ลิซ่าฟีเวอร์ คนเปรียบดัง “เทพธิดาผ้าซิ่น” หลังนุ่งซิ่นเที่ยวกรุงเก่า ดันกระแสผ้าไทยดังไกลทั่วโลก ทำชาวเน็ตสนใจภูมิปัญญา “ผ้าฝ้ายหมักโคลนย้อมคราม” พร้อมสั่งซื้อจากร้านต้นทางจนขายหมดอย่างรวดเร็ว ด้าน ททท. ไม่รอช้า เตรียมจัดเส้นทางตามรอย “ลิซ่า” เที่ยวอยุธยาทันที
หลังวง “BLACKPINK” เสร็จสิ้นคอนเสิร์ตส่งท้ายปีที่ประเทศไทย เมื่อช่วงปลายเดือน พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา “ลิซ่า BLACKPINK“ หรือ “ลลิษา มโนบาล” ยังคงอยู่พักผ่อนต่อในเมืองไทย โดยล่าสุดลิซ่าได้โพสต์ภาพการไปไหว้พระที่อยุธยากับผองเพื่อนลงในอินสตาแกรมส่วนตัว (@lalalalisa_m)
หลังจากนั้นได้เกิดกระแสลิซ่าฟีเวอร์ขึ้นอีกครั้งในบ้านเรา หลายคนตั้งใจจะไปเที่ยวเมืองกรุงเก่า จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าวัด ไหว้พระ เช็กอิน ตามรอยลิซ่า ใน 3 วัดที่ปรากฏใน IG คือ วัดมหาธาตุ วัดหน้าพระเมรุ และวัดแม่นางปลื้ม รวมถึงกินอาหารที่ร้านขาวละออ ร้านดีกรีมิชลินเจ้าดังแห่งเมืองกรุงเก่าอีกด้วย
นอกจากนี้ยังเกิดกระแส แต่งชุดไทย นุ่งซิ่นตามรอยลิซ่า โดยผ้าถุงหรือผ้าซิ่นลายไทยสีน้ำเงินขาว ที่ลิซ่าสวมใส่นั้น เป็น “ผ้าฝ้ายหมักโคลนย้อมคราม” ของร้าน “ชานเรือน นาข่า” (Chanruen Nakha) จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นร้านผ้าไทยของ นางสุวิมล ไชยวงศ์ คุณแม่น้องเดียร์น่า ฟลีโป ดารานักแสดงเพื่อนสนิทของลิซ่าที่ร่วมออกทริปทัวร์เมืองกรุงเก่าด้วยกัน
สำหรับผ้าฝ้ายหมักโคลนย้อมครามเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านการทำผ้าไทยของ จ.อุดรธานี และอีกหลายพื้นที่ของไทย ซึ่งทางเพจ “สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย” ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำผ้าฝ้ายหมักโคลนย้อมคราม ว่า เป็นงานหัตถกรรมผ้าทอมือที่ขึ้นชื่อของจังหวัดอุดรธานี และเป็นอีกหนึ่งภูมิปัญญาที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษมายาวนาน
การนำผ้ามาหมักโคลนนั้นเกิดจากวิถีของชาวบ้านที่นุ่งผ้าออกไปทำงาน ทำไร่ ทำนา เปื้อนดินโคลน เมื่อกลับมาบ้านนำผ้าไปซักจึงพบว่าผ้ามีความนุ่มและเงาอย่างน่าประหลาด จนเป็นที่มาของผ้าฝ้ายหมักโคลนในปัจจุบัน
ส่วนการย้อมครามนั้นเป็นการย้อมสีจากธรรมชาติ โดยสีที่ได้มาจากต้นครามซึ่งผ่านกระบวนการในการนำมาหมักครามจนเกิดเป็นสีน้ำเงินที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์
ส่วนการทอผ้ามัดหมี่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ มีกรรมวิธีการทอโดยเริ่มจากนำเส้นด้ายหรือไหมมาย้อมสีแล้วมัดบริเวณที่ต้องการเก็บไว้ เมื่อนำไปย้อมสีอื่นจะได้ไม่ติดสี เพียงซึมเข้ามาบางส่วน โดยย้อมเรียงลำดับจากสีอ่อนไปหาสีเข้มจนครบ ตามลวดลายที่กำหนด
จากนั้นจึงนำด้ายกรอเข้าหลอดตามลำดับ แล้วนำไปทอจะเกิดลวดลายบนผืนผ้า ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญในการมัดย้อมและทอเป็นอย่างมาก
ด้าน นางสุวิมล ไชยวงศ์ เจ้าของร้านชานเรือน เปิดเผยว่า ผ้าฝ้ายหมักโคลนย้อมคราม ที่ลิซ่าสวมใส่นั้น เป็นผ้ามัดหมี่หมักโคลนย้อมครามลายดั้งเดิม ชื่อ “ลายขอนาค” ที่ชาวบ้านตั้งขึ้น
ลักษณะของผ้าเป็นการมัดหมี่ด้วยมือจากนั้นนำไปย้อมครามและทอด้วยมือ โดยลายนี้นำเสนอความเป็นอีสาน การผลิตผ้าชิ้นนี้ใช้เวลาทำนานร่วมเดือน กว่าจะมัดลายย้อมคราม จากนั้นนำไปปั่นใส่หลอดและทอทีละเส้น ซึ่งจะต้องใช้ความชำนาญของช่าง
ผ้าผืนที่น้องลิซ่าสวมใส่ถ่ายลง Instagram ตอนนั้นได้ยินข่าวว่าน้องจะไปทำบุญ เราก็คิดว่าน้องอาจจะอยากใส่ผ้าถุงจึงทำไปให้หลายผืนและไม่คิดว่าน้องจะใส่ การที่น้องลิซ่าใส่ผ้าไทยรู้สึกดีที่คิดว่าเป็นการรณรงค์ให้คนรุ่นใหม่ใส่ผ้าไทยไปวัด ส่วนตัวรู้สึกว่าน่ารักดี ซึ่งลายแบบนี้เราทำไว้ไม่เยอะประมาณ 4 ผืน และตอนนี้มีคนสั่งซื้อหมดแล้ว
“หากน้องลิซ่าฟังอยู่ ถือว่าน้องทำดีแล้วน้องเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ผ้าไทย ดีใจที่ใส่ผ้ามัดหมี่ย้อมครามของคนอีสาน” นางสุวิมลกล่าว
ด้าน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก็ไม่รอช้า เตรียมจัดเส้นทางท่องเที่ยว ปักหมุดวัดสำคัญอยุธยา ตามรอยที่ “ลิซ่า” ไปเที่ยว โดยเชื่อนักท่องเที่ยวสนใจ และผ้าไทยจะดังไกลไปทั่วโลก
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าด้านการตลาดในประเทศ ททท. เปิดเผยว่า ลิซ่า BLACKPINK ถือเป็นศิลปินชาวเอเชีย ที่มีคนติดตามสูงที่สุดในอินสตาแกรม กว่า 90 ล้านคนทั่วโลก นับเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางโลกออนไลน์ เวลาจะทำอะไรเรียกว่าแฟนๆก็จะติดตามและให้ความสำคัญ ที่สำคัญต้นทุนทางวัฒนธรรมของไทย อย่างวัดวาอาราม ที่ออกไปสู่สายตาชาวโลกก็จะทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ จะให้ความสนใจอย่างมาก
“หลังจากน้องลิซ่า โพสต์ไปเที่ยวอยุธยา ไม่ถึงชั่วโมงมีคนเข้าไปดูจำนวนมาก โดยน้องลิซ่าได้ใส่ชุดผ้าไทยซึ่งเป็นผ้าหมักโคลน จ.อุดรธานี ถือว่าสวยงามมาก และมีหลายคนกล่าวว่านี่แหละที่ถือว่าเป็นตัวตนที่แท้จริงของน้องลิซ่า ความเป็นอัธยาศัยไมตรี ได้ส่งผ่านในโซเซียล และให้การชื่นชม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ แฟชั่นที่ใช้ผ้าไทย ซึ่งตอนนี้คาดว่าผ้าไทยจะดังไกลไปทั่วโลก” นางสาวฐาปนีย์ กล่าว
ทั้งนี้ททท. ได้ใช้โอกาสนี้ ทำเส้นทางการท่องเที่ยวตามรอย “ลิซ่า” และมีการปักหมุดตามวัดสำคัญๆที่ ลิซ่า ไปเที่ยวเอาไว้แล้ว เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เดินทางไปโดยสะดวก และต้องขอขอบคุณ ลิซ่า BLACKPINK ที่มีส่วนช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย