xs
xsm
sm
md
lg

ปิดตำนาน “ผาหัวสิงห์” อุทาหรณ์นักท่องเที่ยวไร้สำนึก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี



ปิดตำนาน “ผาหัวสิงห์” หลัง อช.เขาค้อ ประกาศปิดสถานที่ดังกล่าว พร้อมเผยที่ผ่านมาผาหัวสิงห์ไม่ได้ถูกกำหนดเป็นแหล่งท่องเที่ยวของทางอุทยานฯ ซึ่งหลังจากติดป้ายเตือนห้ามเข้าแล้ว หากใครฝ่าฝืนจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย

ผาหัวสิงห์ หนึ่งในจุดชมวิวชื่อดัง (ภาพจาก :  เฟซบุ๊ก Leo Beer)
“ผาหัวสิงห์” ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านเนิน อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาค้อ

ผาหัวสิงห์ มีลักษณะเป็นยอดเนินเขายื่นออกไปจากแนวผา ถือเป็นจุดชมวิวที่สามารถชมวิว ชมทะเลหมอก ได้เกือบรอบทิศทาง ที่สำคัญคือสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของ “ภูทับเบิก” แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังใน จ.เพชรบูรณ์ ได้อย่างสวยงามกว้างไกล ที่ผ่านมาผาหัวสิงห์ จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก

ผาหัวสิงห์ ช่วงที่มีสิ่งปลูกสร้างบดบังทัศนียภาพ ก่อนกรมป่าไม้จะสั่งรื้อถอนในภายหลัง (ภาพจาก : เฟซบุ๊ก ชื่อ กี้)
สำหรับเส้นทางขึ้นผาหัวสิงห์เป็นถนนลูกรัง นักท่องเที่ยวต้องขับรถขึ้นไปจอดยังลานจอดที่ทางอุทยานฯ เขาค้อ กำหนด จากนั้นจึงเดินเท้าไปอีกไม่ไกลสู่จุดชมวิวไฮไลท์ที่ปลายยอดผา

อย่างไรก็ดีด้วยความมีชื่อเสียงของผาหัวสิงห์ ที่มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปเป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมาจึงมีคนบุกรุกขยายที่ทำกินเดิมขึ้นไปตั้งเต็นท์ที่พักและสิ่งปลูกสร้างบดบังทัศนียภาพอันงดงามของผาแห่งนี้ จนเกิดเป็นกรณีดรามาในโลกโซเชียลอย่างกว้างขวาง เมื่อช่วงต้นเดือน ก.ค. ปี 2563 ซึ่งสุดท้ายทางกรมป่าไม้ได้สั่งการรื้อถอนเต็นท์ และสิ่งปลูกสร้าง บนยอดผาหัวสิงห์ เพื่อไม่ให้บดบังทัศนียภาพ โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวบนนั้นแบบมีจิตสำนึก เคารพในกฎ กติกา

ดรามากรณีนักท่องเที่ยวขับรถขึ้นไปบนจุดชมวิวผาหัวสิงห์ (ภาพจาก : เพจ ชวนเที่ยวภูทับเบิก)
แต่ทว่าล่าสุด...ผาหัวสิงห์ เกิดดรามาอีกครั้ง จากกรณีมีนักท่องเที่ยวขับรถขึ้นไปจอดบนยอด “ผาหัวสิงห์” จนเกิดประเด็นดรามาที่มาพร้อมคำวิจารณ์ ตำหนิถึงพฤติกรรมดังกล่าวว่า ไม่เหมาะสม ไร้สำนึก เพราะเป็นการฝ่าฝืนกฎกติกาที่คนส่วนใหญ่รู้กันดีว่า ห้ามนำรถขับขึ้นไป เพราะเป็นเส้นทางเดินเท้าและพื้นที่สุ่มเสี่ยง ซึ่งอาจประสบอุบัติเหตุเกิดอันตราย อีกทั้งยังเป็นเป็นพฤติกรรมที่อาจทำให้นักท่องเที่ยวรายอื่น ๆ ทำตาม

ทำให้หลังจากนั้นทางอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ได้ยุติดรามาดังกล่าวเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 64 ที่ผ่านมา โดยทางอุทยานฯ เขาค้อ ได้เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีนักท่องเที่ยวบางคนขับรถขึ้นไปจอดบริเวณจุดชมวิวผาหัวสิงห์ การกระทำดังกล่าวถือว่าอันตรายอย่างมาก โดยเฉพาะช่วงฝนตก ทางค่อนข้างลื่น ประกอบกับพื้นที่บนผาหัวสิงห์เป็นลานดินแคบ และบริเวณโดยรอบเป็นหน้าผาสูงชัน

จบดรามาผาหัวสิงห์ โดย อช.เขาค้อ (ภาพจาก : กรมอุทยานฯ)
ด้วยเหตุนี้เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ทางอุทยานฯ เขาค้อ จึงปิดผาหัวสิงห์เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว พร้อมทั้งติดป้ายเตือน “อันตรายหน้าผาสูงชัน” และป้าย “ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต” ไว้บริเวณทางขึ้น “ผาหัวสิงห์” เนื่องจากพื้นที่บริเวณดังกล่าว มีสภาพภูมิประเทศเป็นลานดินแคบ บริเวณโดยรอบเป็นหน้าผาสูงชัน มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและอันตรายแก่นักท่องเที่ยวได้ หากมีผู้ใดฝ่าฝืนทางอุทยานเขาค้อ จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นอกจากนี้ “นายประสาน เอียดสังข์” หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ยังออกมาเปิดเผยว่า บริเวณ “ผาหัวสิงห์” ไม่ได้กำหนดเป็นแหล่งท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติเขาค้อ จึงไม่ได้จัดเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติงานอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาค้อที่ ขค.2 (น้ำเพียงดิน) ซึ่งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว เป็นหน่วยที่ปฏิบัติงานลาดตระเวนเพื่อคุ้มครองพื้นที่อุทยานแห่งชาติเป็นหลัก

เพจท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ โพสต์ถึงเหตุของการปิดตำนานผาหัวสิงห์
ทั้งนี้หลังทาง อช.เขาค้อ ได้ทำการปิดผาหัวสิงห์ ทางเพจ “ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ” ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ว่า

‼ เพราะเพียงขาด จิตสำนึก ตรึกถูก-ผิด
❌ จึงถูกปิด เป็นตำนาน แค่ผ่านเห็น
เพราะเป็นเพียง แค่ความอยาก พวกกากเดน
จึงกลายเป็น เพียงตำนาน เล่าขานเอย
⛔ ปิดตำนาน ผาหัวสิงห์
โดย เจ้าหน้าที่ อุทยานแห่งชาติเขาค้อ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11(พิษณุโลก)

และนี่ถือเป็นการยุติดรามาไปพร้อม ๆ กับการปิดตำนานผาหัวสิงห์ หนึ่งในจุดชมวิวที่สวยงามในจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งนี่นับเป็นอีกหนึ่งอุทาหรณ์สำหรับนักท่องเที่ยวที่เห็นแก่ตัว ไร้สำนึก คึกคะนอง ทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่เคารพกฎกติกา มารยาททางการท่องเที่ยว สุดท้ายสิ่งที่ตัวเองทำลงไปนั้น ได้สร้างความเสียหายแก่ส่วนรวมคนหมู่มาก นับเป็นการกระทำที่ไม่น่าเอาเยี่ยงอย่างและน่ารังเกียจไม่น้อยเลย

ต่อไปใครเข้าผาหัวสิงห์ก่อนได้รับอนุญาต จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป (ภาพจาก  กรมอุทยานฯ)
#########################################

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline




กำลังโหลดความคิดเห็น