หลังจาก “กัญชา” ถูกปลดล็อก ได้รับการอนุมัติให้ใช้ ใบ ราก และลำต้นของต้นกัญชา สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ ก็เกิดกระแสการทดลองใช้กัญชานำมาปรุงเป็นเมนูต่างๆ โดยปัจจุบันนี้ มีร้านอาหารหลายแห่งเริ่มโปรโมทเมนูจากกัญชา เปิดให้นักชิมได้มาลิ้มลอง
เริ่มจากที่แรก “อภัยภูเบศร เดย์ สปา” โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี ที่นำร่องเมนูจากกัญชา กับ 4 เมนูเด็ด รื่นเริงบันเทิงยำ : เติมเต็มทุกคำ สุขล้ำทุกเวลา (มีใบกัญชา 5 ใบ) / เล้งแซ่บซดเพลิน : ช่วยเจริญอาหาร (มีใบกัญชา 1/2 ใบ) / ข้าวกะเพราสุขใจ : กินมื้อไหนก็ไม่เบื่อ (มีใบกัญชา 1/2 ใบ) / ขนมปังคิกคัก : กินเสริมเวลาพัก (มีใบกัญชา 2 ใบ)
แต่เนื่องจากเป็นหน่วยงานนำร่องด้านการพัฒนากัญชาและการใช้ประโยชน์ การเปิดให้ลองชิมเมนูจากกัญชาจึงเป็นการเก็บข้อมูลเพื่อนำไปพัฒนาหลักสูตรอบรมความรู้เรื่องการนำกัญชาไปปรุง ปัจจุบันที่นี่จึงงดให้บริการอาหารและเครื่องดื่มจากกัญชาชั่วคราว และในอนาคตอาจจะมีการเปิดให้ชิมเมนูจากกัญชาอีกครั้ง
“บ้านตุลย์” อ.เมือง จ.ระยอง เป็นร้านอาหารร้านแรกในระยองที่เปิดให้ลองชิมเมนูจากกัญชา จากเดิมที่ร้านเปิดขายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ตอนนี้มีเมนูจากกัญชาให้ทดลองชิมหลากหลายเมนู โดยกัญชาที่ใช้เป็นกัญชาออร์แกนิก มีใบอนุญาตจากแหล่งที่ได้รับการอนุญาตให้ปลูกกัญชาอย่างถูกต้อง และรับใบกัญชามาปรุงเป็นเมนูต่างๆ ซึ่งใบกัญชาจะมีฤทธิ์น้อยกว่ากัญชาทั่วไป ทางร้านจะใส่เพียง 2-3 ใบต่อเมนูเท่านั้น
เมนูอาหารจากกัญชาของร้านบ้านตุลย์ที่มีให้ลองชิม อาทิ ไข่เจียวใบกัญชา แกงไก่บ้านใบกัญชา กะเพราใบกัญชา ข้าวเนื้อตุ๋นใบกัญชา สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเลกัญชา ทอดมันกัญชา ชากัญชา กัญชาสกัดเย็น เป็นต้น ซึ่งในอนาคตก็จะมีการพัฒนาเมนูที่ปรุงจากกัญชาให้หลากหลายมากขึ้น เช่น ขนมเค้กจากกัญชาสกัด เป็นต้น
“HOP Beer House” อ.เมือง จ.นครราชสีมา เปิดให้บริการเมนูกัญชาเพื่อสุขภาพ “Cannabis kitchen @HOP” โดยมีการขออนุญาตนำผลผลิตกัญชาคุณภาพจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีมาใช้เป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารและเครื่องดื่ม
สำหรับเมนูอาหารที่โดดเด่นโดยใช้กัญชาเป็นส่วนผสม เช่น เทมปุระ พิซซา สปาเกตตี ต้มไก่โคราช เมนูของหวาน เช่น พุดดิ้ง ครัวซองต์ และ เครื่องดื่ม เช่น Hemp&HOP warter และชา
“Class Cafe” แบรนด์ร้านกาแฟอีสาน ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เปิดตัวเมนูเครื่องดื่มผสมกัญชา โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า "Khaoyai Calm" ซึ่งเป็นการวิจัยพัฒนากัญชาในอาหาร และเครื่องดื่ม เพื่อสร้างมูลค่ากระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมา
โดยปัจจุบัน เมนูอาหารจากกัญชาในแบรนด์ Khaoyai Calm มีให้ลองชิมที่ร้าน Class Cafe จำนวน 4 สาขา โดยมีเมนูเครื่องดื่มและเบอร์เกอร์ สำหรับใบกัญชาที่นำมาใช้เป็นกัญชาออร์แกนิก สำหรับเครื่องดื่มจะมีส่วนประกอบของใบกัญชาแห้ง 0.36 กรัมต่อหนึ่งแก้ว
“เขียวไข่กา” เลือกใช้กัญชามาปรุงเป็นเมนูสุขภาพ มีให้ทดลองชิม 8 เมนู ได้แก่ เมนูไข่เจียวอารมณ์ดี ใบเหลียงผัดไข่ใบกัญชา แกงเขียวหวาน(เจี๊ยบ) ยำใบกัญชากรอบ เมี่ยงกระพงกรอบกัญชาหวาน ต้มไก่บ้านมะขามอ่อนใบกัญชา กุ้งทอดสะเดาน้ำปลาหวาน (เจี๊ยบ) และข้าวยำบูดูใบกัญชา
โดยทางร้านสั่งซื้อใบกัญชาจากทางวิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกและแปรรูปบุก,เกษตรอินทรีย์บ้านทุ่งแพม จ.แม่ฮ่องสอน เนื่องจากมีการควบคุมคุณภาพอย่างดี และได้รับการอนุญาตให้ปลูกอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งเมนูจากกัญชาเหล่านี้ สามารถมาชิมได้ที่ร้านเขียวไข่กา สาขานาคนิวาส
ทั้งนี้ การนำกัญชามาปรุงเป็นเมนูอาหาร แม้จะทำได้ แต่จะต้องซื้อมาจากแหล่งปลูกที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยา เท่านั้น เช่น วิสาหกิจชุมชนที่ปลูกร่วมกับหน่วยงานของรัฐ และ เมื่อได้รับใบหรือส่วนของพืชกัญชาจากแหล่งที่ปลูกถูกต้องตามกฎหมายมาแล้ว สามารถนำมาปรุงใส่อาหารจำหน่ายที่ร้านได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจาก อย. อีก
นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง รัศมน กัลยาศิริ ผู้จัดการศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ได้ให้ข้อมูลว่า กัญชาจะมีสารสำคัญ 2 ชนิด ได้แก่ THC และ CBD ซึ่งสารชนิดแรกนั้น จะทำให้มึนเมา เคลิ้ม โดยแต่ละส่วนของกัญชาจะมีสาร THC ต่างกัน ซึ่งในส่วนของกัญชาที่มี THC เข้มข้นสูงนั้น จะมักไม่ค่อยดีนักในแง่นำมาใช้ เพราะทำให้เป็นพิษและเมาได้
ขณะเดียวกัน แม้ว่ากัญชาจะได้รับอนุญาตให้นำมาใส่ในอาหารอย่างถูกกฎหมายแล้ว แต่ก็ต้องมีการระมัดระวังในเรื่องของปริมาณ ซึ่งหากใส่มากเกินไปอาจจะทำให้เมาได้ และในเรื่องของการผ่านความร้อนที่สาร THC จะออกฤทธิ์มากกว่านั้น ยิ่งต้องมีความระมัดระวัง และยิ่งนำมาผัดกับน้ำมัน บวกกับความร้อนด้วยแล้ว จะทำให้มีการสกัดสารมากขึ้น และก่อให้เกิดความเมามากยิ่งขึ้นนั่นเอง
รวมถึงยังมีกลุ่มคนที่ควรหลีกเลี่ยงการใช้กัญชา คือ ผู้ที่อายุต่ำกว่า 25 ปี ผู้ที่มีตับและไตบกพร่อง ผู้ใช้ยาละลายลิ่มเลือดวาร์ฟาริน ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline