Youtube :Travel MGR
“ความรัก” เป็นพลังสร้างสรรค์ผลักดันให้เกิดสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากมายนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้อย่างบทเพลง บทกลอนกวี ไปจนถึงผลงานรูปธรรมอย่างงานศิลปะหรือสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่
เรากำลังพูดถึง “ทัช มาฮาล” สิ่งก่อสร้างที่ได้ชื่อว่าเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่คนทั้งโลกต่างรู้จัก ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองอัครา รัฐอุตตรประเทศ ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย อยู่ห่างจากเมืองลัคเนาอันเป็นเมืองหลวงของรัฐไปทางตะวันตก 363 ก.ม. และอยู่ห่างจากกรุงนิวเดลีซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศเพียง 200 ก.ม.
เหตุผลที่คนทั่วโลกมุ่งหน้ามาชม “ทัช มาฮาล” นั่นเพราะที่นี่ได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ และได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกใน ค.ศ.1983 เป็นผลงานชิ้นเอกที่ทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันฉลาด เป็นงานสถาปัตยกรรมที่รวมเอาความงดงามสุดยอดที่สร้างด้วยมือมนุษย์ และยังถือเป็น “อนุสรณ์แห่งความรัก” ที่ชายคนหนึ่งมอบให้กับหญิงอันเป็นที่รักอีกด้วย
พระเจ้าชาห์ชะฮัน สมเด็จพระจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโมกุล เป็นผู้สร้างทัช มาฮาลขึ้นเมื่อ ค.ศ.1652 หลังจากที่มเหสีองค์โปรดที่ทรงรักมากที่สุดนามว่าอรชุมันท์ พานุ เพคุม หรือที่พระเจ้าชาห์ชะฮันทรงเรียกว่า “มุมตัส มาฮาล” ซึ่งครองรักกันมานานเกือบ 20 ปีได้สิ้นพระชนม์ลงหลังจากทรงให้กำเนิดทายาทองค์ที่ 14
ความสูญเสียครั้งนี้ทำให้พระเจ้าชาห์ชะฮันทรงเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมเหสีมุมตัสได้รับใช้ใกล้ชิดติดตามพระองค์แม้แต่ในสนามรบ และทรงเป็นผู้ที่พระองค์ทรงมอบความไว้วางใจเป็นอย่างมาก ด้วยความรักและอาลัย พระเจ้าชาห์ชะฮันจึงมีพระราชประสงค์ให้สร้างสุสานฝังพระศพมเหสีมุมตัสเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักสืบไป
นั่นคือที่มาของอนุสรณ์แห่งความรักบันลือโลกหรือ “ทัช มาฮาล” ที่สร้างขึ้นอย่างวิจิตรอลังการในสวนริมฝั่งโค้งแม่น้ำยมุนา ในเมืองอัครา ตัวอาคารสุสานสร้างขึ้นด้วยหินอ่อนสีขาวนวลจากเมืองมาครานา ในแคว้นราชสถานซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหินอ่อนที่มีคุณภาพดีเยี่ยม สร้างขึ้นด้วยสัดส่วนที่วิจิตรและงดงามสมมาตรในทุกๆ ด้าน โดยมีความกว้างยาวด้านละ 100 เมตร สูง 60 เมตร ตั้งอยู่บนฐานยกพื้นสี่เหลี่ยมจตุรัส
ด้านบนของอาคารเป็นยอดโดมขนาดมหึมา เส้นผ่านศูนย์กลาง 58 ฟุต ยอดโดมสูง 213 ฟุต เมื่อเข้าไปภายในห้องโถงกลางใต้โดมยักษ์แห่งนี้จะเห็นแท่นหลุมพระศพที่ทำด้วยหินอ่อนสีขาวสองแท่น แท่นที่สูงกว่าเป็นของพระเจ้าชาห์ชะฮาน และแท่นที่เตี้ยกว่าเป็นของพระนางมุมตัส มาฮาล ทั้งสองพระองค์เคียงคู่กัน ไม่แยกจากกันอีกตลอดไป
นอกจากตัวอาคารที่ใหญ่โตสวยงามนี้แล้ว รายละเอียดเล็กๆ น้อยที่ประดับตกแต่งล้วนแล้วแต่ประณีตงดงาม ด้วยความที่สนใจงานด้านสถาปัตยกรรมอยู่แล้ว พระเจ้าชาห์ชะฮานจึงเลือกแบบการก่อสร้างที่สวยที่สุด เลือกใช้วัสดุที่ดีที่สุด และให้ช่างทำอย่างพิถีพิพันที่สุด เฉพาะอัญมณีที่ใช้ในงานตกแต่งก็มาจากทั่วทุกสารทิศ อาทิ โมราจากรัฐปัญจาบ เพชรตาแมวจากกรุงแบกแดด ลาพิส ลาซูลีจากอัฟกานิสถาน แซฟไฟร์จากศรีลังกา เทอร์ควอยซ์จากธิเบต หยกและคริสตัลจากจีน ปะการังและหอยมุกจากมหาสมุทรอินเดีย
วัสดุก่อสร้างเหล่านี้ขนส่งด้วยช้างมากกว่าหนึ่งพันเชือก และก่อสร้างด้วยแรงงานทั้งช่างฝีมือ ช่างอิฐ ช่างตัดหิน ช่างแกะสลัก ช่างอักษรจารึก ฯลฯ รวมแล้วมากกว่า 20,000 ชีวิต ร่วมกันก่อสร้างเป็นเวลานานถึง 22 ปี ทั้งหมดนี้สร้างขึ้นด้วยความรัก...เพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนสุดท้ายให้แก่ผู้หญิงผู้เป็นที่รัก
การแสดงออกซึ่งความรักของพระเจ้าชาห์ชะฮานในอีกด้านหนึ่งกลับทำให้เกิดความลำบากยากแค้นของแรงงานนับหมื่นที่ต้องทำงานหนักและถูกบังคับให้ทำงานไม่มีหยุดจนต้องบาดเจ็บล้มตายไปเป็นอันมาก ช่างแกะสลักหินต้องตาบอดเนื่องจากต้องทำงานกลางแดดจัดเป็นเวลานาน เล่ากันว่าสถาปนิกและนายช่างถูกตัดมือหรือถูกประหารเพื่อป้องกันมิให้ไปออกแบบก่อสร้างสิ่งอื่นๆ ที่ยิ่งใหญ่และงดงามไปกว่าทัช มาฮาล
ยังไม่นับรวมเงินทองราชสมบัติมหาศาลที่ใช้จ่ายไปในการก่อสร้างโปรเจ็คยักษ์นี้โดยที่ไม่มีทั้งเงินและเวลาที่จะพัฒนาอาณาจักรในด้านอื่นๆ ว่ากันว่าพระเจ้าชาห์ชะฮานยังมีความคิดที่จะสร้างสุสานหินอ่อนสีดำขึ้นที่ฝั่งตรงข้ามทัช มาฮาลอีกต่างหาก ดังนั้นพระโอรสของพระองค์เองคือเจ้าชายโอรังเซบจึงยึดราชบัลลังก์ของพระบิดา และนำพระเจ้าชาห์ชะฮาน ไปกักขังอยู่ที่ป้อมเมืองอัคราซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทัช มาฮาลมากนัก และทรงขึ้นครองบัลลังก์แทน
พระเจ้าชาห์ชะฮานที่ถูกกักขังได้ประทับอยู่ในตำหนักที่สามารถมองเห็นทัช มาฮาล ได้จากระยะไกล ทรงใช้เวลาที่ผ่านไปในแต่ละวันตลอด 8 ปีด้วยการจ้องมองอนุสรณ์แห่งความรักของพระองค์จนกระทั่งสวรรคต และหลังจากนั้นพระโอรสก็ได้นำพระศพของพระองค์มาฝังไว้ภายในทัช มาฮาล อยู่เคียงข้างมเหสีที่ทรงรักตลอดไป
ดังนั้นเมื่อนักท่องเที่ยวมาเยือนทัช มาฮาล แล้ว ก็ต้องมาชม “ป้อมอัครา” (Agrs Fort) อันเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในเมืองอัครา ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกพร้อมกับทัช มาฮาล และอยู่ห่างกันราว 2.5 ก.ม.
ป้อมอัคราหรือที่บางคนเรียกว่าป้อมแดงนี้สร้างมาก่อนทัช มาฮาลเป็นเวลานานแล้ว โดยถูกบันทึกว่ามีมาตั้งแต่ ค.ศ.1080 และได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ใน ค.ศ.1565 สมัยพระเจ้าอักบาร์ซึ่งเป็นพระอัยกาของพระเจ้าชาห์ชะฮาน โดยพระองค์ได้ปฏิสังขรณ์และตกแต่งใหม่ด้วยหินทรายและศิลาสีแดงโดดเด่น ลักษณะของป้อมเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่โค้งแม่น้ำยมุนา
หากมองจากด้านนอกกำแพงของป้อมดูสูงใหญ่และแข็งแรง เป็นกำแพง 2 ชั้นมีคูน้ำคั่นกลาง ภายในป้อมอัคราแบ่งออกเป็นเขตพระราชฐานชั้นนอกและชั้นใน พระราชฐานชั้นนอกมีอาคารสำหรับออกว่าราชการ และที่ทำการของเหล่าทหาร ส่วนพระราชฐานชั้นในเป็นที่ประทับของกษัตริย์และเหล่าสนม เป็นที่ตั้งของพระราชวังและตำหนักอันงดงามต่างๆ รวมถึงสวนแบบเปอร์เซียสำหรับพักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย
อาคารส่วนใหญ่ภายในป้อมอัคราถูกสร้างในสมัยกษัตริย์อักบาร์ ผู้ซึ่งสถาปนาเมืองอัคราเป็นราชธานีในสมัยนั้น ศิลปะของป้อมอัคราก็สวยงามละเอียดประณีตผสมกันทั้งแบบโมกุล เปอร์เซีย และฮินดู ส่วนพระตำหนักของพระเจ้าชาห์ชะฮานนั้นสร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลังอยู่บริเวณริมแม่น้ำยมุนา เป็นจุดที่สามารถมองเห็นทัช มาฮาล อนุสรณ์แห่งความรักอันงดงามของพระองค์ได้ตลอดเวลา
ผู้สนใจไปเที่ยวยังเมืองอัครา สามารถนั่งเครื่องบินมาลงได้ที่กรุงนิวเดลีและต่อรถโดยสารใช้เวลาราว 2.30 ช.ม. หรือบินมาลงที่เมืองลัคเนาและต่อรถโดยสาร ใช้เวลาราว 5-6 ช.ม. ทั้งนี้ สายการบิน “ไทยสมายล์” มีเที่ยวบินกรุงเทพฯ-ลัคเนา ให้บริการ 5 เที่ยวบิน/สัปดาห์ สามารถจองหรือสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร.1181 หรือ 0-2118-8888 หรือเว็บไซต์ https://www.thaismileair.com/th
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR
“ความรัก” เป็นพลังสร้างสรรค์ผลักดันให้เกิดสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากมายนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้อย่างบทเพลง บทกลอนกวี ไปจนถึงผลงานรูปธรรมอย่างงานศิลปะหรือสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่
เรากำลังพูดถึง “ทัช มาฮาล” สิ่งก่อสร้างที่ได้ชื่อว่าเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่คนทั้งโลกต่างรู้จัก ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองอัครา รัฐอุตตรประเทศ ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย อยู่ห่างจากเมืองลัคเนาอันเป็นเมืองหลวงของรัฐไปทางตะวันตก 363 ก.ม. และอยู่ห่างจากกรุงนิวเดลีซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศเพียง 200 ก.ม.
เหตุผลที่คนทั่วโลกมุ่งหน้ามาชม “ทัช มาฮาล” นั่นเพราะที่นี่ได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ และได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกใน ค.ศ.1983 เป็นผลงานชิ้นเอกที่ทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันฉลาด เป็นงานสถาปัตยกรรมที่รวมเอาความงดงามสุดยอดที่สร้างด้วยมือมนุษย์ และยังถือเป็น “อนุสรณ์แห่งความรัก” ที่ชายคนหนึ่งมอบให้กับหญิงอันเป็นที่รักอีกด้วย
พระเจ้าชาห์ชะฮัน สมเด็จพระจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโมกุล เป็นผู้สร้างทัช มาฮาลขึ้นเมื่อ ค.ศ.1652 หลังจากที่มเหสีองค์โปรดที่ทรงรักมากที่สุดนามว่าอรชุมันท์ พานุ เพคุม หรือที่พระเจ้าชาห์ชะฮันทรงเรียกว่า “มุมตัส มาฮาล” ซึ่งครองรักกันมานานเกือบ 20 ปีได้สิ้นพระชนม์ลงหลังจากทรงให้กำเนิดทายาทองค์ที่ 14
ความสูญเสียครั้งนี้ทำให้พระเจ้าชาห์ชะฮันทรงเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมเหสีมุมตัสได้รับใช้ใกล้ชิดติดตามพระองค์แม้แต่ในสนามรบ และทรงเป็นผู้ที่พระองค์ทรงมอบความไว้วางใจเป็นอย่างมาก ด้วยความรักและอาลัย พระเจ้าชาห์ชะฮันจึงมีพระราชประสงค์ให้สร้างสุสานฝังพระศพมเหสีมุมตัสเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักสืบไป
นั่นคือที่มาของอนุสรณ์แห่งความรักบันลือโลกหรือ “ทัช มาฮาล” ที่สร้างขึ้นอย่างวิจิตรอลังการในสวนริมฝั่งโค้งแม่น้ำยมุนา ในเมืองอัครา ตัวอาคารสุสานสร้างขึ้นด้วยหินอ่อนสีขาวนวลจากเมืองมาครานา ในแคว้นราชสถานซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหินอ่อนที่มีคุณภาพดีเยี่ยม สร้างขึ้นด้วยสัดส่วนที่วิจิตรและงดงามสมมาตรในทุกๆ ด้าน โดยมีความกว้างยาวด้านละ 100 เมตร สูง 60 เมตร ตั้งอยู่บนฐานยกพื้นสี่เหลี่ยมจตุรัส
ด้านบนของอาคารเป็นยอดโดมขนาดมหึมา เส้นผ่านศูนย์กลาง 58 ฟุต ยอดโดมสูง 213 ฟุต เมื่อเข้าไปภายในห้องโถงกลางใต้โดมยักษ์แห่งนี้จะเห็นแท่นหลุมพระศพที่ทำด้วยหินอ่อนสีขาวสองแท่น แท่นที่สูงกว่าเป็นของพระเจ้าชาห์ชะฮาน และแท่นที่เตี้ยกว่าเป็นของพระนางมุมตัส มาฮาล ทั้งสองพระองค์เคียงคู่กัน ไม่แยกจากกันอีกตลอดไป
นอกจากตัวอาคารที่ใหญ่โตสวยงามนี้แล้ว รายละเอียดเล็กๆ น้อยที่ประดับตกแต่งล้วนแล้วแต่ประณีตงดงาม ด้วยความที่สนใจงานด้านสถาปัตยกรรมอยู่แล้ว พระเจ้าชาห์ชะฮานจึงเลือกแบบการก่อสร้างที่สวยที่สุด เลือกใช้วัสดุที่ดีที่สุด และให้ช่างทำอย่างพิถีพิพันที่สุด เฉพาะอัญมณีที่ใช้ในงานตกแต่งก็มาจากทั่วทุกสารทิศ อาทิ โมราจากรัฐปัญจาบ เพชรตาแมวจากกรุงแบกแดด ลาพิส ลาซูลีจากอัฟกานิสถาน แซฟไฟร์จากศรีลังกา เทอร์ควอยซ์จากธิเบต หยกและคริสตัลจากจีน ปะการังและหอยมุกจากมหาสมุทรอินเดีย
วัสดุก่อสร้างเหล่านี้ขนส่งด้วยช้างมากกว่าหนึ่งพันเชือก และก่อสร้างด้วยแรงงานทั้งช่างฝีมือ ช่างอิฐ ช่างตัดหิน ช่างแกะสลัก ช่างอักษรจารึก ฯลฯ รวมแล้วมากกว่า 20,000 ชีวิต ร่วมกันก่อสร้างเป็นเวลานานถึง 22 ปี ทั้งหมดนี้สร้างขึ้นด้วยความรัก...เพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนสุดท้ายให้แก่ผู้หญิงผู้เป็นที่รัก
การแสดงออกซึ่งความรักของพระเจ้าชาห์ชะฮานในอีกด้านหนึ่งกลับทำให้เกิดความลำบากยากแค้นของแรงงานนับหมื่นที่ต้องทำงานหนักและถูกบังคับให้ทำงานไม่มีหยุดจนต้องบาดเจ็บล้มตายไปเป็นอันมาก ช่างแกะสลักหินต้องตาบอดเนื่องจากต้องทำงานกลางแดดจัดเป็นเวลานาน เล่ากันว่าสถาปนิกและนายช่างถูกตัดมือหรือถูกประหารเพื่อป้องกันมิให้ไปออกแบบก่อสร้างสิ่งอื่นๆ ที่ยิ่งใหญ่และงดงามไปกว่าทัช มาฮาล
ยังไม่นับรวมเงินทองราชสมบัติมหาศาลที่ใช้จ่ายไปในการก่อสร้างโปรเจ็คยักษ์นี้โดยที่ไม่มีทั้งเงินและเวลาที่จะพัฒนาอาณาจักรในด้านอื่นๆ ว่ากันว่าพระเจ้าชาห์ชะฮานยังมีความคิดที่จะสร้างสุสานหินอ่อนสีดำขึ้นที่ฝั่งตรงข้ามทัช มาฮาลอีกต่างหาก ดังนั้นพระโอรสของพระองค์เองคือเจ้าชายโอรังเซบจึงยึดราชบัลลังก์ของพระบิดา และนำพระเจ้าชาห์ชะฮาน ไปกักขังอยู่ที่ป้อมเมืองอัคราซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทัช มาฮาลมากนัก และทรงขึ้นครองบัลลังก์แทน
พระเจ้าชาห์ชะฮานที่ถูกกักขังได้ประทับอยู่ในตำหนักที่สามารถมองเห็นทัช มาฮาล ได้จากระยะไกล ทรงใช้เวลาที่ผ่านไปในแต่ละวันตลอด 8 ปีด้วยการจ้องมองอนุสรณ์แห่งความรักของพระองค์จนกระทั่งสวรรคต และหลังจากนั้นพระโอรสก็ได้นำพระศพของพระองค์มาฝังไว้ภายในทัช มาฮาล อยู่เคียงข้างมเหสีที่ทรงรักตลอดไป
ดังนั้นเมื่อนักท่องเที่ยวมาเยือนทัช มาฮาล แล้ว ก็ต้องมาชม “ป้อมอัครา” (Agrs Fort) อันเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในเมืองอัครา ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกพร้อมกับทัช มาฮาล และอยู่ห่างกันราว 2.5 ก.ม.
ป้อมอัคราหรือที่บางคนเรียกว่าป้อมแดงนี้สร้างมาก่อนทัช มาฮาลเป็นเวลานานแล้ว โดยถูกบันทึกว่ามีมาตั้งแต่ ค.ศ.1080 และได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ใน ค.ศ.1565 สมัยพระเจ้าอักบาร์ซึ่งเป็นพระอัยกาของพระเจ้าชาห์ชะฮาน โดยพระองค์ได้ปฏิสังขรณ์และตกแต่งใหม่ด้วยหินทรายและศิลาสีแดงโดดเด่น ลักษณะของป้อมเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่โค้งแม่น้ำยมุนา
หากมองจากด้านนอกกำแพงของป้อมดูสูงใหญ่และแข็งแรง เป็นกำแพง 2 ชั้นมีคูน้ำคั่นกลาง ภายในป้อมอัคราแบ่งออกเป็นเขตพระราชฐานชั้นนอกและชั้นใน พระราชฐานชั้นนอกมีอาคารสำหรับออกว่าราชการ และที่ทำการของเหล่าทหาร ส่วนพระราชฐานชั้นในเป็นที่ประทับของกษัตริย์และเหล่าสนม เป็นที่ตั้งของพระราชวังและตำหนักอันงดงามต่างๆ รวมถึงสวนแบบเปอร์เซียสำหรับพักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย
อาคารส่วนใหญ่ภายในป้อมอัคราถูกสร้างในสมัยกษัตริย์อักบาร์ ผู้ซึ่งสถาปนาเมืองอัคราเป็นราชธานีในสมัยนั้น ศิลปะของป้อมอัคราก็สวยงามละเอียดประณีตผสมกันทั้งแบบโมกุล เปอร์เซีย และฮินดู ส่วนพระตำหนักของพระเจ้าชาห์ชะฮานนั้นสร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลังอยู่บริเวณริมแม่น้ำยมุนา เป็นจุดที่สามารถมองเห็นทัช มาฮาล อนุสรณ์แห่งความรักอันงดงามของพระองค์ได้ตลอดเวลา
ผู้สนใจไปเที่ยวยังเมืองอัครา สามารถนั่งเครื่องบินมาลงได้ที่กรุงนิวเดลีและต่อรถโดยสารใช้เวลาราว 2.30 ช.ม. หรือบินมาลงที่เมืองลัคเนาและต่อรถโดยสาร ใช้เวลาราว 5-6 ช.ม. ทั้งนี้ สายการบิน “ไทยสมายล์” มีเที่ยวบินกรุงเทพฯ-ลัคเนา ให้บริการ 5 เที่ยวบิน/สัปดาห์ สามารถจองหรือสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร.1181 หรือ 0-2118-8888 หรือเว็บไซต์ https://www.thaismileair.com/th
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR