Youtube :Travel MGR
จากกรณีไฟไหม้ป่าที่ภูกระดึงเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมเพลิงได้อยู่ในวงจำกัดแล้ว คาดเสียหายหนักกว่า 3,400 ไร่ พร้อมเปิดบริการท่องเที่ยวตามปกติ
เมื่อเวลา 06.00 น. เพจเฟซบุ๊ก “ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช” โพสต์ข้อความกรณีไฟป่าบนอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย ว่า
นายอดิสร เหมทานนท์ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการดับไฟป่า เปิดเผยว่า วานนี้(16ก.พ.63) เวลา 08.30 น. มีไฟป่าเกิดขึ้นบริเวณซำขอนแดง เจ้าหน้าที่กอ.ไฟป่าภูกระดึงร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จำนวน 10 นาย ออกปฏิบัติงานควบคุมไฟป่าในพื้นที่โดยจุดเกิดไฟป่าห่างจากขอบหน้าผาประมาณ 2 กม. แต่ด้วยสภาพความแห้งแล้งประกอบกับสภาพกระแสลมพัดแรงทำให้เกิดลูกไฟพัดลอยข้ามแนวกันไฟมาตกในพื้นที่บริเวณหลังแปห่างจากขอบหน้าผาประมาณ 400 เมตร บริเวณผาเมษา
เวลา 11.00 น.ไฟป่าบริเวณผาเมษา พิกัดได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการได้ร่วมกับหัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง สั่งการให้กำลังเจ้าหน้าที่ กอ.ไฟป่าภูกระดึง จำนวน 32 นายและเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จำนวน 60 นาย และผู้ประกอบการ และจิตอาสา รวมทั้งสิ้น จำนวน 130 นาย
เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมพร้อมด้วยรถแทรกเตอร์ จำนวน 3 คัน รถน้ำ จำนวน 4 คัน โดยการทำแนวกันไฟและชิงเผากลับตามเส้นทางหลังแป - วังกวาง และเส้นทางหลังแป - หมากดูก – สระใหญ่เบื้องต้นสามารถควบคุมไฟให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว ประเมินพื้นที่เสียหายประมาณ 2,000 ไร่ พื้นที่เสียหายแบ่งตามแบ่งตามชนิดป่า ป่าสน - ป่าก่อ - และทุ่งหญ้า
ต่อมาเวลา 17.00 น. ไฟป่าบริเวณเส้นทางผาหมากดูก ได้ข้ามแนวควบคุมและขยายตัวไปทางสระแก้ว จึงได้สั่งการให้แบ่งกำลังไปควบคุม โดยใช้วิธีทำแนวกันไฟและชิงเผากลับจากเส้นทางองค์พระพุทธเมตตา - สระแก้ว - สะพานหิน - สระอโนดาษ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการควบคุมไฟตลอดทั้งคืนจนถึงขณะนี้
ต่อมาเมื่อเวลา 10.25 น. เพจเฟซบุ๊ก “ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช” โพสต์ความคืบหน้าล่าสุด จากกรณีไฟป่าบนอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย ว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงบริเวณหลังแปยอดภูกระดึงได้แล้ว วันนี้เร่งเข้าเก็บแนวดำในพื้นที่ที่ยังติดขอนไม้ให้สนิท ประเมินความเสียหายรวมกว่า 3,400 ไร่
วันที่ 17 ก.พ. 2563 นายอดิสร เหมทานนท์
หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการดับไฟป่า รายงานเข้ามาว่า เมื่อเวลา 02.00 น. เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมไฟป่าบนหลังแปยอดภูกระดึงได้แล้ว และได้ประเมินพื้นที่เสียหายรวมทั้งสิ้นประมาณ 3,400 ไร่
เบื้องต้นไม่มีเจ้าหน้าที่และนักท่องเที่ยวผู้ใดได้รับอันตรายและไม่มีทรัพย์สินของทางราชการรวมถึงของผู้ประกอบการได้รับความเสียหายแต่อย่างใด
ทั้งนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการใช้รถน้ำดับไฟเก็บแนวดำในพื้นที่ที่ยังมีไฟติดต้นไม้ขอนไม้ให้ดับสนิทภายในวันนี้และจะรายงานความคืบหน้าโดยด่วนที่สุด
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้คุมเพลิงไฟป่าบนภูกระดึงได้แล้ว ทางอุทยานฯ ยังเปิดให้บริการท่องเที่ยวตามปกติ แม้ว่าอากาศบนภูกระดึงในปีนี้แล้งมาก จึงได้ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวโปรดระมัดระวังและดับไฟจากก้นบุหรี่ดับให้สนิท แล้วนำรวบรวมมาทิ้งถังรับขยะหรือนำลงจากภู เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดไฟไหม้
สำหรับข้อมูลด้านการท่องเที่ยว “ภูกระดึง” ถือว่าเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินป่าอันดับต้นๆ ที่หลายๆ คนเลือกจะไปเยือน บางคนก็ลองมาสักครั้งในชีวิต จะได้สัมผัสบรรยากาศอย่างที่เขาว่ากัน แต่บางคนกลับติดใจในเสน่ห์ของภูกระดึงอย่างถอนตัวไม่ขึ้น จนต้องกลับมาเยือนอีกหลายๆ ครั้ง
จุดที่เที่ยวบนภูกระดึงที่นักท่องเที่ยวนิยมไปก็คือ ชมพระอาทิตย์ตกที่ “ผาหมากดูก” ที่อยู่ห่างจากบริเวณที่พักประมาณ 2,000 เมตร ส่วนในยามเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ก็ไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ “ผานกแอ่น” ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นแห่งเดียวบนยอดภูกระดึง ชื่นชมบรรยากาศยามเช้าที่พระอาทิตย์ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้า ส่องแสงอบอุ่นในยามเช้า ขับไล่ความหนาวเย็นของอากาศไปได้เล็กน้อย ถ่ายรูปกันจนพอใจแล้วก็เดินทางกลับสู่ที่พัก ผ่านบริเวณ“ลานพระแก้ว” ลานหินกว้างแวดล้อมด้วยทิวสน ประดิษฐานพระพุทธรูปยืน ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล
ส่วนเส้นทางการท่องเที่ยวบนภูกระดึงนั้นมีให้เลือก 2 เส้นทาง คือ เส้นทางหน้าผา และเส้นทางน้ำตก โดย “เส้นทางหน้าผา” เริ่มต้นตั้งแต่เช้าตรู่หลังจากชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ก็หลับมาอาบน้ำอาบท่า เตรียมน้ำเตรียมขนมให้พร้อม สะพายกล้องคู่ใจ แล้วออกเริ่มต้นเดินจากวังกวางไปสู่ “องค์พระพุทธเมตตา” ที่ประดิษฐานอยู่บนลานหิน
และยังมี “สระอโนดาต” แหล่งน้ำธรรมชาติที่มีลำธารไหลผ่านตลอดทั้งปี รวมถึงผาแดง ผาเหยียบเมฆ ผานาน้อย ผาจำศีล และผาหมากดูก เป็นเส้นทางการเดินท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
ส่วนฤดูการท่องเที่ยวภูกระดึง เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 31 พฤษภาคมของทุกปี และช่วงปิดฤดูการท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน-30 กันยายนของทุกปี
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR
จากกรณีไฟไหม้ป่าที่ภูกระดึงเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมเพลิงได้อยู่ในวงจำกัดแล้ว คาดเสียหายหนักกว่า 3,400 ไร่ พร้อมเปิดบริการท่องเที่ยวตามปกติ
เมื่อเวลา 06.00 น. เพจเฟซบุ๊ก “ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช” โพสต์ข้อความกรณีไฟป่าบนอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย ว่า
นายอดิสร เหมทานนท์ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการดับไฟป่า เปิดเผยว่า วานนี้(16ก.พ.63) เวลา 08.30 น. มีไฟป่าเกิดขึ้นบริเวณซำขอนแดง เจ้าหน้าที่กอ.ไฟป่าภูกระดึงร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จำนวน 10 นาย ออกปฏิบัติงานควบคุมไฟป่าในพื้นที่โดยจุดเกิดไฟป่าห่างจากขอบหน้าผาประมาณ 2 กม. แต่ด้วยสภาพความแห้งแล้งประกอบกับสภาพกระแสลมพัดแรงทำให้เกิดลูกไฟพัดลอยข้ามแนวกันไฟมาตกในพื้นที่บริเวณหลังแปห่างจากขอบหน้าผาประมาณ 400 เมตร บริเวณผาเมษา
เวลา 11.00 น.ไฟป่าบริเวณผาเมษา พิกัดได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการได้ร่วมกับหัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง สั่งการให้กำลังเจ้าหน้าที่ กอ.ไฟป่าภูกระดึง จำนวน 32 นายและเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จำนวน 60 นาย และผู้ประกอบการ และจิตอาสา รวมทั้งสิ้น จำนวน 130 นาย
เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมพร้อมด้วยรถแทรกเตอร์ จำนวน 3 คัน รถน้ำ จำนวน 4 คัน โดยการทำแนวกันไฟและชิงเผากลับตามเส้นทางหลังแป - วังกวาง และเส้นทางหลังแป - หมากดูก – สระใหญ่เบื้องต้นสามารถควบคุมไฟให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว ประเมินพื้นที่เสียหายประมาณ 2,000 ไร่ พื้นที่เสียหายแบ่งตามแบ่งตามชนิดป่า ป่าสน - ป่าก่อ - และทุ่งหญ้า
ต่อมาเวลา 17.00 น. ไฟป่าบริเวณเส้นทางผาหมากดูก ได้ข้ามแนวควบคุมและขยายตัวไปทางสระแก้ว จึงได้สั่งการให้แบ่งกำลังไปควบคุม โดยใช้วิธีทำแนวกันไฟและชิงเผากลับจากเส้นทางองค์พระพุทธเมตตา - สระแก้ว - สะพานหิน - สระอโนดาษ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการควบคุมไฟตลอดทั้งคืนจนถึงขณะนี้
ต่อมาเมื่อเวลา 10.25 น. เพจเฟซบุ๊ก “ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช” โพสต์ความคืบหน้าล่าสุด จากกรณีไฟป่าบนอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย ว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงบริเวณหลังแปยอดภูกระดึงได้แล้ว วันนี้เร่งเข้าเก็บแนวดำในพื้นที่ที่ยังติดขอนไม้ให้สนิท ประเมินความเสียหายรวมกว่า 3,400 ไร่
วันที่ 17 ก.พ. 2563 นายอดิสร เหมทานนท์
หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการดับไฟป่า รายงานเข้ามาว่า เมื่อเวลา 02.00 น. เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมไฟป่าบนหลังแปยอดภูกระดึงได้แล้ว และได้ประเมินพื้นที่เสียหายรวมทั้งสิ้นประมาณ 3,400 ไร่
เบื้องต้นไม่มีเจ้าหน้าที่และนักท่องเที่ยวผู้ใดได้รับอันตรายและไม่มีทรัพย์สินของทางราชการรวมถึงของผู้ประกอบการได้รับความเสียหายแต่อย่างใด
ทั้งนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการใช้รถน้ำดับไฟเก็บแนวดำในพื้นที่ที่ยังมีไฟติดต้นไม้ขอนไม้ให้ดับสนิทภายในวันนี้และจะรายงานความคืบหน้าโดยด่วนที่สุด
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้คุมเพลิงไฟป่าบนภูกระดึงได้แล้ว ทางอุทยานฯ ยังเปิดให้บริการท่องเที่ยวตามปกติ แม้ว่าอากาศบนภูกระดึงในปีนี้แล้งมาก จึงได้ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวโปรดระมัดระวังและดับไฟจากก้นบุหรี่ดับให้สนิท แล้วนำรวบรวมมาทิ้งถังรับขยะหรือนำลงจากภู เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดไฟไหม้
สำหรับข้อมูลด้านการท่องเที่ยว “ภูกระดึง” ถือว่าเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินป่าอันดับต้นๆ ที่หลายๆ คนเลือกจะไปเยือน บางคนก็ลองมาสักครั้งในชีวิต จะได้สัมผัสบรรยากาศอย่างที่เขาว่ากัน แต่บางคนกลับติดใจในเสน่ห์ของภูกระดึงอย่างถอนตัวไม่ขึ้น จนต้องกลับมาเยือนอีกหลายๆ ครั้ง
จุดที่เที่ยวบนภูกระดึงที่นักท่องเที่ยวนิยมไปก็คือ ชมพระอาทิตย์ตกที่ “ผาหมากดูก” ที่อยู่ห่างจากบริเวณที่พักประมาณ 2,000 เมตร ส่วนในยามเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ก็ไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ “ผานกแอ่น” ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นแห่งเดียวบนยอดภูกระดึง ชื่นชมบรรยากาศยามเช้าที่พระอาทิตย์ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้า ส่องแสงอบอุ่นในยามเช้า ขับไล่ความหนาวเย็นของอากาศไปได้เล็กน้อย ถ่ายรูปกันจนพอใจแล้วก็เดินทางกลับสู่ที่พัก ผ่านบริเวณ“ลานพระแก้ว” ลานหินกว้างแวดล้อมด้วยทิวสน ประดิษฐานพระพุทธรูปยืน ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล
ส่วนเส้นทางการท่องเที่ยวบนภูกระดึงนั้นมีให้เลือก 2 เส้นทาง คือ เส้นทางหน้าผา และเส้นทางน้ำตก โดย “เส้นทางหน้าผา” เริ่มต้นตั้งแต่เช้าตรู่หลังจากชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ก็หลับมาอาบน้ำอาบท่า เตรียมน้ำเตรียมขนมให้พร้อม สะพายกล้องคู่ใจ แล้วออกเริ่มต้นเดินจากวังกวางไปสู่ “องค์พระพุทธเมตตา” ที่ประดิษฐานอยู่บนลานหิน
และยังมี “สระอโนดาต” แหล่งน้ำธรรมชาติที่มีลำธารไหลผ่านตลอดทั้งปี รวมถึงผาแดง ผาเหยียบเมฆ ผานาน้อย ผาจำศีล และผาหมากดูก เป็นเส้นทางการเดินท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
ส่วนฤดูการท่องเที่ยวภูกระดึง เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 31 พฤษภาคมของทุกปี และช่วงปิดฤดูการท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน-30 กันยายนของทุกปี
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR