xs
xsm
sm
md
lg

10 จุดเช็คอินถิ่น “ภูเก็ต” ชวนเที่ยวไฮไลต์เด็ดที่ต้องไปเยือนสักครั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แหลมพรหมเทพ
หากพูดถึงเกาะสวรรค์แห่งทะเลชายฝั่งอันดามัน จังหวัดภูเก็ต คงเป็นจุดหมายปลายทางแรกๆ ของนักท่องเที่ยว นอกจากความงดงามของท้องทะเลฟ้าคราม หาดทรายขาวแล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมายและหลากหลาย ครั้งนี้ได้รวบรวมมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักและชวนไปสัมผัสกันสักครั้ง

ย่านเมืองเก่าภูเก็ต
ย่านเมืองเก่าภูเก็ต
สถานที่ท่องเที่ยวในภูเก็ตที่มีนักท่องเที่ยวคึกคักไอย่างไม่ขาดสายก็คือ “ย่านเมืองเก่าภูเก็ต” ที่ถือว่าตั้งอยู่ในกลางของเมืองภูเก็ต ความโดดเด่นของย่านเมืองเก่าภูเก็ตอยู่ที่ตัวอาคารและสถาปัตยกรรมที่หลายคนมักเรียกว่า "ชิโนโปรตุกีส" ซึ่งในปัจจุบันมีหลายกระแสที่ถกเถียงถึงคำเรียกที่ถูกต้องว่าควรเป็น “ชิโนยูโรเปียน” มากกว่า อาคารสไตล์ชิโนยูโรเปียนนี้เป็นอาคารที่เกิดจากความผสมผสานระหว่างโครงสร้างแบบยุโรป และความอ่อนช้อยแบบจีน ลักษณะอาคารที่มักพบก็คือตึก 2-3 ชั้น หน้าแคบแต่มีความลึก โดดเด่นด้วยซุ้มประตูโค้งด้านหน้า งดงามด้วยลวดลายประดับที่ผสมผสานระหว่าง 2 วัฒนธรรม

ย่านเมืองเก่าภูเก็ต
ปัจจุบันตึกเก่าสุดคลาสสิกเหล่านี้ถูกปรับปรุงตกแต่งให้สวยงาม บ้างปรับเปลี่ยนมาเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ รวมถึงที่พักขนาดเล็ก ให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสบรรยากาศเก่าๆ

แหลมพรหมเทพ
แหลมพรหมเทพ
ถ้าถามถึงจุดชมวิวที่สวยงามของภูเก็ต อันดับต้นๆ ที่หลายคนนึกถึงนั่นคือ “แหลมพรหมเทพ” ซึ่งอยู่ห่างจากหาดราไวย์ ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นแหลมที่อยู่ตอนใต้สุดของเกาะภูเก็ต เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุดในประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนธันวาคมจนถึงเดือนมีนาคม ที่แสงสีทองค่อย ๆ ทอประกายสาดจับผืนทะเลแลดูเป็นประกายระยิบระยับนั้น จะกลายเป็นภาพประทับใจที่ทำให้ภูเก็ตกลายเป็นจุดหมายแห่งความทรงจำของทุกคนไป

จุดชมวิวเขาสามอ่าว
จุดชมวิวเขาสามอ่าว
มาถึงภูเก็ตถ้าไม่ได้ลงเล่นน้ำทะเล อย่างน้อยก็ต้องได้มองเห็นทะเลกันสักหน่อย ใครที่อยากชมวิวทะเลสวยๆ แนะนำให้มาที่ “จุดชมวิวสามอ่าว” ที่สามารถมองเห็นทั้งหาดกะตะน้อย หาดกะตะ และหาดกะรน ตามลำดับ ทั้งสามหาดมีลักษณะเป็นอ่าวเว้าแหว่ง โค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวติดต่อกันสามอ่าวโดยมีโขดหินเป็นแหลมคั่นอยู่แต่ละหาดเนื่องจากคลื่นลมมรสุมกัดเซาะทำให้แผ่นดินเว้าลึกเข้าไป ถ้าวันไหนทัศนวิสัยดี ก็จะมองเห็นน้ำทะเลไล่สีตั้งแต่สีร้ำเงินเข้มไปจนถึงสีเขียวมรกตอย่างงดงามตัดกับหาดทรายสีขาวสะอาดตาและสีเขียวของต้นไม้

จุดชมวิวเขารัง
จุดชมวิวเขารัง
ถ้าอยากจะเห็นตัวเมืองภูเก็ตให้รอบๆ ก็ต้องขึ้นไปชมที่ “เขารัง” ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเมืองเก่าภูเก็ต มีถนนคอซิมบี้ที่ตัดขึ้นไปถึงยอดเขารัง สามารถขับรถ หรือขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นไปได้เลย แต่ถ้าใครอยากออกกำลังกาย จะใช้สองขาเดินขึ้นไปก็แล้วแต่กำลังกายจะเอื้ออำนวย

อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี
บนยอดเขารังเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) อดีตสมุหเทศาภิบาล ผู้สำเร็จราชการกรมมณฑลภูเก็ต ปกครองหัวเมืองปักษ์ใต้ 7 เมือง และยังมีจุดชมวิวเมืองภูเก็ตที่สามารถมองเห็นได้ทั่งเมืองยาวไปจนถึงทะเล ช่วงกลางวันที่ขึ้นมาบนเขารังอาจจะร้อนสักหน่อย แต่ช่วงเย็นๆ ก็อากาศดี มาเดินเล่นชมวิวเมือง หรือจะรอถึงช่วงกลางคืนก็จะได้ชมแสงไฟระยิบระยับไปทั่วบริเวณเมือง

วัดฉลองวัดไชยธาราราม
วัดไชยธาราราม
อีกหนึ่งจุดที่ใครมาถึงเมืองภูเก็ตแล้วก็ต้องแวะมา นั่นคือ “วัดฉลอง” หรือ “วัดไชยธาราราม” วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองภูเก็ต ซึ่งถ้าหากมาภูเก็ตแล้วไม่ได้แวะไปนมัสการหลวงพ่อแช่ม ก็เหมือนมาไม่ถึงภูเก็ตเมื่อมาถึงวัดฉลองแล้วก็ต้องมุ่งตรงไปกราบสักการะขอพรองค์หลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อช่วง หลวงพ่อเกลื้อม ที่ประดิษฐานอยู่ด้านในมณฑป และด้านหลังองค์พระทั้ง 3 องค์ยังมีห้องกระจกเล็กๆ ที่จัดเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บข้าวของเครื่องใช้ของหลวงพ่อแช่มไว้

หลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อช่วง หลวงพ่อเกลื้อม
และภายในวัดยังมีพระมหาธาตุเจดีย์พระจอมไทยบารมีประกาศ ที่งดงามเหลืองอร่ามตั้งเด่นเป็นสง่า ซึ่งภายในประดิษฐานพระธาตุของพระพุทธเจ้าที่นำมาจากศรีลังกาให้ได้กราบสักการะ และมีรูปปั้นพระพุทธรูปปางต่างๆ ให้ได้ชมกันด้วย

วัดพระทอง
วัดพระทอง
หากใครมาแถวๆ อ.ถลาง อยากชวนแวะมาสักการะ “พระผุด” ภายใน “วัดพระทอง” โดยพระผุดนั้นเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองภูเก็ต ลักษณะที่เราเห็นจะเป็นพระพุทธรูปที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดินเพียงครึ่งองค์ เชื่อกันว่าหากใครได้ไปกราบไหว้ก็จะสัมฤทธิ์ผลตามที่อธิษฐานทุกประการ

สักการะพระผุด

พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี
พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี
ไม่ห่างจากวัดฉลองก็เป็นที่ตั้งของยอดเขานาคเกิด ซึ่งเป็นจุดที่ประดิษฐาน “พระใหญ่” หรือ “พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี” พระพุทธรูปองค์สีขาวบริสุทธิ์ปางมารวิชัย ศิลปะร่วมสมัย มีความพิเศษตรงที่องค์ท่านจะประดับผิวด้วยหินอ่อนหยกขาว น้ำหนักเฉพาะหินอ่อนหยกขาวประมาณ 135 ตัน หรือประมาณ 2,500 ตารางเมตร

พระพุทธรูปองค์สีขาวบริสุทธิ์

วิวทิวทัศน์เมื่อมองจากพระใหญ่

ศาลเจ้าแสงธรรม
ศาลเจ้าแสงธรรม
สำหรับศาลเจ้าที่มีอยู่เก่าแก่ของภูเก็ตก็คือ “ศาลเจ้าแสงธรรม” หรือในภาษาจีนฮกเกี้ยนเรียกว่า “ศาลเจ้าเต่งก้องต๋อง” หรือ “ศาลเจ้าซิงเจียกอง” เป็นศาลเจ้าเก่าแก่อายุนับร้อยปี ตั้งอยู่ในซอยเล็กๆ บนถนนพังงา ความน่าสนใจของศาลเจ้าแห่งนี้คือ ความสวยงามของสถาปัตยกรรมในรูปแบบจีนประเพณี 

ศาลเจ้าเก่าแก่อายุนับร้อยปี
โดยตัวอาคารเป็นรูปแบบเก๋งจีนขนาดเล็ก กะทัดรัด ส่วนบนหลังคามีปูนปั้นรูปมังกรและตุ๊กตาจีน ซึ่งเป็นที่นิยมในมณฑลฮกเกี้ยนประดับตกแต่งอย่างสวยงาม นอกจากนี้ภายในศาลเจ้ายังมีภาพเขียนลายเส้นสีดำในตารางสี่เหลี่ยมเต็มฝาด้านข้างทั้งสองด้าน ดำเนินเรื่อง ซิยินกุ้ย แห่งราชวงศ์กุ้ง อันเป็นตำนานแห่งอดีตของ เทพอ๋องซุนต่ายสาย เมื่อครั้งเสวยชาติเป็นมนุษย์มาก่อน

ศาลเจ้ากิ้วเที้ยนเก้ง
ศาลเจ้ากิ้วเที้ยนเก้ง
อีกหนึ่งศาลเจ้าที่มีความน่าสนใจอีกแห่งคือ “ศาลเจ้ากิ้วเที้ยนเก้ง” สร้างขึ้นเมื่อปี 2539 แล้วเสร็จเมื่อปี 2540 ตั้งอยู่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน โดยด้านหน้าของศาลเจ้าจะหันออกท้องทะเล บริเวณโดยรอบบรรยากาศร่มรื่น จากประวัติที่จารึกไว้ในแผ่นหินหน้าศาลเจ้า ปรากฎว่า พระนางกิ้วเที้ยนลื้อ ซึ่งเป็นเทพเจ้าชั้นผู้ใหญ่ ฝ่ายศาสนาเต๋า ในสมัยของพระเจ้าเหลือง ได้บอกผ่านร่างทรงของท่านว่า ต้องการที่จะให้มีการจัดตั้ง ศาลเจ้าประจำองค์ของท่าน เพื่อท่านจะได้ช่วยปกปักรักษาคุ้มครองลูกหลานชาวภูเก็ต เพื่อพ้นภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆความสำคัญของศาลเจ้าแห่งนี้

ภายในศาลเจ้ากิ้วเที้ยนเก้ง
นอกจากจะเป็นสถานที่มีรูปประทับของเทพเจ้ากิ้วเที้ยนเฮียนลื้อ ตั้งอยู่เป็นพระประธานของศาลเจ้าแล้ว ยังมีรูปบูชาขององค์เทพเจ้าจีน ตามความเชื่อของชาวไทย เชื่อสายจีนอีกมากมาย โดยเฉพาะเทพเจ้าที่เป็นเพศหญิงในวันสุดท้ายของประเพณีถือศิลกินผักของทุกปี ศาลเจ้ากิ้วเที้ยนเก้ง แห่งนี้จะคึกคักเป็นพิเศษ เต็มไปด้วยผู้คนเนื่องจากบรรดาศาลเจ้าต่าง ๆ ในเมืองภูเก็ตต่างจัดขบวนแห่เทพเจ้ามาทำพิธี ส่งพระกันที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน

อควาเรียภูเก็ต
อควาเรียภูเก็ต
ส่วนใครกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับพาเด็กๆ ในครอบครัวไปเที่ยวในจ.ภูเก็ต ครั้งนี้ขอพาไปสัมผัสกับโลกใต้ทะเลกันที่ "อควาเรียภูเก็ต" หรือ Aquaria Phuket พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลภูเก็ต ฟลอเรสต้า

อควาเรียภูเก็ต
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำและสวนสัตว์ “อควาเรียภูเก็ต” ถือเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีมวลน้ำทะเลประมาณ 7 ล้านลิตร รวบรวมบรรดาสัตว์น้ำนานาชนิดกว่า 51,000 ตัว จากกว่า 300 สายพันธุ์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “An Ocean of Myth and Legend” กับ 7 โซนที่จะสร้างความเพลิดเพลินและมุมถ่ายรูปสวยๆ เก๋ไม่เหมือนที่ไหน

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline




กำลังโหลดความคิดเห็น