หลังจากเพจ "หม่อมถนัดแดก" ลงคลิปอาหารเมนู "ไก่หลุม" เมนูโบราณที่เข้าข่ายการทรมาณสัตว์ ก็โดนชาวเน็ตรุมถล่มยับจนต้องทำการลบคลิปดังกล่าวออก
นอกจากนี้ยังมีข้อความชี้แจงในภายหลังว่า "ไก่ที่กินในคลิปไก่กะทิ กับไก่ที่ฝัง คนละตัวกันนะครับ ไก่ที่ฝัง ทีมงานเอามาฝังแค่ห้านาทีก่อนถ่ายคลิป และมันยังปลอดภัยดี ถึงผมจะปากหมา แต่ผมไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น ใจไม่ถึงพอครับ แค่ถ่ายรายการนำเสนอวิถีชาวบ้านสมัยก่อน ว่าเขากินกันยังไง พอลูกเพจทักท้วงมา ผมก็ลบคลิปทันที ผมขออภัยที่ทำให้หลายๆท่านไม่สบายใจ ตอนนี้กำลังให้เจ้าของฟาร์มเค้าไปเดินตามหาไก่ตัวนั้นอยู่แล้วจะนำภาพและคลิปมาให้ดูภายหลังครับ ยังไงผมขออภัยอีกครั้งนะครับ"
สำหรับเมนู "ไก่หลุม" นั้น เป็นที่รู้จักกันในวงกว้างมากขึ้นจากเหตุการณ์ดราม่าครั้งนี้ แต่หากใครเพิ่งเคยได้ยินชื่อเมนูนี้ ขออธิบายคร่าวๆ ดังนี้
"ไก่กะทิ" หรือ "ไก่หลุม" นับว่าเป็นเมนูโบราณที่มีคนบางกลุ่มทำขึ้นมา โดยจะใช้ไก่เป็นๆ ตัวอวบอ้วน ฝังลงไปในหลุมทรายทั้งตัวไม่ให้ขยับไปไหนได้ เหลือแค่ส่วนคอที่โผล่พ้นขึ้นมา ไก่จะอ้าปากระบายความร้อน จากนั้นก็กรอกน้ำกะทิสดให้ไก่กินไปเรื่อยๆ ประมาณ 2-3 สัปดาห์ ขนไก่จะร่วง เนื้อนุ่มเด้ง พอได้ที่แล้วก็ขุดไก่ขึ้นมาจากทรายแล้วนำไปปรุงอาหารต่อได้ เนื้อไก่จะนุ่ม เด้ง หอมหวานมันกะทิ จากนั้นนำมาปรุงอาหาร หรือย่างให้สุกแล้วลิ้มรสเนื้อไก่ที่ขุนมานาน
นอกจากเมนูนี้จะเป็นการทรมานสัตว์ไม่น้อยแล้ว ทางเพจ "Drama-addict" ยังออกมาโพสข้อความเตือนว่า ไก่ที่นำไปฝังดินนั้นมีเชื้อโรคเยอะ เมื่อไม่มีขนที่ป้องกันผิวไก่จากเชื้อโรคภายนอก เนื้อไก่ก็จะได้รับเชื้อโรคแบบเต็มๆ ของเสียจากไก่อาจทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อ การนำไก่ฝังในหลุมทำให้ไก่ไม่สามารถมารถออกกำลังกายได้ และทำให้สุขภาพแย่ลง นอกจากนี้ กะทิที่กรอกลงไปจะถูกดูดซึมผ่านลำไส้และกลายเป็นสารอาหารที่ไก่ใช้ (ไม่ได้แทรกซึมเข้าเนื้อไก่อย่างที่เข้าใจ) เมื่อไม่ได้ออกแรง สารอาหารดังกล่าวก็จะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในร่างกาย ซึ่งก็คือการทำให้ไก่ตัวอวบอ้วนและป่วย
จะว่าไปแล้ว การกินเนื้อไก่ หรือนำไก่ไปทำเป็นเมนูต่างๆ มีหลากหลายวิธีมากๆ อย่างการหมักไก่ หรือเทคนิคในการปรุง ซึ่งเป็นการกินไก่แบบปกติธรรมดา ไม่ต้องใช้ความพิสดารอะไรเลย และไม่ต้องทำให้สัตว์ทุกข์ทรมานก่อนตาย
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่Youtube :Travel MGR