หนึ่งในน้ำตกที่สวยงามติดอันดับในเมืองไทยต้องยกให้ "น้ำตกเอราวัณ" แห่งอุทยานแห่งชาติเอราวัณ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวประเภทน้ำตกยอดฮิตมาทุกยุคทุกสมัย
สายน้ำแห่งน้ำตกเอราวัณเป็นสีเขียวสดใสราวกับมรกตเพราะเป็นน้ำตกหินปูน ยิ่งช่วงหลังการระบาดของโรคโควิด-19 ใหม่ๆ ที่มีการปิดอุทยานฯ จำกัดนักท่องเที่ยว งดให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำ ความงามของน้ำตกเอราวัณก็ยิ่งเปล่งประกาย
ปัจจุบันอุทยานแห่งชาติเอราวัณเปิดรับนักท่องเที่ยวและอนุญาตให้ลงเล่นน้ำได้อีกครั้ง โดยเปิดให้เล่นได้เฉพาะน้ำตกชั้นที่ 1-3 และมีรูปแบบการท่องเที่ยวแบบ New Normal นั่นคือจะให้ลงเล่นน้ำเป็นรอบๆ รอบละ 20-30 คน เป็นเวลา 20 นาที โดยคนที่จะเล่นน้ำจะต้องมารับเสื้อชูชีพและลงทะเบียนที่โต๊ะเจ้าหน้าที่ ก่อนจะสวมชูชีพลงไปแหวกว่ายในสายน้ำเย็นฉ่ำ จากนั้นเมื่อใกล้หมดเวลาเจ้าหน้าที่จะเป่านกหวีดให้สัญญาณให้ขึ้นจากน้ำ สลับให้รอบต่อไปได้ลงเล่น ถือเป็นมิติใหม่ของน้ำตกเอราวัณ รวมถึงน้ำตกอื่น ๆ ในอุทยานแห่งชาติที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำ
สำหรับอุทยานแห่งชาติน้ำตกเอราวัณนั้น มีลักษณะพื้นที่เป็นภูเขาสูงชันสลับกับพื้นที่ราบ สายน้ำที่มีต้นกำเนิดจากภูเขาลูกนี้ไหลรวมตัวกันเป็น "น้ำตกเอราวัณ" โดยภูเขาส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาหินปูน ทำให้น้ำที่ไหลมานี้มีหินปูนหรือแคลเซียมคาร์บอเนตละลายอยู่ในน้ำ สาหร่ายหรือตะไคร่น้ำต่างๆ จึงไม่สามารถขยายพันธุ์เจริญเติบโตได้ น้ำจึงดูใสสะอาด เมื่อแสงแดดส่องลงมากระทบ น้ำจะดูดกลืนคลื่นแสงสีแดงไว้ ทำให้มองเห็นพื้นของน้ำตกหินปูนเป็นสีฟ้าอมเขียวใสแจ๋วและสวยงามนั่นเอง และอีกหนึ่งข้อดีของน้ำตกหินปูนก็คือพื้นหินบริเวณน้ำตกจะไม่ลื่น ไม่ค่อยมีอุบัติเหตุลื่นล้มหล่นน้ำกันสักเท่าไร
น้ำตกเอราวัณที่งดงามนี้มีชั้นน้ำตกทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน ซึ่งวันนี้เราจะพาเดินเที่ยวให้ครบทุกชั้น การเดินทางไม่ยากลำบากเกินไปนัก มีระยะทางเดินรวมทั้งหมด 1,550 เมตร เท่านั้น
มากันที่น้ำตกชั้นแรก “ไหลคืนรัง” เป็นชั้นน้ำตกเตี้ยๆ และแอ่งน้ำเป็นชั้นๆ ไหลลงสู่ลำธาร พร้อมฝูงปลาพลวงว่ายวน รอบข้างเป็นต้นไม้ร่มรื่น ชั้นนี้เหมาะกับเด็กๆ เพราะเป็นแอ่งตื้น
ส่วนชั้นที่ 2 “วังมัจฉา” ชั้นนี้ถือเป็นจุดเล่นน้ำตกยอดนิยม เพราะเป็นแอ่งน้ำตกกว้าง สายน้ำไหลลงมาจากผาหินขนาดกลาง กลายเป็นม่านน้ำสีขาว ไหลลงสู่แอ่งน้ำสีเขียวมรกตสดใส ปลาพลวงว่ายเล่นอยู่ในแอ่งน้ำ บางครั้งก็มาตอดขาตอดเท้า เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี
และชั้นที่ 3 “ผาน้ำตก” ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่อนุญาตเล่นน้ำได้ บริเวณชั้นนี้จะเป็นหน้าผาล้อมรอบ มีน้ำตกไหลลงจากหน้าผาสูงราวๆ 10 เมตร ลงสู่แอ่งน้ำท่ามกลางต้นไม้ร่มรื่น ตรงจุดนี้จะให้ลงเล่นน้ำได้ถึงรอบละ 30 คน เนื่องจากแอ่งน้ำกว้างที่สุด
สำหรับคนที่เล่นน้ำจนฉ่ำใจแล้ว หากแรงเหลือก็อยากชวนให้เดินต่อไปชมน้ำตกให้ครบทั้ง 7 ชั้น โดยชั้นต่อไปคือชั้นที่ 4 มีชื่อว่า “อกนางผีเสื้อ” เพราะมีก้อนหินใหญ่กลมมนสองก้อนดูคล้ายหน้าอกผู้หญิง สายน้ำจะไหลลงผ่านหินทั้งสองก้อนมองแล้วเพลินตา
น้ำตกในชั้นที่ 1-4 นั้นอยู่ไม่ไกลกันมาก ระยะทางจากชั้นที่ 1 มาถึงชั้นที่ 4 คือ 520 เมตรเท่านั้น เดินเดี๋ยวเดียวก็ถึง และมีเส้นทางเดินบันไดสะดวกสบาย เด็กๆ และผู้สูงอายุจึงมักนิยมเล่นกันอยู่ในน้ำตกชั้นที่ 1-4 นี้
แต่จากน้ำตกชั้นที่ 4 ไปถึงชั้นที่ 5 นั้นค่อนข้างจะไกลหน่อยคือ 600 เมตร หากไปถึงชั้นที่ 7 ก็คือ 1,030 เมตร และเป็นเส้นทางเดินธรรมชาติที่ชันในบางช่วง (ในช่วงนี้กำลังมีการปรับปรุงเส้นทางเดินอยู่ด้วย) การเดินเท้าจากชั้นที่ 4-7 รวมเวลาแวะเที่ยวด้วยจึงใช้เวลาเป็นชั่วโมง แต่ความสวยงามนั้นนับว่าคุ้มค่า แม้ว่าจะลงเล่นน้ำไม่ได้แต่ก็สามารถลงไปเดินเล่นหรือนั่งแช่เท้าให้สบายใจกันได้ จึงอยากแนะนำให้ลองไปชมกัน
น้ำตกชั้นที่ 5 มีชื่อว่า “เบื่อไม่ลง” บริเวณนี้มีความสวยงามมาก เป็นชั้นน้ำตกเตี้ยๆ ไหลลดหลั่นกันลงมาผ่านแอ่งน้ำเป็นชั้นๆ ก่อนจะไหลลงสู่แอ่งกว้างเบื้องล่าง ตรงนี้มีมุมให้ถ่ายรูปเพียบเลย เลือกกันได้ตามอัธยาศัย
ส่วนชั้นที่ 6 มีชื่อว่า “ดงพฤกษา” ตรงนี้เป็นผาหินใหญ่ล้อมรอบด้วยต้นไม้นานาพรรณ สายน้ำตกสีขาวเป็นฟองนุ่มๆ ไหลลงจากก้อนหินใหญ่สู่แอ่งน้ำด้านล่าง
เดินต่อกันมาจนถึงชั้นที่ 7 อันเป็นชั้นสุดท้าย “ภูผาเอราวัณ” ถือเป็นชั้นไฮไลต์ของน้ำตกเอราวัณเลยทีเดียว ตรงจุดนี้สายน้ำตกไหลลงมาจากหน้าผาสูงที่ต้องแหงนมองคอตั้งบ่า เมื่อน้ำตกไหลลงมายังก้อนหิน (โดยเฉพาะเวลาที่น้ำมาก) จะมีลักษณะคล้ายช้างสามเศียรหรือช้างเอราวัณ จนเป็นที่มาของชื่อน้ำตกและชื่ออุทยานแห่งชาติเอราวัณนั่นเอง
รวมระยะทางตั้งแต่น้ำตกชั้นที่ 1 มายังชั้นที่ 7 เป็นระยะทาง 1,550 เมตร เรียกว่าเหนื่อยกำลังดี ขากลับลงมาถึงชั้น 2 ก็เหงื่อท่วมพอดี ได้ลงเล่นน้ำเย็นฉ่ำให้ชื่นใจอีกสักที ก็สดชื่นหายเหนื่อยไปได้
อีกอย่างหนึ่งที่อยากแนะนำ สำหรับคนที่ชอบกางเต็นท์แคมปิ้ง ขอให้ลองมานอนพักกางเต็นท์ที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณดูสักคืน เพื่อสัมผัสบรรยากาศให้เต็มที่
ลานกางเต็นท์ของอุทยานฯ อยู่บริเวณริมแม่น้ำแควใหญ่ ได้บรรยากาศของสายน้ำและความร่มรื่นของต้นไม้ โดยจุดกางเต็นท์มีให้เลือกหลายมุมด้วยกัน ทั้งบริเวณริมน้ำ บนเนินเขาเหนือน้ำ หรือลานกลางเต็นท์รอบสนาม รองรับนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก มีพร้อมทั้งห้องน้ำห้องอาบน้ำไว้บริการ ตอนกลางคืนอาจจะได้ยินเสียงรถยนต์วิ่งอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำบ้าง เพราะเป็นที่ตั้งของถนนสายหลักที่วิ่งไปยังอำเภอศรีสวัสดิ์ยาวขนานอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ
ช่วงนี้อากาศเย็นแล้ว ยามค่ำคืนที่ลานกางเต็นท์ริมแม่น้ำแควใหญ่อากาศหนาวทีเดียว ส่วนยามเช้าก็จะได้ชมสายหมอกลอยเหนือผิวน้ำ เมื่อแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดแสงสีทองมาก็ยิ่งงดงาม เป็นภาพที่น่าประทับใจมากทีเดียว
“อุทยานแห่งชาติเอราวัณ” ตั้งอยู่ที่ ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ไม่ไกลจากเขื่อนศรีนครินทร์ เปิดทุกวัน เวลา 08.00-16.00 น. ค่าธรรมเนียมเข้าชมคนไทย ผู้ใหญ่100 บาท และเด็ก 50 บาท (ค่ารถยนต์ 30 บาท) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ โทร. 0-3457-4222 และ 0-3457-4288
................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR