ชวนขึ้นเหนือไปพักใจ นั่งรถไฟสายท้องถิ่น ตระเวนไหว้พระที่ “ลำพูน-เชียงใหม่” แล้วมาพักผ่อนที่ “แทมมาริน วิลเลจ” ที่พักกลิ่นอายล้านนาใจกลางเมืองเชียงใหม่
ฤดูหนาว (ที่ไม่ค่อยหนาว) ของไทย นับว่าเป็นฤดูกาลแห่งการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าใครๆ ก็อยากจะเก็บกระเป๋าออกเดินทางไปสัมผัสอากาศเย็นๆ หรือแม้แต่เลือกจะเที่ยวภุเขา เที่ยวทะเล เป็นการผ่อนคลายหลักจากทำงานอย่างหนักมาตลอดทั้งปี
อย่างทริปนี้เราขอแพ็คกระเป๋าเดินทางขึ้นเหนือมาที่ “เชียงใหม่” เป็นจุดตั้งต้น ก่อนจะขึ้นรถไฟสายท้องถิ่นไปที่ “ลำพูน” ไปไหว้พระในตัวเมืองลำพูน ก่อนจะกลับมาที่เชียงใหม่ แวะเที่ยวสบายๆ ในตัวเมือง ปิดท้ายด้วยการพักผ่อนทั้งใจและกายในหมู่บ้านมะขาม “แทมมาริน วิลเลจ”
นั่งรถไฟท้องถิ่นเที่ยววัดที่ลำพูน
อย่างที่บอกว่าเราออกสตาร์ทกันที่เชียงใหม่ และเพื่อจะขึ้นรถไฟสายท้องถิ่นไปที่ลำพูน ก็ต้องมาขึ้นรถไฟที่ “สถานีรถไฟเชียงใหม่” โดยจะออกประมาณ 09.30 น. นั่งรถไฟชิลๆ ชมวิวสองข้างทาง ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะมาถึงสถานีลำพูน
จากสถานีลำพูนต้องหารถโดยสารเข้าเมือง หรือหากอยากเที่ยวเส้นทางนี้แบบสบายๆ มีไกด์พาชม สามารถสอบถามได้ที่ “โรงแรมแทมมาริน วิลเลจ” เชียงใหม่
“ลำพูน” หนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของไทย มีอายุกว่า 1,300 ปี เมืองเก่าลำพูนมีรูปร่างเป็นวงรี มีคูน้ำล้อมรอบทุกด้าน ปัจจุบันมีประตูเมืองหลักอยู่ห้าทิศคือ ทิศเหนือประตูช้างสี ทิศตะวันออกประตูท่าข้าม ทิศใต้ประตูลี้ ทิศตะวันตกประตูมหาวัน และ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือคือประตูท่านาง
และจุดแรกที่เราจะมาแวะชมคือบริเวณทิศตะวันออกของเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “วัดพระยืน”
“วัดพระยืน” เป็นหนึ่งในวัดสี่มุมเมืองทางทิศตะวันออก ภายในวัดมี “เจดีย์วัดพระยืน” ลักษณะโดดเด่นแตกต่างจากเจดีย์ทั่วๆ ไปในเมืองไทย เป็นศิลปกรรมพม่า คล้ายกับเจดีย์วัดสัพพัญญูในเมืองพุกาม สร้างยกพื้นลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ มีบันไดเดินขึ้นสู่ลานประทักษิณชั้นบนที่ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว และมีเจดีย์บริวารองค์เล็กอยู่ทั้ง 4 มุม ส่วนเรือนธาตุเป็นองค์ 4 เหลี่ยม มีซุ้มจระนำทั้ง 4 ด้าน ภายในประดิษฐานองค์พระพุทธรูปยืนสีทอง เหนือขึ้นไปเป็นมาลัยเถา 4 เหลี่ยม ซ้อน 3 ชั้น ยอดเป็นฉัตรสีทองอร่าม
ต่อไปกันที่วัดที่สอง “วัดสันป่ายางหลวง” วัดสวยอีกแห่งหนึ่งในเมืองลำพูน เดิมเคยเป็นศาสนสถานของพราหมณ์-ฮินดู เนื่องจากมีการขุดค้นพบพระพิฆเนศในบริเวณนี้ หลังจากนั้นก็มีพระจากพม่าเข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาจนชาวบ้านเลื่อมใส และเปลี่ยนสถานที่นี้เป็นวัดชื่อว่า ขอมลำโพง เป็นวัดทางพุทธศาสนาแห่งแรกของล้านนา ต่อมามีการปฏิสังขรณ์และเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า อาพัทธารามป่าไม้ยางหลวง และเชื่อว่าวัดแห่งนี้เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระนางจามเทวี
ภายในวัดประดิษฐาน “พระเจ้าเขียวโขง” หรือ “พระพุทธอัญญรัตนมหานทีศรีหริภุญชัย” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิแกะสลักด้วยหินสีเขียวเนื้อละเอียดจากแม่น้ำโขงที่มีพุทธลักษณะงดงามยิ่งนัก ประดิษฐานอยู่ด้านบนพระพุทธเมตไตรจำลองมาจากพุทธคยา ตอนที่พระพุทธเจ้าโคตรมะบรรลุธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อีกหนึ่งวัดที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนลำพูนก็คือ “วัดพระธาตุหริภุญชัย” เป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองลำพูน และเป็นสถานที่ประดิษฐาน “พระธาตุหริภุญชัย” พระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลำพูน และพระธาตุประจำปีคนเกิดปีระกา (ไก่) ตามคติความเชื่อของชาวล้านนา ภายในประดิษฐานพระเกศธาตุบรรจุอยู่ในโกศทองคำ ซึ่งในแต่ละวันจะมีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาไหว้องค์พระธาตุหริภุญชัยกันไม่ได้ขาด
นอกจากพระธาตุหริภุญชัยที่เป็นศูนย์รวมใจของชาวลำพูนแล้ว วัดพระธาตุหริภุญชัยและบริเวณโดยรอบยังมีสิ่งน่าสนใจให้สักการะและเที่ยวชมกันอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “ซุ้มประตูโขงท่าสิงห์”, “พระเจ้าทองทิพย์” ในโบสถ์ด้านหน้า, “พระมหามุนีศรีหริภุญชัย” พระพุทธปฏิมาในวิหารหลวง, “หลวงพ่อพระนอน”, “พระเจ้าแดง”, “สุวรรณเจดีย์” หรือ “เจดีย์ปทุมวดี”, “รอยพระพุทธบาท 4 รอย”, “เสาสะดือเมือง” เป็นต้น
ไหว้พระที่วัดพระธาตุหริภุญชัยแล้ว อย่าลืมข้ามถนนมาที่ฝั่งตรงข้ามวัดจะเป็นกาดขัวมุงท่าสิงห์ จุดขายของกินของฝากจากลำพูน และเมื่อเดินตรงเข้าไปเรื่อยๆ ก็จะถึงร้าน “ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นลำไย” ก๋วยเตี๋ยวร้านเด็ด ของดีเมืองลำพูน (อ่านรีวิวร้าน “ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นลำไย”)
เดินเล่น-ไหว้พระในเมืองเชียงใหม่
ส่วนในตัวเมือง “เชียงใหม่” นั้นก็มีวัดสวยๆ วัดเก่าแก่ที่ชวนชมมากมาย บางวัดก็สามารถเดินเล่นสบายๆ ใช้เวลาเพียง 2-3 ชั่วโมงก็ไปได้หลายแห่งแล้ว เนื่อกจากในตัวเมืองนั้นมีวัดที่ตั้งอยู่ติดๆ กันหลายวัด
เริ่มต้นการเดินเที่ยววัดจากโรงแรมแทมมาริน วิลเลจ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทะลุด้านหลังโรงแรมก็จะเป็น “วัดอุโมงค์ (มหาเถรจันทร์)” วัดเล็กๆ ที่สร้างขึ้นเมื่อราว พ.ศ.1839-1840 มีการสันนิษฐานว่าเกี่ยวข้องกับวัดอุโมงค์ (พุทธธรรม) บริเวณเชิงดอยสุเทพ ซึ่งเป็นที่จำพรรษาของพระมหาเถรจันทร์ อาจะเป็นไปได้ว่าวัดอุโมงค์แห่งนี้เป็นวัดที่ท่ามาบวชและจำพรรษาอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนจะไปจำพรรษาที่วัดอุโมงค์ (พุทธธรรม)
โบราณสถานสำคัญคือ อุโบสถ วิหาร มีลักษณะอาคารแบบพื้นเมืองล้านนา มีเจดีย์ประธาน ลักษณะเจดีย์ทรงระฆังกลมแบบล้านนา ส่วนเจดีย์ราย สันนิษฐานว่าเป็นทรงมณฑปยอดเจดีย์ที่ผสมผสานระหว่างมณฑ)แบบพุกามแบเจดีย์ทรงระฆังกลมแบบล้านนา
เดินต่อมาอีกหน่อยก็จะเป็น “วัดดวงดี” อีกวัดเก่าแก่ที่ไม่ปรากฏประวัติการสร้าง แต่มีการสันนิษฐานว่า วิหาร อุโบสถ และหอไตรของวัด น่าจะปฏิสังขรณ์ในสมัยพระเจ้าอินทรวโรรสสุริยวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักร เมื่อราวสองร้อยกว่าปีที่ผ่านมา
ภายในวิหาร ประดิษฐานหลวงพ่อดวงดี ส่วนอุโบสถเป็นศิลปะล้านนาที่มีความงดงามอย่างมาก หอไตรทรงมณฑป เป็นหลังคาคุมแบบล้านนา สันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลจากพม่า และยังมี เจดีย์ทรงระฆัง อยู่ด้านหลังวิหาร
เดินออกจากวัดดวงดี ตรงมาที่ “อนุสาวรีย์สามกษัตริย์” อันได้แก่พญามังราย พ่อขุนรามคำแหง และพญางำเมือง ผู้ทรงเป็นพระสหายและได้ร่วมกันสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้น ข้าวๆ กันคือ “วัดอินทขีลสะดือเมือง” ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพญามังราย เพื่อเป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมือง หรือเสาอินทขีล ในบริเวณวัดแห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่บริเวณสะดือเมือง (ปัจจุบันเสาหลักเมืองประดิษฐานอยู่ที่วัดเจดีย์หลวง) ปัจจุบัน ในวิหารของวัดประดิษฐานพระอุ่นเมือง (หลวงพ่อขาว) เป็นพระประธาน
ก่อนจะเดินกลับไปที่โรงแรม ขอแวะอีกสักวัด “วัดพันเตา” เป็นวัดกลางเมืองที่มีความเก่าแก่มาก คนเมืองจะเรียกวัดนี้ว่า วัดปันเต้า (พันเท่า) ซึ่งน่าจะหมายถึงการทำบุญที่จะได้รับบุญกลับไปเป็นพันเท่า ความงดงามของที่นี่ต้องยกให้พระวิหารที่มีความงามสมบูรณ์อย่างมาก ตัวอาคารเป็นเรือนไม้สักทั้งหลังศิลปะเชียงแสน เดิมเคยเป็นหอคำหรือคุ้มหลวง อันเป็นที่ประทับของพระเจ้ามโหตรประเทศ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 5 และต่อมาในสมัยพระเจ้าอินทวิชชานนท์ (องค์ที่ 7) โปรดฯ ให้รื้อหอคำแห่งนี้ถวายให้เป็นพระวิหารของวัดพันเตา
หากยังเดินต่อไหว แนะนำให้แวะต่อที่ “วัดเจดีย์หลวง” ที่อยู่ติดกัน ภายในวัดมีพระธาตุขนาดสูงที่สุดในล้านนา สักการะพระอัฎฐารส มีศาลหลักเมือง และท้าวเวสสุวรรณ ที่ชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวนิยมไปกราบไหว้ขอพร
พักผ่อนทั้งกายและใจที่ “แทมมาริน วิลเลจ”
เที่ยวเสร็จแล้วก็ได้เวลาพักผ่อน ที่ “แทมมาริน วิลเลจ” โรงแรมสวยใจกลางเมืองเชียงใหม่ (ดูรีวิวโรงแรม “แทมมาริน วิลเลจ”)
หมู่บ้านมะขามแห่งนี้ ได้ชื่อนี้มาจากต้นมะขามยักษ์ที่ให้ร่มเงากับผืนดินแห่งนี้เป็นเวลากว่า 200 ปี จนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของโรงแรม ที่นี่ถูกออกแบบโดย อาจารย์ องอาจ สาตรพันธุ์ (ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2552 สาขาทัศนศิลป์ ด้านสถาปัตยกรรมร่วมสมัย) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากความหลากหลายทางศิลปะวัฒนธรรมและเชื้อชาติในบริเวณตอนเหนือของประเทศไทย
ห้องพักของที่นี่มีจำนวน 41 ห้อง และห้องสวีท 5 ห้อง ถูกรายล้อมด้วยสวนสวยและต้นมะขามยักษ์ ให้บรรยากาศผ่อนคลายแสนสบาย ตัวตึกสองชั้นจะเป็นสีขาวของผนังปูนตัดกับไม้สีเข้มและพื้นปูนเปลือย ภายในห้องตกแต่งเพิ่มสีสันด้วยผ้าทอสีสดใสของชาวไทยภูเขาในเชียงใหม่ และยังพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
หากใครมาพักผ่อนที่นี่แล้วอยากทำกิจกรรมสบายๆ ก็มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การเวิร์กชอปวัฒนธรรมล้านนา อาทิ การร้อยมาลัย การระบายสีร่ม พับดอกไม้ใบเตย เป็นต้น หรือจะเป็นการเดินชมตลาดสดในยามเช้า แวะไหว้พระในวัดเก่าแก่รอบๆ โรงแรม การท่องเที่ยวในเชียงใหม่ หรือจังหวัดใกล้ๆ อย่างลำพูนแบบที่เราไปเที่ยวกันมา ก็สามารถติดต่อกับทางโรงแรมได้เลย
* * * * * * * * * * * * * *
ติดต่อสอบถามการเข้าพักและกิจกรรมท่องเที่ยวได้ที่ “โรงแรมแทมมาริน วิลเลจ” ตั้งอยู่บนถนนราชดำเนิน ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ สำรองห้องพัก โทร. 0-2301-1861 reservation@tamarindvillage.com ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Facebook : Tamarind Village Chiang Mai และ www.tamarindvillage.com
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline