สิงคโปร์เดินหน้าสร้างแลนด์มาร์กสีเขียวแห่งใหม่ ภายใต้แนวคิด “เมืองในธรรมชาติ” เพิ่มเขตอนุรักษ์ป่าและพันธุ์สัตว์ พร้อมส่งเสริมวิถีท่องเที่ยวใกล้ชิดธรรมชาติในพื้นที่เมือง
สิงคโปร์แม้ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างตึกสูงทันสมัย และมีประชากรหนาแน่น
แต่วันนี้สิงคโปร์กำลังเตรียมตัวแปลงโฉมพัฒนาประเทศให้กลายเป็น “เมืองในธรรมชาติ” (City in Nature) ภายในปี 2030 (พ.ศ. 2573) ภายใต้จุดยืนว่าการพัฒนาเมืองต้องควบคู่ไปกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ดี
ทั้งนี้หลังโครงการดังกล่าวเดินหน้า เมื่อนักท่องเที่ยวไปเยือนสิงคโปร์จะได้ยลโฉมเมืองลอดช่องในมุมใหม่ ได้สัมผัสกับความสดชื่นเขียวขจีจากพืชพันธ์ธรรมชาติที่มาจากแนวคิดยกป่ามาไว้ในเมือง
นอกจากนี้สิงคโปร์ยังมีโปรเจกต์มากมายที่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวในภูมิทัศน์เมือง สร้างสวนระดับโลก และสานต่อโครงการอนุรักษ์ธรรมชาติและพันธุ์สัตว์ป่า พร้อมส่งเสริมวิถีท่องเที่ยวใกล้ชิดธรรมชาติในพื้นที่เมือง โดยมีโครงการเด่น ๆ ที่เป็นระดับไฮไลท์ ดังนี้
มันได แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศขนาดยักษ์
“มันได” (Mandai) มีขนาดเนื้อที่กว่า 786 ไร่ เป็นโครงการสร้างแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ ในรูปแบบการอนุรักษ์ธรรมชาติและพันธุ์สัตว์ป่าในมุมใหม่
โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายสำคัญคือ เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (eco-tourism) ที่ดึงดูดผู้เข้าชมมากกว่า 10 ล้านคนต่อปีคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2023 (พ.ศ. 2566)
นอกจากนี้โครงการมันไดยังได้เชื่อมต่อกับสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศสำคัญ 5 แห่งในสิงคโปร์ คือ สวนสัตว์สิงคโปร์ (Singapore Zoo) ไนท์ ซาฟารี (Night Safari) ริเวอร์ ซาฟารี (River Safari) และ 3 พื้นที่สีเขียวแห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดเร็ว ๆ นี้คือ สวนนก (Bird Park)และ สวนสัตว์ป่าฝน (Rainforest park) และ ที่พักเชิงนิเวศ บันยันทรี อีโค รีสอร์ท (Banyantree Eco-Restort)
-“สวนนก” (Bird Park) แห่งใหม่นี้จะเป็นสวนนกขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย ภายใต้แนวคิด “เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า นกจะได้รับการดูแลศึกษาและขยายพันธุ์” โดยมีนกสวยงามกว่า 3,500 ตัวจาก 400 สายพันธุ์
ที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินและตื่นตาตื่นใจกับนกสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่โบยบินอย่างอิสระ ในแหล่งที่อยู่ที่ออกแบบมาใกล้เคียงกับแหล่งอาศัยตามธรรมชาติของนกแต่ละสายพันธุ์ของภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก
นอกจากนี้ยังมีการรวมบรรดานกสายพันธุ์ที่โดนคุกคามเพื่อสงวนพันธุ์นกไว้ และยังมีการแสดงของนกต่าง ๆ เช่น นกฟาร์มิงโก้ นกเพนกวิ้นและนกสายพันธุ์หายากอีกด้วย
“สวนสัตว์ป่าฝน” (Rainforest Park) เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีการจำลองบรรยากาศให้มีความใกล้เคียงป่าฝนเขตร้อนตามธรรมชาติมากที่สุด โดยมีไฮไลท์สำคัญคือ เป็นแหล่งรวบรวมความหลากหลายทางชีวภาพที่พบได้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไว้ในที่เดียว
นักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่นี่จะได้เรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพต่าง ๆ อาทิ ระบบนิเวศในถ้ำ น้ำตก รวมถึงต้นไม้ในป่าและสัตว์ป่าหลากหลายชนิดและสายพันธุ์ที่สามารถใช้ชีวิตกับคนได้อย่างอิสระ
นอกจากนี้สวนสัตว์ป่าฝน ยังเป็นศูนย์ดูแลและฟื้นฟูสัตว์ป่าที่บาดเจ็บ โดยจะมีทีมงานและอาสาสมัครช่วยดูแลสัตว์ป่าที่ประชาชนพบเจอ นำมาส่งที่สวนสัตว์ป่าฝนแห่งนี้ช่วยดูแลต่อก่อนปล่อยสู่ธรรมชาติ
-“บันยันทรี อีโค่ รีสอร์ท” (Banyan Tree eco-resorts) ที่ผ่านการดีไซน์ให้มีความสอดคล้อง เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติโดยรอบ (Biophilic design) รีสอร์ทรูปแบบใหม่นี้วางแผนที่จะเปิดให้บริการในปี 2023 อีกด้วย
โอเอซิสแห่งออร์ชาร์ด
ออร์ชาร์ด ถนนสายช้อปปิ้งชื่อดังของสิงคโปร์ กำลังจะถูกเนรมิตให้กลายเป็น “โอเอซิสสีเขียวกลางเมือง” ด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ที่จะแต่งแต้มสีสันพร้อมให้ความร่มเย็นตลอดแนวถนนความยาว 6 กิโลเมตร ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ที่ผสานระหว่างวิถีร่วมสมัยกับวิถีธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน
นอกจากนี้โครงการโอเอซิส ออร์ชาร์ด ยังเชื่อมต่อกับบริเวณสวนพฤกษศาสตร์สิงคโปร์ (Singapore Botanic Gardens) ที่ได้รับการรับรองจากยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นมรดกโลก สวนภายในอิสตน่า (Istana Park) และสวนสาธารณะฟอร์ทแคนนิง (Fort Canning Park) ทอดยาวสู่แม่น้ำสิงคโปร์
สำหรับระเบียงสีเขียวแห่งใหม่นี้จะเป็นทางเท้าที่ได้ร่มเงาจากต้นไม้ เป็นพื้นที่พักผ่อนหรือทำกิจกรรม และเป็นสนามเด็กเล่นแบบธรรมชาติ ให้เด็กและครอบครัวสามารถสำรวจธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ทั้งที่อยู่ใจกลางเมือง
จูร่งเลค การ์เด้นส์
“จูร่งเลค การ์เด้นส์” (Jurong Lake Gardens) เป็นพื้นที่สีเขียวที่มีเนื้อที่กว่า 562 ไร่ ประกอบด้วย 4 โซนได้แก่
-เลคไซด์ การ์เด้น (Lakeside Garden) มีไฮไลท์คือ ยูธปาร์ค (Youth Park) ที่มีสนามสเก็ต เส้นทางปั่นจักรยาน และสนามหญ้าขนาดใหญ่ที่มาพร้อมไม้ดอกสีชมพูนานาพันธุ์
-ไชนีสการ์เด้น (Chinese Garden) ที่มีไฮไลท์คือกิจกรรมเดินชมอุโมงค์ป่าไผ่รับไอเย็นจากน้ำตก และกิจกรรมชมความงามของโคมพระจันทร์ได้ที่ มูน แลนเทิร์น เทอเรซ (Moon Lantern Terrace) ในยามค่ำคืน
-เจแปนนีส การ์เด้น (Japanese Garden) มีจุดเด่นคือ ฮอลล์ คอมเพล็กซ์ (Hall Complex) ที่รายล้อมด้วยสวนซึ่งจะเป็นแหล่งรวมพันธุ์บัวใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ที่ อาควาติก การ์เด้น (Aquatic Garden)
-การ์เด้น พรอมมาเนด (Garden Promenade) กับบรรยากาศที่ชวนให้เดินเล่นพักผ่อนอย่างเพลิดเพลิน
สำหรับ จูร่งเลค การ์เด้นส์ คาดว่าหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย สิงคโปร์มีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ที่นี่จะเป็นอีกหนึ่งจุดหมายใหม่มาแรงของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองลอดช่องแห่งนี้
และนี่ก็คือ 5 พื้นที่สีเขียวแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศแห่งใหม่ในสิงคโปร์ในโครงการยก “เมืองในธรรมชาติ” ยกป่ามาไว้ในเมือง ที่ถือเป็นสิงคโปร์มุมใหม่ที่นอกจากจะเป็นพื้นที่สีเขียวที่ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมให้ชาวเมืองลอดช่องแล้ว ยังถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศชั้นดีที่เป็นการผสานกันระหว่างธรรมชาติ เทคโนโลยี และวิถีร่วมสมัยได้อย่างลงตัว
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline