เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง เมื่อทราบข่าวการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบีย ขึ้นใหม่ เป็นการคืนความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ หลังจากลดความสัมพันธ์มานานถึง 32 ปี โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีกำหนดจะเดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 25-26 มกราคม 2565 ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammad bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย
การเยือนครั้งนี้เป็นการเยือนในระดับผู้นำรัฐบาลระหว่างสองประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี โดยนายกรัฐมนตรีมีกำหนดเข้าเฝ้าฯ และพบหารือกับเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย เพื่อส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกัน
ทั้งนี้ก็หวังว่าการรื้อฟื้นความสัมพันธ์นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของเรื่องราวดีๆ ในด้านการค้าขายส่งออก-นำเข้า การเปิดวีซ่าทำงาน รวมไปถึงการท่องเที่ยวไปมาหาสู่ระหว่างกันด้วย ดังนั้นในวันนี้เราจึงขอพาไปทำความรู้จักกับ "ซาอุดีอาระเบีย" ให้มากขึ้น ผ่านสถานที่สำคัญต่างๆ ของประเทศซาอุฯ กัน
รู้จัก "ซาอุดีอาระเบีย" ผ่านกรุงริยาด
ประเทศซาอุดีอาระเบีย หรือราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เป็นรัฐอาหรับในเอเชียตะวันออกกลาง มีพรมแดนประเทศติดประเทศจอร์แดนและอิรักทางตอนเหนือ ประเทศคูเวตทางตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศกาตาร์ บาห์เรนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ทางตะวันออก ประเทศโอมานทางตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศเยเมนทางใต้ ส่วนทางแถบตะวันตกมีชายฝั่งติดทะเลแดง และทางตะวันออกบางส่วนติดกับอ่าวเปอร์เซีย ภูมิประเทศส่วนใหญ่ประกอบด้วยทะเลทราย
เมืองหลวงของซาอุดีอาระเบียคือกรุงริยาด ซึ่งเป็นมหานครที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมอันเก่าแก่และความทันสมัย มีตึกสูงที่ออกแบบอย่างล้ำสมัย พร้อมทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน อาทิ ป้อมปราการ Al Masmak สร้างขึ้นใน ค.ศ.1865 และได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีเยี่ยม เป็นป้อมปราการดินเหนียวและอิฐโคลนขนาดใหญ่ อีกทั้งไม่ควรพลาดชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีโบราณวัตถุมากกว่า 3,700 จัดแสดงซึ่งบันทึกประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของอาระเบียกว่าพันปี
นอกกรุงริยาดยังมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกอย่าง At-Turaif ในเมือง Diriyah ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงริยาด เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 15 ถือเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของราชวงศ์ซาอุดิอาระเบีย มีสถาปัตยกรรมที่สร้างจากอิฐโคลนแบบดั้งเดิม มีป้อมปราการและมัสยิด ซากปรักหักพังของพระราชวังดั้งเดิม และมีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับกษัตริย์และมรดกของอาณาจักร ที่จะทำให้เราได้ทราบประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของซาอุดิอาระเบียมากขึ้น
ทะเลทรายกว้างใหญ่ที่อยู่ห่างจากกรุงริยาดไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 100 กิโลเมตร ก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ที่นี่ได้ชื่อว่า "สุดขอบโลก" (Edge of the World) เนื่องมาจากทิวทัศน์ที่มองจากบนหน้าผาสูง 300 เมตร สามารถมองเห็นเส้นขอบฟ้าโดยที่ไม่มีสิ่งใดมาบดบัง จากบนทนี้จะมองเห็นที่ราบโดยรอบ มองเห็นเส้นทางของแม่น้ำที่เหือดแห้งไปและอาจเห็นขบวนอูฐเดินอยู่เบื้องล่าง โดยบริเวณนี้เป็นเส้นทางโบราณของคณะคาราวานในอดีตนั่นเอง
เมืองสำคัญของชาวมุสลิม มักกะฮ์-เมดินา
สำหรับชาวมุสลิมทั่วโลก โอกาสที่จะได้มาเยือนมักกะฮ์ถือเป็นพรที่ดีที่สุด เพราะนี่คือเมืองที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในศาสนาอิสลาม เป็นบ้านเกิดของท่านนบีมูฮัมหมัด ศาสดาของศาสนาอิสลาม กล่าวกันว่าครั้งหนึ่งในชีวิตของมุสลิมที่มีความพร้อมด้านการเงินและร่างกาย จะต้องเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ในช่วงเดือนที่ 12 ของปฏิทินอิสลามที่เมืองมักกะฮ์แห่งนี้
สถานที่ที่สำคัญที่สุดในเมืองมักกะฮ์ก็คือ "วิหารกะบะฮ์" ซึ่งเป็นสถานที่แสวงบุญของชาวมุสลิมทั่วโลก วิหารกะบะฮ์นี้ตั้งอยู่ที่มัสยิดอัลฮะรอม หรือมัสยิดต้องห้าม หรือมัสยิดใหญ่ประจำมักกะฮ์ โดยวิหารจะเป็นศูนย์กลางของมัสยิด เป็นสถานที่ที่ชาวมุสลิมจะมาฏอวาฟ (เวียนรอบ) ในการประกอบพิธีอุมเราะฮ์และพิธีฮัจญ์ และในการละหมาดประจำวันของชาวมุสลิมทั่วโลกก็จะหันหน้ามายังทิศทางที่วิหารกะบะฮ์ตั้งอยู่อีกด้วย
ส่วนเมืองเมดินาก็เป็นอีกหนึ่งนครที่สำคัญทางศาสนาอิสลามอันดับที่สองรองจากมักกะฮ์ โดยเป็นเมืองที่ฝังศพของท่านนบีมุฮัมมัด โดยฝังอยู่ในมัสยิดอันนะบะวีหรือมัสยิดศาสนทูต มัสยิดแห่งนี้ท่านนบีมุฮัมมัดเป็นผู้สร้างขึ้นใน ค.ศ.622 เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์รองจากมัสยิดใหญ่แห่งมักกะฮ์เลยทีเดียว
ท่องมรดกโลกเมืองอัลอูลา
ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเมดินา เป็นที่ตั้งของเมืองอัลอูลา ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกท่ามกลางทะเลทราย คือแหล่งโบราณสถานเฮกรา (Hegra Archaeological Site) หรือมะดาอินศอเลียะห์ หรืออัลฮิจญร์ ที่นี่เป็นแหล่งโบราณคดีที่มีอายุเก่าแก่ราว 2,000 ปี สร้างขึ้นโดยราชอาณาจักรแนบาเทีย (Nabatean Kingdom) เป็นอารยธรรมยุคเดียวกับเปตรา เมืองหินแกะสลักโบราณในประเทศจอร์แดน
โบราณสถานแห่งนี้มีทั้งสุสานโบราณ หินธรรมชาติรูปทรงแปลกๆ กลางทะเลทราย ภาพวาดบนผนังถ้ำ และสิ่งก่อสร้างอีกมากมายที่ไดรับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนกลายเป็นแหล่งโบราณคดีแห่งแรกของประเทศที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก
เมืองเจดดาห์ ริมชายฝั่งทะเลแดง
เมืองเจดดาห์ถือเป็นเมืองท่าเก่าแก่ริมชายฝั่งทะเลแดงที่ต้อนรับผู้คนมากมายที่เดินทางมาสู่ดินแดนอาหรับแห่งนี้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 โดยเป็นท่าเรือสำคัญสำหรับเส้นทางการค้าในมหาสมุทรอินเดีย เป็นช่องทางนำสินค้าไปยังเมกกะ นอกจากนี้ยังเป็นประตูสำหรับผู้แสวงบุญชาวมุสลิมไปยังนครเมกกะซึ่งเดินทางมาทางทะเลด้วย ที่นี่จึงเป็นศูนย์กลางความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดดเด่นด้วยประเพณีทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น รวมถึงบ้านหอคอยที่สร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19 โดยพ่อค้าในเมือง ในย่านเมืองเก่านี้จึงได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งของซาอุดีอาระเบีย ปัจจุบันยังเป็นเมืองท่องเที่ยวมีโรงแรมมากมายและกิจกรรมท่องเที่ยวที่คึกคัก อาทิ การเดินเที่ยวชมเมืองเก่า การดำน้ำท่ามกลางแนวปะการังที่เก่าแก่ ชิมอาหารทะเลที่สดอร่อย เป็นต้น
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline