Youtube :Travel MGR
“กระบี่” หนึ่งในจังหวัดอันยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่มีหลากหลาย รวมถึงมีท้องทะเลอันงดงาม ทำให้กระบี่เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงระดับโลก ขณะเดียวกันกระบี่ก็มีอีกหนึ่งมิติทางด้านการท่องเที่ยว นั่นคือการท่องเที่ยวชุมชน มาที่ "ชุมชนท่องเที่ยวแหลมสัก" สัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนที่อาศัยอยู่คู่กับทะเลได้อย่างกลมกลืน
"ชุมชนแหลมสัก" ตั้งอยู่ที่ตำบลแหลมสัก อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ เป็นชุมชนเล็กๆ ที่อยู่ร่วมกันระหว่างคน 3 เชื้อชาติ ทั้งไทยพุทธ มุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน ทำให้ชุมชนแห่งนี้มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม นอกจากนี้ที่แหลมสักยังมีธรรมชาติที่สวยงามของทะเลที่โอบล้อมด้วยภูเขา ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวกันได้ตลอดทั้งปี
ก่อนที่เราจะลงเรือไปชมความงดงามของวิวทะเล หากใครที่มาเยือนชุมชนแห่งนี้แล้วจะต้องไม่พลาดปลูกกล้วยไม้ ณ อุทยานแห่งชาติโบกขรณี ซึ่งถือเป็นการอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้ป่าให้ยังคงอยู่ในพื้นที่ โดยทางชุมชนได้จัดกิจกรรมเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พันธุ์ไม้ โดยกล้วยไม้ที่ทางชุมชนเตรียมไว้ก็คือสายพันธุ์รองเท้านารีเหลืองกระบี่ ซึ่งถือเป็นดอกไม้ที่มีชื่อเสียงและเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดกระบี่อีกด้วย ใครที่มาถึงที่นี่ก็อย่าลืมแวะไปปลูกกล้วยไม้คืนสู่ป่ากัน หรือถ้าต้องการซื้อพันธุ์กล้วยไม้กลับไปปลูกที่บ้าน ทางชุมชนก็มีจำหน่ายให้เลือกสรร
เมื่อร่วมปลูกกล้วยไม้คืนสู่ป่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นมุ่งหน้าสู่ท่าเรือแหลมสัก ซึ่งเป็นท่าเรือที่ชาวบ้านใช้ในการขึ้นเรือ และใช้ในเรื่องของการประมง ที่สำคัญยังเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมาขึ้นเรือเพื่อที่จะไปท่องเที่ยวทำกิจกรรมต่างๆ ในชุมชน
เรือท่องเที่ยวของชุมชนจะเป็นเรือหัวโทงมีหลังคา รองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 6-8 คนต่อลำ มีเสื้อชูชีพไว้บริการเพื่อความปลอดภัยทางทะเล จุดหมายแรกที่จะนั่งเรือไปชมกันก็คือ "ถ้ำชาวเล" ใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือแหลมสักราว 5 -10 นาที ก็มาถึง ถ้ำแห่งนี้มีลักษณะเป็นเพิงหิน เป็นจุดพักเรือและหลบลมทะเลของชาวเลในอดีต
นอกจากนี้บริเวณถ้ำชาวเลมีร่อยรอยทางประวัติศาสตร์อยู่ให้เห็น อย่างเช่น ภาพเขียนสีที่อยู่บนผนังถ้ำ ซึ่งคาดว่าเป็นฝีมือการเขียนของมนุษย์ถ้ำ มีอายุเก่าแก่ประมาณ 3,000 ปี ให้ได้ชมและศึกษาเรียนรู้
จากนั้นนั่งเรือมากันต่อที่อ่าวเหนา เป็นอ่าวที่เงียบสงบและเต็มไปด้วยกระชังของชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกระชังสาหร่ายพวงองุ่น เป็นอีกหนึ่งแหล่งปลูกขนาดใหญ่ที่ส่งขายไปยังจังหวัดต่างๆ ให้ได้ลิ้มรสกัน เราสามารถแวะขึ้นไปเยี่ยมชม และสอบถามการเพาะเลี้ยงกับชาวบ้านได้อย่างใกล้ชิด จะเห็นกรรมวิธีการเลี้ยงสาหร่าย แถมยังได้ชิมสาหร่ายพวงองุ่นที่ถือเป็นเมนูเด็ดของแหลมสักด้วย หากใครสนใจเรื่องการเพาะเลี้ยงสาหร่ายสามารถมาศึกษาวิธีการเลี้ยงได้ที่กระชังสาหร่ายของชุมชน หรือจะเลือกซื้อกลับไปชิมกันต่อที่บ้านได้ด้วย ถ้าใครซื้อกลับก็สามารถเก็บไว้ได้ 3-5 วัน
อีกหนึ่งจุดไฮไลต์ก็คือ "เขาผาค้อม" เป็นเขาหินที่อยู่กลางทะเล เหนือระดับน้ำทะเลสูงสุดไม่มากนัก มีลักษณะเป็นเพิงผาสามารถเดินติดต่อถึงกันได้ จึงเป็นอีกหนึ่งจุดแวะให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชม เมื่อเรือเทียบกับบันไดก็สามารถปีนขึ้นไปชมด้านบน เป็นโพรงถ้ำในภูเขาริมทะเล เนื่องจากเพดานที่ค่อนข้างต่ำ เวลาเดินต้องค้อมตัวต่ำลง หรือก้มตัวเดิน จึงเป็นที่มาของชื่อ "ผาค้อม" นั่นเอง
เมื่อได้เข้าไปอยู่ใต้เพิงผาและมองออกสู่ท้องทะเล ทะลุช่องม่านหินย้อยห้อยระย้า ก็เสมือนเป็นช่องหน้าต่างที่สวยงามยิ่งนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใครที่มาในช่วงเช้าตรู่ ก็จะได้ชมพระอาทิตย์ขึ้น มองเห็นแสงอาทิตย์ลองผ่านช่องเข้ามาก็จะได้วิวที่งดงามยิ่งนัก หลายคนก็ใช้มุมนี้เป็นเฟรมสำหรับถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันด้วย นับเป็นที่เที่ยวที่น้อยคนนักจะมีโอกาสได้มาสัมผัส จากนั้นได้เวลากลับขึ้นฝั่ง ระหว่างทางที่นั่งเรือกลับก็ได้ชมวิวทิวทัศน์แห่งท้องทะเลอย่างเพลิดเพลิน
เมื่อมากลับมาถึงท่าเรือแล้ว เดินทางไปยัง “วัดมหาธาตุแหลมสัก” ศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธ และเป็นสถานที่เคารพบูชาของชาวบ้านชุมชนแหลมสัก หากใครเดินขึ้นไปยังด้านบนของเจดีย์จะมีจุดชมวิวที่สวยแห่งหนึ่งของแหลมสัก โดยเฉพาะในช่วงยามเย็น สามารถชมบรรยากาศท้องทะเลรอบด้าน ชมวิวไปพร้อมกับมีลมพัดเย็นกระทบกายมันช่างเพลินใจเหลือเกิน
ที่ชุมชนท่องเที่ยวแหลมสักยังมี “ศาลเจ้าแหลมสัก” หรือ “ศาลเจ้าซกโป้ซี่เอี๋ย” เป็นศาลเจ้าเก่าแก่คู่ชุมชนแห่งนี้มามากว่า 100 ปีแล้ว โดยศาลเจ้าจะหันหน้าออกสู่ทะเล มีพระโพธิสัตว์ซกโป้ซี่เอี๋ย รูปเคารพไม้แกะสลัก ที่เชื่อกันว่า มีความศักดิ์สิทธิ์ในด้านคุ้มครองผู้ที่นับถือให้มีความสุขความเจริญ เป็นหนึ่งในหลักฐานที่ยืนยันในการตั้งถิ่นฐานของชาวจีนที่อพยพมาในอดีต และมี “มัสยิดสอลาฮุดดีน” สถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาของชาวไทยมุสลิมที่ชุมชนแหลมสักด้วย
จากการอยู่ร่วมกันของ 3 เชื้อชาติ ทั้งไทยพุทธ ไทยมุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน ทำให้ชุมชนแหลมสักมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย จึงอยากชักชวนให้ทุกคนได้ลองไปสัมผัสกันสักครั้ง รับรองว่าจะได้รับการต้อนรับและประทับใจอย่างมิลืมเลือน
สำหรับใครที่สนใจข้อมูลชุมชนท่องเที่ยวแหลมสักเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกระบี่ โทร.0-7562-2163-4 หรือที่ชุมชนท่องเที่ยวแหลมสัก โทร.08-9997-8915 หรือเพจเฟซบุ๊ก ชุมชนท่องเที่ยวแหลมสัก
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR
“กระบี่” หนึ่งในจังหวัดอันยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่มีหลากหลาย รวมถึงมีท้องทะเลอันงดงาม ทำให้กระบี่เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงระดับโลก ขณะเดียวกันกระบี่ก็มีอีกหนึ่งมิติทางด้านการท่องเที่ยว นั่นคือการท่องเที่ยวชุมชน มาที่ "ชุมชนท่องเที่ยวแหลมสัก" สัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนที่อาศัยอยู่คู่กับทะเลได้อย่างกลมกลืน
"ชุมชนแหลมสัก" ตั้งอยู่ที่ตำบลแหลมสัก อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ เป็นชุมชนเล็กๆ ที่อยู่ร่วมกันระหว่างคน 3 เชื้อชาติ ทั้งไทยพุทธ มุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน ทำให้ชุมชนแห่งนี้มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม นอกจากนี้ที่แหลมสักยังมีธรรมชาติที่สวยงามของทะเลที่โอบล้อมด้วยภูเขา ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวกันได้ตลอดทั้งปี
ก่อนที่เราจะลงเรือไปชมความงดงามของวิวทะเล หากใครที่มาเยือนชุมชนแห่งนี้แล้วจะต้องไม่พลาดปลูกกล้วยไม้ ณ อุทยานแห่งชาติโบกขรณี ซึ่งถือเป็นการอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้ป่าให้ยังคงอยู่ในพื้นที่ โดยทางชุมชนได้จัดกิจกรรมเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พันธุ์ไม้ โดยกล้วยไม้ที่ทางชุมชนเตรียมไว้ก็คือสายพันธุ์รองเท้านารีเหลืองกระบี่ ซึ่งถือเป็นดอกไม้ที่มีชื่อเสียงและเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดกระบี่อีกด้วย ใครที่มาถึงที่นี่ก็อย่าลืมแวะไปปลูกกล้วยไม้คืนสู่ป่ากัน หรือถ้าต้องการซื้อพันธุ์กล้วยไม้กลับไปปลูกที่บ้าน ทางชุมชนก็มีจำหน่ายให้เลือกสรร
เมื่อร่วมปลูกกล้วยไม้คืนสู่ป่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นมุ่งหน้าสู่ท่าเรือแหลมสัก ซึ่งเป็นท่าเรือที่ชาวบ้านใช้ในการขึ้นเรือ และใช้ในเรื่องของการประมง ที่สำคัญยังเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมาขึ้นเรือเพื่อที่จะไปท่องเที่ยวทำกิจกรรมต่างๆ ในชุมชน
เรือท่องเที่ยวของชุมชนจะเป็นเรือหัวโทงมีหลังคา รองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 6-8 คนต่อลำ มีเสื้อชูชีพไว้บริการเพื่อความปลอดภัยทางทะเล จุดหมายแรกที่จะนั่งเรือไปชมกันก็คือ "ถ้ำชาวเล" ใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือแหลมสักราว 5 -10 นาที ก็มาถึง ถ้ำแห่งนี้มีลักษณะเป็นเพิงหิน เป็นจุดพักเรือและหลบลมทะเลของชาวเลในอดีต
นอกจากนี้บริเวณถ้ำชาวเลมีร่อยรอยทางประวัติศาสตร์อยู่ให้เห็น อย่างเช่น ภาพเขียนสีที่อยู่บนผนังถ้ำ ซึ่งคาดว่าเป็นฝีมือการเขียนของมนุษย์ถ้ำ มีอายุเก่าแก่ประมาณ 3,000 ปี ให้ได้ชมและศึกษาเรียนรู้
จากนั้นนั่งเรือมากันต่อที่อ่าวเหนา เป็นอ่าวที่เงียบสงบและเต็มไปด้วยกระชังของชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกระชังสาหร่ายพวงองุ่น เป็นอีกหนึ่งแหล่งปลูกขนาดใหญ่ที่ส่งขายไปยังจังหวัดต่างๆ ให้ได้ลิ้มรสกัน เราสามารถแวะขึ้นไปเยี่ยมชม และสอบถามการเพาะเลี้ยงกับชาวบ้านได้อย่างใกล้ชิด จะเห็นกรรมวิธีการเลี้ยงสาหร่าย แถมยังได้ชิมสาหร่ายพวงองุ่นที่ถือเป็นเมนูเด็ดของแหลมสักด้วย หากใครสนใจเรื่องการเพาะเลี้ยงสาหร่ายสามารถมาศึกษาวิธีการเลี้ยงได้ที่กระชังสาหร่ายของชุมชน หรือจะเลือกซื้อกลับไปชิมกันต่อที่บ้านได้ด้วย ถ้าใครซื้อกลับก็สามารถเก็บไว้ได้ 3-5 วัน
อีกหนึ่งจุดไฮไลต์ก็คือ "เขาผาค้อม" เป็นเขาหินที่อยู่กลางทะเล เหนือระดับน้ำทะเลสูงสุดไม่มากนัก มีลักษณะเป็นเพิงผาสามารถเดินติดต่อถึงกันได้ จึงเป็นอีกหนึ่งจุดแวะให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชม เมื่อเรือเทียบกับบันไดก็สามารถปีนขึ้นไปชมด้านบน เป็นโพรงถ้ำในภูเขาริมทะเล เนื่องจากเพดานที่ค่อนข้างต่ำ เวลาเดินต้องค้อมตัวต่ำลง หรือก้มตัวเดิน จึงเป็นที่มาของชื่อ "ผาค้อม" นั่นเอง
เมื่อได้เข้าไปอยู่ใต้เพิงผาและมองออกสู่ท้องทะเล ทะลุช่องม่านหินย้อยห้อยระย้า ก็เสมือนเป็นช่องหน้าต่างที่สวยงามยิ่งนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใครที่มาในช่วงเช้าตรู่ ก็จะได้ชมพระอาทิตย์ขึ้น มองเห็นแสงอาทิตย์ลองผ่านช่องเข้ามาก็จะได้วิวที่งดงามยิ่งนัก หลายคนก็ใช้มุมนี้เป็นเฟรมสำหรับถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันด้วย นับเป็นที่เที่ยวที่น้อยคนนักจะมีโอกาสได้มาสัมผัส จากนั้นได้เวลากลับขึ้นฝั่ง ระหว่างทางที่นั่งเรือกลับก็ได้ชมวิวทิวทัศน์แห่งท้องทะเลอย่างเพลิดเพลิน
เมื่อมากลับมาถึงท่าเรือแล้ว เดินทางไปยัง “วัดมหาธาตุแหลมสัก” ศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธ และเป็นสถานที่เคารพบูชาของชาวบ้านชุมชนแหลมสัก หากใครเดินขึ้นไปยังด้านบนของเจดีย์จะมีจุดชมวิวที่สวยแห่งหนึ่งของแหลมสัก โดยเฉพาะในช่วงยามเย็น สามารถชมบรรยากาศท้องทะเลรอบด้าน ชมวิวไปพร้อมกับมีลมพัดเย็นกระทบกายมันช่างเพลินใจเหลือเกิน
ที่ชุมชนท่องเที่ยวแหลมสักยังมี “ศาลเจ้าแหลมสัก” หรือ “ศาลเจ้าซกโป้ซี่เอี๋ย” เป็นศาลเจ้าเก่าแก่คู่ชุมชนแห่งนี้มามากว่า 100 ปีแล้ว โดยศาลเจ้าจะหันหน้าออกสู่ทะเล มีพระโพธิสัตว์ซกโป้ซี่เอี๋ย รูปเคารพไม้แกะสลัก ที่เชื่อกันว่า มีความศักดิ์สิทธิ์ในด้านคุ้มครองผู้ที่นับถือให้มีความสุขความเจริญ เป็นหนึ่งในหลักฐานที่ยืนยันในการตั้งถิ่นฐานของชาวจีนที่อพยพมาในอดีต และมี “มัสยิดสอลาฮุดดีน” สถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาของชาวไทยมุสลิมที่ชุมชนแหลมสักด้วย
จากการอยู่ร่วมกันของ 3 เชื้อชาติ ทั้งไทยพุทธ ไทยมุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน ทำให้ชุมชนแหลมสักมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย จึงอยากชักชวนให้ทุกคนได้ลองไปสัมผัสกันสักครั้ง รับรองว่าจะได้รับการต้อนรับและประทับใจอย่างมิลืมเลือน
สำหรับใครที่สนใจข้อมูลชุมชนท่องเที่ยวแหลมสักเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกระบี่ โทร.0-7562-2163-4 หรือที่ชุมชนท่องเที่ยวแหลมสัก โทร.08-9997-8915 หรือเพจเฟซบุ๊ก ชุมชนท่องเที่ยวแหลมสัก
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR