สภาพธรรมชาติบนภูกระดึงเริ่มฟื้นคืน หลังเหตุการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่เดือน ก.พ. หลังได้รับน้ำฝนแรก ส่งผลให้ทุ่งหญ้าเริ่มเขียวขจี สัตว์ป่าออกหากิน
หลังจากเกิดไฟป่าครั้งใหญ่บนภูกระดึงเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา โดยต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณหลังแป ก่อนจะลามมาทางลานพระแก้วและผานกแอ่นซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น และอยู่ใกล้กับศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง จุดกางเต็นท์และร้านค้าร้านอาหาร กินระยะทางกว่า 4 กิโลเมตร โดยเหตุการณ์ไฟป่าครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุดของภูกระดึงในรอบ 17 ปี ทำให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก กินพื้นที่กว่า 3.4 พันไร่ แบ่งเป็นจุดที่เสียหายมาก 2-3 โซน โดยจุดที่เสียหายมากที่สุดอยู่บริเวณป่าสนสามใบแถวผานาน้อยประมาณ 1,400 ไร่และบริเวณหลังแป-หมากดูก
ผ่านมากว่า 3 เดือนแล้ว ในวันนี้เมื่อไฟป่าดับลง พร้อมกับการพร้อมกับการประกาศปิดอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ ตามมารการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 63 ซึ่งเร็วกว่าปกติกว่า 2 เดือน ทำให้ไม่มีการรบกวนจากมนุษย์ ธรรมชาติได้ใช้เวลาฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่ อีกทั้งเมื่อเร็วๆ นี้มีฝนตกติดต่อกันบริเวณผืนป่าภูกระดึง ทำให้ทุ่งหญ้าและป่าสนที่ถูกไฟเผามอดเริ่มแตกใบเขียวขจี มีความสดชื่นกลับมาอีกครั้ง พร้อมทั้งสัตว์ป่าอย่างกวางก็ออกมาเล็มหญ้า ช้างก็ออกมาหาแหล่งน้ำ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าระบบนิเวศต่างๆ เริ่มกลับมาฟื้นตัว
ในเพจ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง - Phu Kradueng National Park และเพจ ส่วนควบคุมไฟป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้โพสต์ภาพของสภาพทุ่งหญ้าที่่ค่อยๆ ฟื้นคืนหลังจากได้รับน้ำฝน รวมไปถึงภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ระหว่างปิดการท่องเที่ยวบนภูกระดึง โดยเจ้าหน้าที่ได้พัฒนาปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งบริเวณเชิงเขา ยอดเขา และหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวในฤดูกาลท่องเที่ยวต่อไป อาทิ เตรียมปรับปรุงร่องระบายน้ำ บริเวณลานกางเต็นท์ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง (ยอดเขา) เพื่อรอรับหน้าฝนที่จะมาถึง ปรับปรุงห้องน้ำใหม่ เป็นต้น
สำหรับ "อุทยานแห่งชาติภูกระดึง" ตั้งอยู่ใน อ.ภูกระดึง จ.เลย ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตตลอดกาลของเมืองไทย ยอดภูกระดึงตั้งอยู่บนความสูง 1,288 เมตรจากระดับน้ำทะเล นักท่องเที่ยวต้องเดินเท้าขึ้นไปบนยอดเขาสูงในระยะทางประมาณ 7 กม. ผ่านซำต่าง ๆ อาทิ ซำแฮ่ก ซำแคร่ ไปจนถึง “หลังแป” หรือยอดภูกระดึง
เมื่อขึ้นไปถึงยอดภูแล้ว ก็พลาดไม่ได้ที่จะไปชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าตรู่ ที่ “ผานกแอ่น” ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับลานกางเต็นท์ และชมพระอาทิตย์ตกดินในยามพลบค่ำ ส่วนจุดไฮไลท์ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของภูกระดึงก็คือ “ผาหล่มสัก” ซึ่งถือได้ว่าเป็นผาที่มีคนไปรอชมมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ด้วยองค์ประกอบของความงามยามอาทิตย์อัสดงที่ลงตัว ทั้งต้นสนเดียวดายที่มีกิ่งยื่นออกไปรับกับชะง่อนหินที่ยื่นไปยังหน้าผา นอกจากนี้บนยอดภูกระดึงยังมีเส้นทางสายน้ำตกอันชุ่มฉ่ำ ที่มีน้ำตกน่าสนใจ อาทิ อาทิ น้ำตกโผนพบ น้ำตกวังกวาง น้ำตกเพ็ญพบใหม่ น้ำตกถ้ำใหญ่ น้ำตกถ้ำสอเหนือ ฯลฯ เป็นต้น
...........................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR