เรื่องราวดำเนินมาจนถึงช่วงกลางของเรื่อง สำหรับซีรีส์ดัง "KinnPorsche The Series" (คินน์ พอร์ช เดอะซีรีส์) ที่เป็นกระแสถูกพูดถึงในโลกโซเชียลตลอดเวลา และโด่งดังจนกระทั่งติดอันดับหนึ่งเทรนด์ทวิตเตอร์โลกในเกือบทุกตอน
เนื้อหาของซีรีส์เรื่องนี้เกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์ลึกซึ้งร้อนแรง และความผูกพัน ระหว่างเจ้านายและบอดี้การ์ดหนุ่ม ซึ่งถือว่าเป็นซีรีส์วายแนวมาเฟียเรื่องแรกของไทย
นอกจากเนื้อหาที่มีความเข้มข้นและร้อนแรง อีกจุดหนึ่งที่ถูกพูดถึงอย่างมากคือความสวยงามของแต่ละฉาก ที่คัดสรรโลเคชั่นต่างๆ มาอย่างพิถีพิถัน อย่างฉากบ้านตระกูลหลักที่ดูหรูหรา สมกับเป็นบ้านของมาเฟีย ในขณะที่บ้านตระกูลรองที่แม้จะเป็นมาเฟียเช่นกันแต่ก็มีกลิ่นอายที่แตกต่างออกไป
และยังมีฉากสวยๆ อีกหลายที่ ที่สามารถไปถ่ายรูปตามรอยกันได้ ลองมาดูกันว่ามีที่ไหนบ้าง
แกรนด์แคนยอนชลบุรี จ.ชลบุรี
หนึ่งในฉากสวยช่วงหลงป่า EP6 ที่โชว์ความงดงามของบรรยากาศทั้งในช่วงกลางวัน ช่วงท้องฟ้าเป็นสีชมพูอมส้มยามพระอาทิตย์ตก และในยามค่ำคืนที่โรแมนติก ถ่ายทำกันที่ “แกรนด์แคนยอนชลบุรี” หรือ “เหมืองหินคีรีนคร” อยู่ใน ต.ห้วยกะปิ อ.เมือง จ.ชลบุรี
บ่อดินลูกรังเก่าพื้นที่นับ 100 ไร่ ลึกไม่น้อยกว่า 30 เมตร ที่มีน้ำเขียวสดใสอยู่เต็มบ่อ ที่นี่เป็นแหล่งสัมปทานระเบิดหินมานานกว่า 40 ปี และเลิกดำเนินการมาหลายปีแล้ว เนื่องจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องไม่ต่อสัมปทานในการระเบิดหิน จึงได้ปล่อยทิ้งไว้ เมื่อระยะเวลาผ่านไปธรรมชาติก็ปั้นแต่งจนมีความสวยงามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่ถูกใจของคนชอบถ่ายรูป เพราะที่นี่มีมุมสวยแปลกตาไม่เหมือนใคร ยิ่งมาในช่วงที่มีแสงแดดมากหน่อย ก็จะมองเห็นน้ำสีเขียวสดใส ตัดกับสีของผาหินที่อยู่รอบๆ
ปัจจุบัน มีการปรับปรุงสถานที่ชมในบางจุด และยังไม่มีผู้เข้ามาดูแลให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างจริงจัง การเข้าชมหรือถ่ายภาพต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก เพราะพื้นที่มีความเสี่ยง อาจมีหินถล่มจนเกิดอันตรายต่อนักท่องเที่ยวได้
น้ำตกชันตาเถร จ.ชลบุรี
ใน EP6 เช่นเดียวกัน ก็มีฉากน่ารักๆ ซึ่งถ่ายทำที่ “น้ำตกชันตาเถร” ที่อยู่ภายในพื้นที่รับผิดชอบของ “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่” จ.ชลบุรี
ที่นี่ถือเป็นน้ำตกเพียงแห่งเดียวในจังหวัดชลบุรี และยังเป็นอีกหนึ่งน้ำตกสวยใกล้กรุงเทพฯ ที่สามารถมาเที่ยวกันได้เกือบตลอดทั้งปี โดยน้ำตกชันตาเถร เป็นน้ำตกขนาด 5 ชั้น ซึ่งชั้นที่ 4 จัดเป็นชั้นที่มีความสวยงามที่สุด จะต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร และหากอยากขึ้นไปถึงชั้นที่ 5 ต้องออกกำลังขาด้วยการปีนป่ายขึ้นไป
น้ำตกชันตาเถรนั้นมีน้ำเฉพาะในช่วงเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน ส่วนช่วงฤดูหนาวในเดือนพฤศจิกายน-มกราคมถือเป็นฤดูกาลที่เหมาะสำหรับการดูนก โดยเฉพาะนกเงือก ที่สามารถเห็นตัวได้ง่ายในช่วงเวลานั้น
Portobello & Desire กรุงเทพมหานคร
ฉากเดตน่ารักช่วง EP8 ในคาเฟ่สวยๆ ที่ไปตามรอยกันได้ นั่นคือที่ “Portobello & Desire” คาเฟ่ในสวนสไตล์อังกฤษ ตั้งอยู่ในย่านเกษตร-นวมินทร์ ที่ร้านมีทั้งโซนด้านในที่เน้นสีขาวและความอบอุ่นสไตล์วินเทจ ส่วนด้านนอกเป็นสวนสวยแบบผู้ดีอังกฤษที่เหมาะกับการนั่งจิบชายามบ่ายเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนเมนูของทางร้านจะเป็นแบบโฮมเมด เน้นอาหารตะวันตกและฟิวชั่น นอกจากนี้ก็ยังมีสโคนอุ่นๆ และชุดของว่างให้กินคู่กับน้ำชา ได้บรรยากาศจิบชาในสวน
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร
อีกหนึ่งฉากเดตช่วง EP8 ปิดท้ายวันริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ “วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร” กรุงเทพมหานคร วัดสวยที่ตั้งโดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของกรุงเทพมหานคร ที่ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักกันเป็นอย่างดี
“วัดอรุณราชวราราม” มีชื่อเดิมว่า “วัดมะกอกนอก” แต่ต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้เปลี่ยนชื่อจากวัดมะกอกนอกมาเป็น “วัดแจ้ง” เพื่อเป็นอนุสรณ์ว่าพระองค์ได้เสด็จมาถึงที่นี่ในยามแจ้ง ในสมัยกรุงธนบุรี วัดอรุณฯ หรือวัดแจ้งในขณะนั้นถือเป็นวัดประจำวัง เพราะอยู่ในเขตของพระราชวังเดิม จึงไม่มีพระสงฆ์อยู่จำพรรษา
วัดแห่งนี้ถือเป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๒ เนื่องจากในขณะที่พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งเป็นวังหน้าในรัชกาลที่ ๑ นั้น พระองค์ได้ประทับอยู่ที่พระราชวังเดิมแห่งนี้ และได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้เป็นการใหญ่ มีการจัดงานสมโภชใหญ่ถึง 7 วัน 7 คืน และพระองค์ยังได้เปลี่ยนชื่อวัดจากวัดแจ้งมาเป็น "วัดอรุณราชธาราม" และเปลี่ยนเป็น "วัดอรุณราชวราราม" ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔
ในส่วนของ “พระปรางค์” ที่เห็นในปัจจุบันนี้ ไม่ใช่พระปรางค์องค์เดิมที่มีมาตั้งแต่แรก พระปรางค์องค์เดิมนั้นสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มีความสูงเพียง 8 วา หรือ ประมาณ 16 เมตร เท่านั้น แต่พระปรางค์ที่เห็นกันในปัจจุบันนี้ได้มีการต่อเติมขึ้นใหม่ในรัชกาลที่ ๓ เมื่อคราวที่ทรงปฏิสังขรณ์วัดอรุณใหม่หมดทั้งวัด พระปรางค์องค์ที่บูรณะใหม่นี้มีขนาดความสูงจากฐานถึงยอด 81.85 เมตร ที่น่าทึ่งก็คือ การที่จะสร้างพระปรางค์องค์สูงใหญ่อยู่ใกล้ริมฝั่งแม่น้ำ และยังคงแข็งแรงมาจนถึงทุกวันนี้ได้นี้แสดงว่าฝีมือของช่างในสมัยนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
นอกจากองค์พระปรางค์ ที่เป็นจุดเด่นของวัดอรุณฯ แล้ว ใครที่มาถึงวัดนี้ก็ต้องมาดูยักษ์วัดอรุณ หรือที่เรียกกันติดปากว่า "ยักษ์วัดแจ้ง" ที่มีเรื่องเล่าว่ายักษ์วัดโพธิ์มาตีกับยักษ์วัดแจ้ง ตีกันจนบ้านเมืองแถวนั้นราบเป็นหน้ากลอง เลยเรียกกันต่อมาว่าท่าเตียน
นอกจากยามกลางวันที่สามารถเดินชมความงดงามของพระปรางค์วัดอรุณได้อย่างเต็มอิ่มแล้ว ในช่วงเย็นแดดร่มลมตก ที่นี่ก็สวยไม่แพ้กัน เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มจางไป ก็จะมีการเปิดไฟส่องไปยังองค์พระปรางค์จนกลายเป็นสีเหลืองทองตัดกับท้องฟ้าสีเข้ม ส่วนบริเวณริมแม่น้ำก็จะเห็นวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาในบรรยากาศที่แตกต่างออกไป
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline