xs
xsm
sm
md
lg

สุขใจเปี่ยมศรัทธา ไหว้พระ 3 วัดเก่าสมัยอยุธยาสุดล้ำค่า จ.ระยอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


วัดราชบัลลังก์ประดิษฐาวราราม หรือ วัดราชบัลลังก์
“ระยอง” จังหวัดนี้ไม่ได้มีดีแค่ทะเลสวย แต่เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงมากมายหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นก็คือวัดวาอารามเก่าแก่อายุนับร้อยปี ครั้งนี้จึงได้รวม 3 วัดเก่าสมัยอยุธยาในระยอง ที่ยังคงความงดงามมาให้ทุกคนได้ชมกัน

วัดโขด (ทิมธาราม) ตั้งอยู่ที่ตำบัลท่าประดู่ กล่าวกันว่าที่ได้ชื่อเช่นนี้ เพราะพระยาระยองผู้เป็นเจ้าเมืองนั้นมีนามเดิมหรือนามจริงว่า "ทิม" เป็นผู้สร้างวัดนี้ แต่ชาวบ้านเรียกกันสั้น ๆ ว่า "วัดโขด" อันเนื่องมาจากวัดนี้มีที่มาจากที่ตั้งอยู่บนโขดทรายติดกับแม่น้ำระยอง สำหรับประวัติการสร้างวัด สร้างขึ้นประมาณ พ.ศ. 2007 แต่กรมศิลปากรแจ้งว่าวัดโขดสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2113 สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หลังจากที่เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งแรก

วัดโขด (ทิมธาราม) วัดเก่าแก่ของจังหวัดระยอง

บริเวณด้านหลังอุโบสถ
สำหรับอุโบสถหลังเก่ามีลักษณะเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหลังคาเครื่องไม้ เดิมมุงด้วยกระเบื้องหางมนซ้อนกัน หน้าบันปูนปั้นลวดลายเครือเถาประดับด้วยตุ๊กตาเคลือบรูปสัตว์ อิทธิพลศิลปะจีน ปัจจุบันซ่อมแซมใหม่เป็นหลังคาเครื่องไม้มุงด้วยกระเบื้องลอนลูกฟูก สร้างมุข

โดยรอบอุโบสถมีกำแพงแก้วล้อมรอบ

ภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถ
ด้านหน้ามีภาพจิตรกรรมฝาผนังรูปพุทธประวัติตอนมารผจญ ผนังด้านหลังก่อทึบ ด้านข้างมีช่องหน้าต่างด้านละ 5 บาน บานประตูหน้าต่างไม้ โดยรอบอุโบสถมีกำแพงแก้วล้อมรอบ มีเจดีย์มุมภายในเขตกำแพงแก้ว ภายในอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปประธาน ปางมารวิชัย มีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างพื้นบ้าน แต่สภาพชำรุดลางเลือนมาก แสดงภาพทศชาติชาดก ภาพกินรี และภาพวิถีชีวิตของผู้คนในยุคนั้น เจดีย์มุมลักษณะเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง

หลวงพ่อขาว พระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย
นอกจากนี้ภายในอุโบสถยังเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อขาว พระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย นั่งขัดสมาธิ มีพระพุทธรูปสาวกนั่งคุกเข่าพนมมืออยู่สองข้างองค์หลวงพ่อ ซึ่งหลวงพ่อขาวองค์นี้คาดว่ามีอายุกว่า 500 ปี อันเป็นที่เคารพสักการบูชาของชาวระยอง

อุโบสถเก่าแก่อายุประมาณ 300 ปี
อีกหนึ่งวัดเก่าแก่คู่จังหวัดระยอง นั่นก็คือ “วัดราชบัลลังก์ประดิษฐาวราราม” หรือ “วัดราชบัลลังก์” ตั้งอยู่ที่ ถนนทะเลน้อย ตำบลทางเกวียน อำเภอแกลง เริ่มสร้างมีชื่อว่า “วัดเนินสระ” อาจเป็นเพราะตั้งชื่อตามสภาพพื้นที่ คือมีสระน้ำสำหรับชาวบ้านใช้อุปโภคบริโภคอยู่ชายเนิน ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดทะเลน้อย” ตามชื่อหมู่บ้าน เพราะบริเวณนี้กล่าวกันว่า เดิมเป็นทะเล แต่มาตื้นเขินเป็นพื้นดิน หากขุดลึกลงไปสักเล็กน้อย จะพบซากเปลือกหอยมากมายในทุกพื้นที่ ถึงหน้าฝนน้ำขังจึงใช้ทำนาได้ ในอดีตหน้าแล้ง บางปี น้ำทะเลหนุนเออขึ้นมาท่วมทุ่ง มองดูแล้วคล้ายทะเลน้อย ๆ จึงมีชื่อเรียกหมู่บ้านนี้ว่า “บ้านทะเลน้อย” ปัจจุบันก็ยังกันดารน้ำจืดอยู่ ชาวบ้านต้องอาศัยเก็บน้ำฝนไว้บริโภค เพราะน้ำในบ่อที่ขุดไว้ใช้มีรสกร่อย ใช้ดื่มกินไม่ได้

ซุ้มประตูหน้าต่างตกแต่งด้วยลายดอกไม้

บริเวณด้านหน้าของอุโบสถ

ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่
ภายในมีอุโบสถเก่าแก่อายุประมาณ 300 ปี ผนังก่ออิฐถือปูน ขนาดกว้าง 6 เมตร ยาว 10.70 เมตร ซุ้มประตูหน้าต่างตกแต่งด้วยลายดอกไม้ ผลงานสถาปัตยกรรมกึ่งไทยกึ่งจีนที่วิจิตรงดงาม ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ (หลวงพ่อโครงหวาย) ซึ่งทำด้วยโครงหวายฉาบปูน นอกจากนี้ยังมีศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน และโบราณสถานโบราณวัตถุที่สำคัญมากมาย เช่น เจดีย์ บัลลังก์ มีดดาบ เขาควาย เป็นต้น

เจดีย์เก่าแก่

อุโบสถของวัดป่าประดู่
และหากใครได้มาเยือนระยองแล้วจะต้องไม่พลาดมาที่ “วัดป่าประดู่” อยู่ในเมืองระยองบนถนนสุขุมวิท เป็นวัดเก่าแก่ของเมืองระยอง สันนิษฐานว่า สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวงตั้งแต่ปี พ.ศ.2523 เดิมชื่อว่า "วัดป่าเลไลยก์" มีพระภิกษุรูปหนึ่งชื่อ อุปัชฌาย์เทียน ได้มาจำพรรษาเพื่อบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานอยู่ที่นี่ บรรดาชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงศรัทธาเลื่อมใสในท่าน จึงชักชวนกันสร้างกุฏิถวาย และร่วมกันปฏิสังขรณ์วัดนี้จนเจริญสืบมา ต่อมาได้เปลี่ยนนามวัดเป็น “วัดป่าประดู่” เพราะมีต้นประดู่ ใหญ่อยู่ภายในวัดจำนวนมาก แต่ปัจจุบันเหลือเพียงต้นเดียวตรงปากประตูทางเข้าวัด

สิ่งที่โดดเด่นที่อยู่ภายในวัดป่าประดู่แห่งนี้คือ มี "พระพุทธรูปนอนตะแคงซ้าย" ที่เก่าแก่ เป็นพระพุทธไสยาสน์ที่แปลกที่สุดในประเทศไทย โดยปกติแล้วเมื่อมีการสร้างองค์พระปางสีหไสยาสน์ มักจะสร้างประทับอยู่ในท่านอนตะแคงขวา แต่พระพุทธไสยาสน์ที่วัดป่าประดู่สร้างในท่านอนตะแคงซ้าย

ด้านหลังโบสถ์ปั้นปูนเป็นลายพรรณพฤกษา
สำหรับพระพุทธรูปนอนตะแคงซ้าย มีขนาดความยาว 11.95 เมตร สูง 3.60 เมตร โดยเมื่อปี พ.ศ. 2478 พระครูสมุทรสมานคุณ (แอ่ว) อดีตเจ้าอาวาส ได้บูรณะองค์พระส่วนที่ชำรุดแล้วปิดทองใหม่ มีผู้สันนิษฐานว่า เป็นการสร้างตามพระพุทธประวัติ ตอนพระพุทธเจ้ากระทำยมกปาฏิหาริย์ให้พวกเดียรถีย์ชม โดยมีพระพุทธนิมิตแสดงอาการอย่างเดียวกับพระพุทธเจ้าเป็นคู่ๆ เมื่อถึงอิริยาบถไสยาสน์จึงผินพระพักตร์เข้าหากันเป็นการนอนตะแคงซ้าย และขวาในลักษณะเดียวกัน ผู้สร้างจึงสร้างให้มีนัยของพุทธปาฏิหาริย์ดังกล่าว จึงสร้างเป็นพระนอนตะแคงซ้าย

พระพุทธรูปนอนตะแคงซ้าย
ลักษณะโดดเด่นของพระพุทธรูปนอนตะแคงซ้ายมีความพิเศษคือ มีการหนุนพระเศียรด้วยหัตถ์ซ้าย เมื่อสังเกตจากพระเกศ ไรพระศก และจีวร คาดว่าจะสร้างขึ้นในยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา ถือเป็นพระเก่าแก่คู่บ้านเมืองของระยองแห่งหนึ่ง และวัดป่าประดู่ได้รับการยกฐานะเป็น พระอารามหลวง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533

ประดิษฐานพระปางปาลิไลยก์
ภายในวัดมีอุโบสกหลังเก่า เดิมพระครูสมุทสมานคุณ (แอ่ว) และชาวบ้าน ร่วมกันสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2449 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 ด้านหน้าโบสถ์ต่อเป็นหลังคามีเสารองรับ ซึ่งเป็นลักษณะศิลปกรรมที่นิยมในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ หลังคาซ้อนสองชั้น ประดับช่อฟ้า ใบระกา โดยสิ่งที่น่าสนใจคือโบสถ์แห่งนี้ได้รับอิทธิพลศิลปะจีน เช่น ที่หน้าบันด้านหน้าหรือด้านทิศตะวันออก ปั้นปูนเป็นรูปพระพุทธเจ้าผุดขึ้นเหนือดอกบัวกลางสระ มีนกกระสากำลังจิกกบเขียดอยู่ในสระ ส่วน ด้านหลังโบสถ์ปั้นปูนเป็นลายพรรณพฤกษา ยกช่อดอกไม้เป็นกลีบ ลอยเด่นออกมาจากผนัง มีสิงโตกำลังเล่นลูกแก้วขนาบข้างละตัว นอกจากนี้กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานที่มีหน้าบันสวยที่สุดในภาคตะวันออกอีกด้วย

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline




กำลังโหลดความคิดเห็น