุดคู้”
แก่งหลายแห่งบริเวณนี้ มีชื่อเรียกต่างๆ เช่น แก่งฟ้า แก่งจันทร์ แม้เป็นอุปสรรคต่อการเดินเรือในลำน้ำโขงมาแต่อดีต แต่ก็เป็นบริเวณที่มีปลาเข้ามาอยู่อาศัยอย่างชุกชุม จึงเป็นจุดที่ได้เห็นเรือประมงพื้นบ้านลอยล่องอยู่กลางลำน้ำเพื่อจับปลาเป็นภาพวิถีชีวิตอันเรียบง่ายแอบอิงอยู่กับธรรมชาติ และสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจล่องเรือชมวิวสองฝั่งโขง ก็มีเรือหางยาวให้บริการในบริเวณนั้นด้วย
สกายวอล์คเชียงคาน (ภูคกงิ้ว)
เดินทางจากตัวเมืองเชียงคาน ออกมาราว 20 กิโลเมตร จนถึงสุดเขตแดนที่เชื่อมต่อกับประเทศลาว แลนด์มาร์กชมวิวอีกแห่งที่ได้รับความนิยม คือ “สกายวอล์คเชียงคาน” หรือ “สกายวอล์ค ภูคกงิ้ว" ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านท่าดีหมี ตำบลปากตม
ที่นี่เป็นสกายวอล์คยื่นออกไปจากเนินผา โดยมีโครงเหล็กรองรับ ทางเดินกว้าง 2 เมตร ทำด้วยกระจกใสมองเห็นวิวด้านล่างและทิวทัศน์แบบ 360 องศา เส้นทางเดินคล้ายรูปทรงสามเหลี่ยมนั้นมีความยาวกว่า 100 เมตร และมีความสูงกว่าระดับแม่น้ำโขงประมาณ 80 เมตร หรือเทียบเท่าตึก 30 ชั้น ชวนให้ใครที่กลัวความสูงรู้สึกหวิวๆสั่นสะท้าน
ทัศนียภาพของจุดชมธรรมชาติแห่งนี้ มองเห็นจุดตัดระหว่างแม่น้ำเหืองไหลบรรจบแม่น้ำโขง เป็นแม่น้ำสองสีตัดกันอย่างชัดเจน ซึ่งถือเป็นแม่น้ำกั้นชายแดนไทย-ลาว มองเห็นบรรยากาศของประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะหากเดินทางมาในช่วงปลายฝนหรือฤดูหนาว ก็มีโอกาสได้เห็นทะเลหมอกริมแม่น้ำโขง
ภายในบริเวณเดียวกัน ยังเป็นที่ประดิษฐาน “พระใหญ่ภูคกงิ้ว” หรือ “พระพุทธนวมินทรมงคลลีลาทวินคราภิรักษ์” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางลีลาประทานพร หล่อด้วยไฟเบอร์ผสมเรซิ่นทอง สูงกว่า 19 เมตร จัดสร้างขึ้นโดยกองทัพภาคที่ 2 ร่วมกับประชาชนเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ครบ 6 รอบ และในมหามงคลแห่งราชพิธีราชาภิเษก ครบ 50 ปี
สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเดินเที่ยวชมบนสกายวอล์ค เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 07.00 - 18.00 น. มีค่ารถสองแถวรับส่งขึ้น-ลงสกายวอล์ค คนละ 20 บาท และค่ารองเท้าสำหรับเดินสกายวอล์ค 30 บาท
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline