ตื่นตาหลังคาโลก “ทิเบต” วันเปิดรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง

ชมความงามดินแดนหลังคาโลก “ทิเบต” หลังเริ่มทยอยเปิดแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชม ขณะที่สถานที่สำคัญอย่าง พระราชวังโปตาลา และ วัดโจคัง ยังคงปิดให้บริการ เนื่องจากเสี่ยงต่อการมีคนเข้าไปเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก

สำนักข่าว “ซินหัว” สื่อทางการของประเทศจีนเปิดเผยว่า หน่วยงานการท่องเที่ยวประจำเขตปกครองตนเองทิเบตรายงานว่า ทิเบตได้เริ่มทยอยเปิดสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในหลายพื้นที่อีกครั้ง ตั้งแต่ช่วงหยุดยาววันแรงงานที่ผ่านมา


สำหรับแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติในทิเบตที่เปิดรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ก็อย่างเช่น “ทะเลสาบน่ามู่ชั่ว” หรือ “ทะเลสาบนัมโซ” (Lake Namtso) ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครลาซา ซึ่งได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 800 คน ในแรงงาน (1 พ.ค.) ซึ่งเป็นวันแรกของช่วงหยุดยาว โดยนักท่องเที่ยวกว่าร้อยละ 70 ขับรถมาเยือนด้วยตนเอง

หน่วยงานการท่องเที่ยวฯ ทิเบต ยังระบุว่า ลาซาได้จัดทำเส้นทางท่องเที่ยวระยะสั้นตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. เป็นต้นมา ซึ่งประกอบด้วยการเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวในชนบท ภูเขาและทะเลสาบ การเก็บผลสตรอวเบอร์รี่ ตลอดจนการชมนิทรรศการมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้


อย่างไรก็ดี สถานที่ท่องเที่ยวและศาสนสถานอื่น ๆ ที่มีแนวโน้มว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเยือนจำนวนมาก อาทิ พระราชวังโปตาลา (Potala Palace) และวัดโจคัง (Jokhang Temple) ยังคงปิดให้บริการต่อไป

สำหรับ “เขตปกครองตนเองทิเบต” อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ตั้งอยู่บนที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต แห่งเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งใน “หลังคาโลก” โดยทิเบตมีความสูงเฉลี่ยของพื้นที่อยู่ที่ 4,572 เมตร

เขตปกครองตนเองทิเบต แบ่งเป็น 7 จังหวัด มีเมือง “ลาซา” หรือ “นครลาซา” เป็นเมืองเอก หรือ เมืองหลวง โดยคำว่า “ลาซา” ในภาษาทิเบตหมายความว่า “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์” หรือ “พุทธสถาน”


เมืองลาซามีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานกว่า 1,300 ปี ตั้งอยู่บนความสูงกว่า 3,650 เมตร จากระดับน้ำทะเล เมืองนี้เป็นหนึ่งในแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมสำคัญที่มีการผสมผสานทั้ง ทิเบต ฮั่น มองโกล อินเดีย และเนปาล อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางทางการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ คมนาคม พุทธศาสนา และการท่องเที่ยวที่สำคัญของทิเบต

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ในทิเบตนั้นก็นำโดย “พระราชวังโปตาลา” หรือ “วัดโปตาลา” มรดกโลกสัญลักษณ์สำคัญของทิเบตที่มีชื่อเสียงก้องโลก

พระราชวังโปตาลา ตั้งอยู่บนยอดเขาแดง (มาร์โปรี) สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 ในสมัยกษัตริย์ ซงจ้าน กัมโป ปฐมกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของทิเบต ที่สามารถรวบรวมชาวทิเบตให้เป็นหนึ่งเดียว


พระราชวังโปตาลามีเนื้อที่กว่า 130,000 ตารางเมตร มีห้องมากกว่า 1,000 ห้อง ถือเป็นต้นแบบสถาปัตยกรรมโบราณและที่เก็บรวบรวมวัตถุทางวัฒนธรรมกว่า 100,000 ชิ้น ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์และสถานสักการะ ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1994 พระราชวังแห่งนี้ประกอบด้วย 2 วังสำคัญ คือ วังแดง และ วังขาว


อย่างไรก็ดีด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ พระราชวังโปตาลาจำเป็นต้องปิดรับนักท่องเที่ยวเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค. 63 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

ส่วน “วัดโจคัง” (Jokhang Temple) เป็นวัดโบราณที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวทิเบต สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 ปัจจุบันได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1994 พร้อมกับพระราชวังโปตาลา

วัดโจคังมีเอกลักษณ์โดดเด่นไปด้วยงานสถาปัตยกรรมที่ผสมผสาน ศิลปะอินเดีย ศิลปะจีนในสมัยราชวงศ์ถัง และศิลปะเนปาล เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ภายในวัดมีพระพุทธรูปเก่าแก่อายุหลายร้อยปี


นอกจากนี้ที่วัดโจคังยังเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความศรัทธาของชาวทิเบตซึ่งแต่ละวันจะเดินทางมาสวดมนต์สักการะพระพุทธรูป โดยเฉพาะการกราบพระแบบ “อัษฎางคประดิษฐ์” นั้นถือเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของชาวทิเบตที่สร้างความน่าประทับใจให้กับชาวต่างชาติผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี

วันนี้วัดโจคังถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของทิเบตที่ยังคงปิดรับนักท่องเที่ยวชั่วคราวอันเนื่องมาจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19


นอกจาก 2 มรดกโลกสำคัญแล้ว ทิเบตยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันสวยงามชวนทึ่งอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ที่ราบสูงชิงไห่ ทะเลสาบตังฉยงชั่ว ทะเลสาบนัมโซ ทะเลสาบเส้อหลิน แม่น้ำฉาอวี๋

และ แม่น้ำยาร์ลุงซางโปที่มี “นกกระเรียนคอดำ” หนึ่งในสัตว์คุ้มครองสำคัญของจีนออกหากิน เป็นต้น ซึ่งวันนี้สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติส่วนใหญ่ในทิเบตได้เปิดรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งหนึ่ง