เพจTrip กะ Dolls ชื่อจับตุ๊กตาผี “แอนนาเบลล์” ถ่ายแบบในเมืองพัทยา สื่อสะท้อนภาพเมืองท่องเที่ยวดังวันร้างไร้นักท่องเที่ยว หลังสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ระบาดหนักในจังหวัดชลบุรี จนกลายเป็นหนึ่งในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ด้านนักธุรกิจเมืองพัทยาจี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการเพจดังกล่าว ชี้เป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ท่องเที่ยวจากวิกฤตโควิด-19 ระลอกใหม่
“Trip กะ Dolls” เพจบล็อกเกอร์ไอเดียสร้างสรรค์ที่เน้นการถ่ายรูปตุ๊กตาคู่กับสถานที่ต่าง ๆ จับตุ๊กตาผีชื่อก้องโลก “แอนนาเบลล์” ถ่ายแบบที่พัทยายามค่ำคืน เพื่อสื่อสะท้อนภาพเมืองท่องเที่ยวระดับโลกในวันไร้นักท่องเที่ยว ที่บางมุมของเมืองมีสภาพคล้ายเมืองร้างดูไม่ต่างจากหนังสยองขวัญ ซึ่งได้รับการพูดถึงและแชร์ผ่านโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้เพจดังกล่าวได้เขียนแคปชั่นรวมสั้น ๆ ว่า “ในวันที่พัทยาติดโควิด-19 😷” รวมถึงแคปชั่นประกอบภาพ อย่างเช่น
“พัทยาเมืองที่ไม่เคยหลับไหล เมืองที่มีแต่แสงไฟและเสียงดนตรี ปัจจุบันเงียบสนิท เข็มหล่นยังได้ยิน..”
“Walking Street เวลาประมาณสามทุ่มกว่า 😰”
“ช่วงต้นปีของแต่ละปีที่ผ่านๆมา การจราจรในยามค่ำคืนรถราวิ่งกันขวักไขว่ แต่มาปีนี้......😔”
“สี่ทุ่มกว่าคือเวลาตื่นของพัทยา แต่ตอนนี้พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินก็เข้านอนกันแล้ว 😴”
“ชายหาดพัทยากลางที่เงียบสงบ”
“ป้ายไฟเปิดให้รู้ไว้ว่าคุณไม่ได้มาผิดที่ นี่คือที่พัทยาจริงๆ”
อย่างไรก็ดีหลังเพจ Trip กะ Dolls ได้นำเสนอภาพตุ๊กตาผีถ่ายคู่กับเมืองพัทยาออกไป ได้มีการแสดงความคิดเห็นแบ่งเป็น 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย โดยฝ่ายเห็นด้วยสนับสนุนการกระทำดังกล่าวด้วยความสะใจ ส่วนฝ่ายไม่เห็นด้วย มองว่าเป็นการกระทำที่ซ้ำเติมสถานการณ์ และบีบหัวใจคนพัทยา โดยเฉพาะผู้ที่ต้องตกงานจากสถานการณ์ดังกล่าว
โดยนักธุรกิจรายหนึ่งในเมืองพัทยา เปิดเผยว่า รู้สึกไม่สบายใจกับการกระทำของเพจเฟซบุ๊ก Trip กะ Dolls และขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเมืองพัทยา หรือจังหวัดชลบุรี ออกมาจัดการกับเพจดังกล่าว โดยเฉพาะการดำเนินคดีทางกฎหมายเพื่อให้เป็นตัวอย่าง
เนื่องจากถือว่าเป็นการกระทำที่ย่ำยีหัวใจคนพัทยา ซึ่งแม้ว่าจะมีกลุ่มคนบางส่วนรู้สึกสะใจกับการกระทำของเพจนี้ที่ซ้ำเติมสถานการณ์ในพื้นที่ให้ดูย่ำแย่ในสายตาคนในของโลกออนไลน์
ทั้งที่ในวันนี้เมืองพัทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคธุรกิจกำลังหาทางออกกับวิกฤตเพื่อพยุงให้เมืองพัทยา รอดพ้นจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ให้เร็วที่สุด พร้อมเรียกร้องให้ชาวพัทยาออกมาปกป้องพื้นที่ของตนเอง และไม่ควรเห็นด้วยกับการกระทำของเพจดังกล่าว
โดยยอมรับว่าในวันนี้สถานการณ์การท่องเที่ยวของเมืองพัทยาตกต่ำถึงขีดสุด แต่ทุกคนก็ควรช่วยกันแก้ไข ไม่ใช่การซ้ำเติมและเล่นสนุกบนความทุกข์ของคนอื่นเช่นนี้
สำหรับจังหวัดชลบุรีเป็นหนึ่งในจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเลือดหมู หรือแดงเข้ม) ที่นอกจากจะมีผู้ติดเชื้อในระดับสูงแล้ว ยังมีการคัดกรองเข้า-ออกอย่างเข้มข้น ส่งผลกระทบหนักต่อเมืองพัทยาสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลก ทำให้ผู้ประกอบการภาคธุรกิจท่องเที่ยว 8 องค์กรในเมืองพัทยา ได้ออกมาแถลงถึงผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ว่า
สถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ประกอบการเกือบทุกประเภทในเมืองพัทยา จนขณะนี้มีผู้ที่ไม่สามารถประกอบกิจการต่อได้และต้องปิดกิจการไปแล้วกว่า 80% ทำให้เมืองพัทยาในวันนี้กลายเป็นเมืองร้างที่มียอดนักท่องเที่ยวเป็นศูนย์
กลุ่มผู้ประกอบการภาคธุรกิจท่องเที่ยว 8 องค์กรณ์ ยังระบุว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้ยื่นมือเข้ามาให้การช่วยเหลือ หรือออกมาตรการเยียวยาใดๆ ได้แต่เพียงบอกว่าการล็อกดาวน์จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งมาตรการดังกล่าวไม่ต่างจากการผลักภาระให้ผู้ประกอบการในการแบกรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงฝ่ายเดียว
นอกจากนี้หนี่งในกลุ่มผู้แถลงการณ์ณ์ยังระบุว่า การกลับมาแพร่ระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่ช่วงปลายปี 63 เกิดจากการคอร์รัปชัน หรือการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบอย่างหนักของเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะมีการแพร่ระบาดอย่างหนัก เห็นได้จากการเอื้อให้มีการเปิดบ่อนพนัน และการขนย้ายแรงงานเถื่อนโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลได้ปล่อยปละละเลยให้เจ้าหน้าที่มีการเรียกรับผลประโยชน์กันจนเป็นปัญหาการแพร่ระบาดครั้งใหญ่
ทั้งนี้ในสถานการณ์ปกติ พัทยาจะมีสัดส่วนของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติอยู่ที่ใกล้เคียงกัน (ไทย 45% : ต่างชาติ 55%) แต่ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป ซึ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย กลางปี 63 พัทยาได้กลุ่มนักท่องเที่ยวไทยมาชดเชย กระทั่งมาเจอการระบาดระลอกใหม่ ซึ่งชลบุรีเป็นหนึ่งในจังหวัดสีแดงเข้ม ส่งผลกระทบหนักต่อเมืองพัทยา อันนำมาสู่ข้อเรียกร้องเสนอให้รัฐช่วยเยียวยาตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น