“เซินเจิ้น” ในความคิดของคนไทย คือเมืองช้อปปิ้งยอดฮิตที่คนไทยนิยมไปซื้อของก๊อปปี้ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา กระเป๋า สินค้าแฟชั่นต่างๆ ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า
แต่นั่นเป็นเพียงเซินเจิ้นในอดีตที่เรารู้จักกันเพียงด้านเดียว ปัจจุบันนี้เซินเจิ้นถูกพัฒนาขึ้นอย่างมาก จนกลายมาเป็นเมืองเศรษฐกิจและการค้าที่สำคัญของจีน และกลายเป็น (ว่าที่) ซิลิคอนวัลเลย์แห่งเอเชีย
(ซิลิคอนวัลเลย์ อยู่ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นศูนย์กลางการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของโลก เป็นที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังมากมาย เช่น Microsoft, Apple, Google เป็นต้น)
“เซินเจิ้น”(Shenzhen) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลกวางตุ้ง เป็นเมืองชายแดนทะเลทางใต้ของจีน อยู่ตรงข้ามกับเกาะฮ่องกง แรกเริ่มเดิมที่นั้น เซินเจิ้นเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงที่ยากจน มีประชากรราว 300,000 คน แต่เมื่อมาถึงยุคของประธานาธิบดี เติ้งเสี่ยวผิง มีความคิดที่จะพัฒนาหมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้ให้กลายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ จึงมีการวางรากฐานในการพัฒนาเมืองที่รายล้อมไปด้วย โดยเริ่มจากการจัดตั้งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้น (Shenzhen Special Economic Zone) เมื่อปี ค.ศ.1980 ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษกลุ่มแรกของจีนพร้อมกับเมืองจูไห่ เมืองซ่านโถว (มณฑลกวางตุ้ง) และเมืองเซี่ยเหมิน (มณฑลฝูเจี้ยน)
ผ่านไปราว 40 ปี เซินเจิ้นกลายเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญของจีน มีค่า GDP เป็นอันดับ 3 ของประเทศ (รองจากปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้) นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังผลักดันเซินเจิ้นให้เป็น “ซิลิคอนวัลเลย์แห่งเอเชีย”โดยจะมีอุตสาหกรรมหลักๆ 4 ด้าน คือ เทคโนโลยีขั้นสูง การเงิน โลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมด้านวัฒนธรรม
ปัจจุบัน เซินเจิ้นเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่บริษัทข้ามชาติจีนที่มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมาก อาทิ Tencent. DJI, China Merchants Bank, Huawei เป็นต้น และในอนาคต รัฐบาลจีนยังมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเมืองเซินเจิ้นให้เป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมและความสร้างสรรค์ ที่มีอิทธิพลในระดับโลก
ตอนนี้ภาพจำของ “เซินเจิ้น” ถูกเปลี่ยนไปเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจไปแล้ว
ส่วนการท่องเที่ยวในเซินเจิ้น ถือว่าเป็นอีกเมืองที่มีความน่าสนใจไม่น้อย แหล่งท่องเที่ยวหลักๆ ที่นักท่องเที่ยวมักจะไปกัน อย่างเช่น
“Window of the World” เมืองจำลองที่รวบรวมเอาแลนด์มาร์ก หรือสถานที่สำคัญของประเทศต่างๆ จากทั่วโลก ย่อส่วนแล้วนำมารวมไว้ในที่เดียวกัน เช่น หอไอเฟล (ฝรั่งเศส) หอเอนปิซ่า (อิตาลี) วิหารอาบูซิมเบล (อียิปต์) ฮาเบอร์บริดจ์ (ออสเตรเลีย) ทัชมาฮาล (อินเดีย) วัดพระแก้ว (ไทย) เป็นต้น
“Splendid of China & China Folk Culture Villages” จำลองสถานที่สำคัญๆ ของจีนมาไว้ที่นี่ เช่น กำแพงเมืองจีน กองทัพทหารดินเผาในสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ พระราชวังฤดูร้อน รวมถึงสุสานและหลุมฝังศพของบุคคลสำคัญของจีน นอกจากนี้ยังมีการแสดงทางวัฒนธรรม สินค้าของที่ระลึก และอาหารอร่อยจากมณฑลต่างๆ ของจีน
“ตลาดตงเหมิน” แหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ มีทั้งห้างสรรพสินค้า พลาซ่า ร้านค้าริมถนน มีทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น
นอกจากแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่แล้ว ที่เซินเจิ้นก็ยังวางแผนที่จะสร้างแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่เพื่อเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติแห่งเมืองเซินเจิ้นประกาศว่า จะดำเนินการก่อสร้าง "สวนสนุกเลโก้แลนด์" (Legoland) ในพื้นที่เขตใหม่ต้าเผิง อำเภอหนานอ้าว เมืองเซินเจิ้น มณฑลกว่างตงของจีน โดยมีพื้นที่ครอบคลุมประมาณ 530,000 ตารางเมตร ซึ่งถือได้ว่าเป็น “สวนสนุกเลโก้แลนด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก”
โดยเลโก้แลนด์ที่เซินเจิ้นนี้ จะถูกออกแบบให้มีความกลมกลืนกับท้องถิ่นมากขึ้น ผสมผสานเลโก้กับความเป็นจีนเข้าด้วยกัน ด้านในเลโก้แลนด์จะประกอบด้วย สวนสนุกเลโก้ เลโก้แลนด์ดิสคัฟเวอรีเซ็นเตอร์ สวนน้ำเลโก้ จุดชมวิวและศูนย์บริการนักท่องเที่ยว รวมทั้งยังมีโรงแรมในธีมเลโก้ทั้งหมด 3 แห่ง
เลโก้แลนด์ในประเทศจีนแห่งแรกอยู่ที่ มณฑลเสฉวน คาดว่าจะเปิดตัวภายในปี 2023 แห่งที่สองอยู่ที่ นครเซี่ยงไฮ้ มีกำหนดเปิดให้บริการต้นปี 2024 ส่วนเลโก้แลนด์ที่เซินเจิ้น ยังไม่มีกำหนดการเริ่มก่อสร้างและกำหนดการเปิดตัวอย่างแน่ชัด
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline