เยือน “ชุมชนทุ่งประดู่” เที่ยวสนุก กินอร่อย สัมผัสมนต์เสน่ห์ทับสะแก

หลายคนสุขใจเมื่อได้ออกเดินทางท่องเที่ยว ถือเป็นการเติมเต็มความสุขให้กับชีวิตอย่างหนึ่ง ทั้งสุขจากการชื่นชม สุขจากการกิน และสุขจากการได้ผ่อนคลายร่างกาย หากใครมีโอกาสก็อยากให้ลองมาสัมผัสความสุขนั้นด้วยตนเอง กับชุมชนแห่งความสุข “ชุมชนทุ่งประดู่” ถือว่าเป็นหนึ่งวันของการได้มาพักผ่อนที่คุ้มค่า

“ชุมชนทุ่งประดู่” ตั้งอยู่ที่ตำบลทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่เดิมนั้นบริเวณนี้มีต้นประดู่ขึ้นเป็นทุ่งอยู่เป็นจำนวนมาก ต่อมาเมื่อมีบ้านเรือนอาศัยอยู่จึงเรียกชื่อว่า “หมู่บ้านทุ่งประดู่” ปัจจุบันต้นประดู่ยังคงมีอยู่ให้เห็นในวัดทุ่งประดู่ และชาวบ้านที่อยู่อาศัยในหมู่บ้านส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพประมงและการเกษตรเป็นหลัก ซึ่งเป็นการสืบทอดกันมาหลายรุ่นจนถึงปัจจุบัน

“ทุ่งประดู่” เป็นชุมชนที่มีวิถีการดำเนินชีวิต 2 แบบ คือวิธีการทำประมงชายฝั่งและเกษตรกรรม ทั้งการทำนาปลูกข้าวการทำสวนมะพร้าว โดยเสน่ห์ของชุมชนคือการคงไว้ซึ่งวิถีดั้งเดิมและพัฒนาชุมชนทั้งด้านประมงและเกษตร ตามแนวพระราชดำริ โดยการเรียนรู้ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อสร้างรายได้ เสริมและกระจายรายได้สู่ชุมชน


นอกจากนี้ทางชุมชนได้มีการส่งเสริมให้มีท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสวิถีชีวิตของชาวประมงและวิถีชีวิตของชาวเกษตรสวนมะพร้าว เมื่อนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนในชุมชนจะได้นั่งแท็กซี่ชุมชน หรือ รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง ดื่มด่ำและสัมผัสบรรยากาศทั้งสองข้างทาง และยังได้รับการต้อนรับพร้อมนำเที่ยวอย่างเป็นมิตรจากชาวบ้าน


ความน่าสนใจของการท่องเที่ยวในชุมชนทุ่งประดู่ มีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่เราไม่ควรพลาด มาเริ่มต้นกันที่ “วัดทุ่งประดู่” ตั้งขึ้นเมื่อ ปีพ.ศ. 2466 เป็นวัดขนาดกลาง บรรยากาศเงียบสงบร่มเย็น ไหว้พระขอพรองค์พระพุทธรูปหินขาว ชาวบ้านเล่าว่า เมื่อประมาณ 75 ปีที่ผ่านมา “หลวงพ่อแนะ” อดีตเจ้าอาวาส ท่านเป็นพระวิปัสสนากัมมัฏฐาน ซึ่งมรณภาพแล้ว แต่สังขารไม่เน่าเปื่อย ขณะนั้นท่านเดินทางไปประเทศพม่าแล้วพบองค์หลวงพ่อหินขาว จึงขออนุญาตและทำพิธีอัญเชิญขึ้นหลังช้างลัดเลาะข้ามพรมแดนช่องทางเทือกเขาตะนาวศรี นำมาประดิษฐานที่วัดทุ่งประดู่อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่ชุมชนบ้านทุ่งประดู่ นอกจากหลวงพ่อหินขาวแล้ว ภายในวัดยังมีพระนอนองค์ใหญ่ให้เราได้กราบสักการะขอพรอีกด้วย


เมื่อกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่ชุมชนบ้านทุ่งประดู่เสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเดินทางไปที่ศาลาของหมู่บ้าน ที่นี่มีการทำบ้านปลาด้วยเชือกหรือเรียกภาษาท้องถิ่นว่า “ซั้งปลา” การทำบ้านปลาด้วยซั้งเชือกแล้วนำซั้งมาผูกกับทุ่นเพื่อให้จมอยู่ในน้ำ มีลักษณะคล้ายสาหร่ายทะเล และเมื่อเอาซั้งเชือกไปทำบ้านปลาในทะเลแล้ว ปรากฏว่ามีปลาชุกชุมเป็นจำนวนมาก ทำให้ชาวประมงจับปลาได้มากขึ้น จึงกลายเป็นที่มาของบ้านปลาทุ่งประดู่


อีกหนึ่งจุดไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดก็คือ การทำสปาทราย ที่บริเวณหาดสน หากใครได้มาทำสปาทรายที่ชุมชนทุ่งประดู่จะสังเกตเห็นว่าทรายที่นี่เป็นทรายเม็ดใหญ่และไม่ติดตามตัว สำหรับกิจกรรมการทำสปาทรายเป็นการทำบำบัดความเครียดผ่อนคลายความเหนื่อยล้า และทรายที่ชายหาดแห่งนี้ได้รับการวิจัยจากแพทย์แผนไทยว่า เป็นทรายคริสตัลมีพลังดึงดูดและซึมซับเอาแร่ธาตุในท้องทะเล พอน้ำขึ้นทรายจะดูดซึมเอาแร่ธาตุไว้ ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การบำบัดด้วยการทำสปาทรายคือ ช่วงเช้าทรายจะเย็นเหมาะสำหรับคนที่มีอาการร้อนข้างใน ส่วนช่วงเย็นทรายจะอุ่นเหมาะสำหรับคนที่ต้องการผ่อนคลายหรือบรรเทาอาการปวดเมื่อย ส่วนแร่ธาตุช่วยให้การไหลเวียนของเลือดลมในร่างกายดีขึ้น




จากนั้นก็ไปตามเส้นทางเลียบชายทะเล แวะชมสตรีทอาร์ตและสะพานไม้ชายเลทับสะแก ที่เป็นสะพานปลาเก่าแก่สร้างยื่นออกไปในทะเล ซึ่งได้กลายเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของอำเภอทับสะแก






และมาเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกายด้วยน้ำมะพร้าวสดจากต้น ชุมชนแห่งนี้มีการปลูกมะพร้าวหลายพันธุ์แต่ที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่คือ “มะพร้าวนกคุ้ม” มะพร้าวพันธุ์พื้นเมืองของชุมชนทุ่งประดู่ ปัจจุบันเป็นพันธุ์ที่หายาก ที่ “สวนมะพร้าวลุงบูรณ์” มีมะพร้าวนกคุ้มให้เราได้ชมและชิมสดๆ จากต้นให้ชื่นใจกันด้วย




ก่อนที่จะไปยังจุดต่อไปเรามาแวะเติมพลังด้วยอาหารมื้อกลางวัน หากนักท่องเที่ยวต้องการสัมผัสความสดและอร่อยในแบบฉบับของบ้านทุ่งประดู่ สามารถติดต่อชุมชนล่วงหน้าว่าต้องการลิ้มลองเมนูท้องถิ่น ชุมชนมีความยินดีและนำเสนออาหารแก่นักท่องเที่ยว โดยเมนูที่ชุมชนภูมิใจเสนอ เช่น งบย่าง อาหารพื้นบ้านเมนูอาหารท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชน และยังมีอาหารพื้นถิ่นที่ขึ้นชื่อของจังหวัดแถบชายทะเล “น้ำพริกกะปิเคย” ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับไข่เจียว ชุมชนบ้านทุ่งประดู่มีการนำเคยมาผลิตกะปิที่มีกลิ่นหอมและรสชาติที่อร่อยกว่ากะปิกุ้งทั่วไป นำเคยมาทำน้ำพริกกะปิและกินแกล้มกับผักต่างๆ และไข่เจียว รสชาติเข้ากันอย่างลงตัว




เมื่ออิ่มท้องด้วยเมนูของคาวแล้ว จากนั้นปิดท้ายด้วยเมนูของหวานท้องถิ่น ซึ่งเป็นเมนูที่หากินยากและมาจากวัตถุดิบท้องถิ่นหายาก นั่นคือ “อัญมณีนกคุ้ม” หรือขนมหวานที่คนทั่วไปรู้จักกันว่า “ทับทิมกรอบ” แต่คนในชุมชนเรียกว่า “อัญมณี” ที่มีความหมายว่าของล้ำค่า ได้จากวัตถุดิบที่มาจากมะพร้าว ซึ่งเป็นพืชสำคัญในท้องถิ่นโดยการนำเนื้อมะพร้าวนกคุ้มที่อ่อนกำลังพอดีมาหั่นและแช่น้ำสมุนไพรให้เกิดสีสันสวยงาม หลังจากนั้นคลุกกับแป้ง ทำคล้ายๆกับทับทิมกรอบ กินกับน้ำกะทิหวานเย็นหอมชื่นใจ


สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจมาท่องเที่ยวที่ชุมชนทุ่งประดู่ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 08-1572-9665 (คุณปิ่น) การเดินทางมายังชุมชนทุ่งประดู่ หากเดินทางจากกรุงเทพฯ ให้วิ่งเส้นถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าไปอำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมชนบ้านทุ่งประดู่จะอยู่ถึงก่อนอำเภอทับสะแก 2 กิโลเมตร

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline