Youtube :Travel MGR
พอบอกว่าจะเดินทางไปเที่ยว “ศรีลังกา” เชื่อว่านักเดินทางท่องเที่ยวส่วนใหญ่ มักคิดถึงการเดินทางไปเที่ยวแสวงบุญ เพราะว่าประเทศศรีลังกาเป็นที่นิยมของชาวพุทธทั่วโลกที่เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ต้องการเดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเสริมสิริมงคลให้แก่ชีวิต
แต่ “ตะลอนเที่ยว” อยากจะบอกว่าที่ศรีลังกายังมีสถานที่ท่องเที่ยวด้านอื่นให้ได้ไปสัมผัสกับมุมมองใหม่ๆ ไม่ใช่แค่ไปศรีลังกาเพื่อไปทัวร์แสวงบุญเท่านั้น อย่างที่ในทริปนี้เมื่อเราได้รับคำชวนจากทางบัตรเครดิตเคทีซี (KTC) ให้ได้ไปร่วมเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวศรีลังกาในมุมมองใหม่ กับทริป “Journey to Sri Lanka with KTC” ซึ่งจะพาไปเที่ยวยังแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจ ชวนให้ไปสัมผัสกันนอกจากการไปทัวร์เข้าวัดไหว้พระทำบุญ
โดยในทริปนี้ทางเคทีซีพาเราเหินฟ้าจากเมืองไทย มาด้วยสายการบิน Sri Lanka Airlines เพื่อมาสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่กับสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันชวนตื่นตาตื่นใจ และสัมผัสกับการผจญภัยแนวซาฟารีทั้งทางทะเลและทางบก
เมื่อมาถึงยังสนามบินโคลัมโบ เรานั่งรถมายังเมืองมิริสซ่า (Mirissa) เมืองที่อยู่ใต้สุดของประเทศศรีลังกา เพื่อมาสัมผัสกับประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบ Sea Safari ที่โด่งดังมากคือ การล่องเรือชมโลมาและวาฬสีน้ำเงิน (Whale Watching) ในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งการมาชมวาฬสีน้ำเงินและโลมา เราควรมาในช่วงเช้าเท่านั้น โดยต้องมาถึงยังท่าเรือเวลา 07.00 น.
พอมาถึงยังท่าเรือก็จะได้เห็นถึงวีถีชีวิตการทำประมงของชาวศรีลังกา โดยจะมีเรือประมงท้องถิ่นของชาวศรีลังกาจอดเทียบท่าอยู่ที่ท่าเรือเต็มไปหมด ซึ่งเรือที่เราใช้นั่งล่องออกไปชมวาฬและโลมานั้น เป็นเรือประมงที่ถูดดัดแปลงมาเป็นอยางดี เป็นเรือ 2 ชั้น ด้านในมีที่นั่งทั้งชั้นบนและชั้นล่าง และได้เลือกนั่งกันตามใจชอบ
เรือค่อยๆ แล่นออกจากฝั่งมุ่งหน้าออกไปยังมหาสมุทรอินเดีย เรือโต้เกลียวคลื่นและแรงลมออกไปเรื่อยๆ วิวสองข้างทางมีแต่ท้องทะเลอันเวิ้งว้างกว้างไกล และก็มีเรือชาวประมงออกมาหาปลาให้ได้ชมด้วย
แล้วเมื่อเรือแล่นออกมาได้สักประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็มีเสียงฮือฮาเกินขึ้นว่า “นั่นไง!! โลมา ว่ายกันมาเป็นฝูงเลย” เราไม่รอช้ารีบหยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพฝูงโลมาจำนวนมาก ที่แหวกว่ายโชว์ตัว กระโดดเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเราเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เห็นโลมาตัวเป็นๆ จำนวนมาก ว่ายน้ำโชว์ตัวให้ได้ชมแบบใกล้ชิด เป็นภาพที่น่ารักประทับใจเป็นยิ่งนัก ที่ได้เห็นกับตาตัวเองว่าทะเลมหาสมุทรอินเดียมีความสมบูรณ์ของสัตว์ทะเลแค่ไหน
หลังจากได้ชมโลมากันสักครู่เดียว โลมาก็ว่ายจากไป และพวกเราก็รอคอยไฮไลต์ที่สำคัญนั่นคือจะได้เห็น วาฬสีย้ำเงินหรือไม่ ซึ่งช่วงเวลาที่วาฬสีน้ำเงิน (Blue Whale) จะมีให้ชมคือในช่วงเดือนพฤศจิกายน – มีนาคมเท่านั้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับโชคและดวงด้วยว่าจะมีโอกาสได้เจอหรือไม่ เพราะเรื่อของธรรมชาติไม่สามารถคาดเดาการมาของวาฬสีน้ำเงินได้
วาฬสีน้ำเงินเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก วาฬสีน้ำเงินที่ตัวขนาดกลางๆ จะมีความยาวประมาณ 30 กว่าเมตร เมื่อโตเต็มที่น้ำหนักประมาณ 100 - 200 ตัน เราแล่นเรืออยู่สักพักก็ได้ยินเสียงเฮอีกแล้ว “นั่น นั่น นั่น วาฬสีน้ำเงินโผล่พ้นน้ำมาแล้ว” แต่ว่าน่าเสียดายที่เราเก็บภาพไม่ทัน เพราะวาฬอยู่ไกลมาก และได้เห็นเพียงครีบหลังเล็กๆ เท่านั้น เจ้าวาฬก็ดำน้ำหนีหายไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะได้เห็นวาฬสีน้ำเงินแบบไกลๆ และเพียงน้อยนิด (ไม่ได้เห็นทั้งตัว) แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าและเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจมากแล้ว จากนั้นเรือก็เบนหัวเรือกลับเข้าฝั่ง ซึ่งเราใช้เวลาในการล่องเรือชมวาฬสีน้ำเงินและโลมาประมาณ 3 ชม.
ขึ้นจากเรือมาได้เราออกเดินทางต่อกันทันที เพื่อไปผจญภัยไปกับการนั่งรถจี๊ปท่องป่าซาฟารี ชมวิถีชีวิตสัตว์ป่าที่อุทยานแห่งชาติยาลา (Yala National Park Safari) ที่เมืองกตรคาม (Tissamaharama, Kataragama) อุทยานแห่งชาติยาลา จัดว่าเป็นอุทยานที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ มีเนื้อที่กว่า 500 ตารางกิโลเมตร มีทั้งส่วนของป่าและเนื้อที่ส่วนหนึ่งของอุทยานติดกับชายฝั่งทะเล ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานแห่งชาติยาลา อุดมสมบูรณ์แวดล้อมไปด้วยผืนป่าและทุ่งหญ้า จนดินแดนแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสรวงสวรรค์ของสัตว์ป่าและนกนานาชนิด และยังเป็นพื้นที่ที่มีประชากรเสือดาวอาศัยอยู่หนาแน่น
การผจญภัยท่องเที่ยวป่าซาฟารีที่อุทยานแห่งชาติยาลา จะมีรถจี๊ปแบบโฟร์วิลสามารถจุผู้โดยสานได้ 7 คน ซึ่งรถจี๊ปจะควบคุมโดย Ranger ชาวศรีลังกาที่มากประสบการณ์ พาเราวิ่งเข้าสู่ซาฟารี เพื่อไปชมวิถีชีวิตสัตว์ป่าตามธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ชมสัตว์ป่าหายากและใกล้สูญพันธุ์ อาทิ เสือดาว กวางดาว ช้าง จระเข้ หมูป่า นกยูง ควายป่า และนกกว่า 130 สายพันธุ์
รถจี๊ปค่อยๆ ขับเคลื่อนล้อเข้าสู่ป่าซาฟารี ที่ดูอุดมสมบูรณ์มีความรื่นรมย์ และมีความเป็นธรรมชาติสูงมาก รถจะค่อยๆ วิ่งผ่านตามทางรถวิ่งไปเรื่อยๆ เมื่อเจอสัตว์ชนิดไหน Ranger ก็จะหยุดรถและชี้ชวนให้เราดูสัตว์ที่เห็นอยู่ตลอดสองข้างทาง ว่าจะเป็นนกยูงสีสวย ที่เดินอยู่ร่วมกับฝูงหมูป่า
เจอฝูงกวางจำนวนมากที่ออกมาเล็มกินหญ้ากันอย่างชิลๆ เห็นควายป่าจำนวนมากตบลอดสองข้างทาง ที่พากันเดินสบายอารมณ์ บ้างก็ผ่านจุดที่เป็นสระน้ำก็จะมีควายป่า ลงไปแช่น้ำเล่นน้ำอย่างมีความสุข อีกทั้งยังได้เห็นจระเข้อยู่ในน้ำ บางตัวก็ขึ้นมาบนบกนอนอาบแดดอย่างสบายใจ
รวมถึงได้เห็นช้างออกมาเดินหากินในป่าให้ได้เห็นแบบใกล้ชิด ได้เห็นกระต่าย เห็นนกเป็ดน้ำ นกนานาชนิดจำนวนมากหลากหลายสายพันธุ์ นกตัวเล็กตัวน้อย ตัวใหญ่บินมาเกาะอยู่ตามต้นไม้กิ่งไม้ให้ได้ชมแบบสุขใจ
แล้วสำหรับสัตว์ไฮไลต์อย่างเสือดาว เราก็ได้เห็นแบบตัวเป็นๆ ตัว แต่ว่าเสือดาวอยู่ไกลมากนอนอยู่บนต้นไม้ ซึ่งต้องใช้กล้องส่องทางไกลมองถึงจะได้เห็น (เราจะไม่สามารถถ่ายภาพเสือดาวมาได้) เรียกว่าตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงที่เราได้นั่งรถผจญภัยแบบสนุกสนาน ท่องไปในป่าซาฟารีที่อุทยานแห่งชาติยาลาแห่งนี้ ทำให้เกิดความรู้สึกที่ว่าธรรมชาติของสัตว์ป่ายังคงอุดมสมบูรณ์อยู่ได้ หากมนุษย์อย่างเราช่วยกันอนุรักษ์ไว้ ก็จะมีสัตว์ป่ามากมายให้คนรุ่นหลังได้เห็นกันต่อไป เรียกได้ว่าทริปนี้กับการได้มาสัมผัสศรีลังกาในมุมมองใหม่ สร้างความตื่นตาตื่นใจ อิ่มเอมใจและประทับตราตรึงใจแบบไม่รู้ลืม
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
บัตรเครดิตเคทีซี (KTC) มีแพกเกจ “Unseen Sri Lanka Safari” 4 วัน 3 คืน ราคาเริ่มต้น 27,400 บาทต่อคน (สามารถเดินทางได้ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป) ประกอบด้วยบัตรโดยสารชั้นประหยัดสายการบินศรีลังกันแอร์ไลน์ โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมต่างๆ สมาชิกบัตรฯ สามารถแบ่งชำระกับ KTC FLEXI 0% นานถึง 6 เดือน เดินทางได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 มีนาคม 2563 สอบถามรายละเอียดได้ที่ www.ktcworld.co.th เฟซบุ๊ค ktcworld หรือ KTC Line Official หรือติดต่อ KTC World Travel Service โทร. 0-2123-5050
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR
พอบอกว่าจะเดินทางไปเที่ยว “ศรีลังกา” เชื่อว่านักเดินทางท่องเที่ยวส่วนใหญ่ มักคิดถึงการเดินทางไปเที่ยวแสวงบุญ เพราะว่าประเทศศรีลังกาเป็นที่นิยมของชาวพุทธทั่วโลกที่เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ต้องการเดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเสริมสิริมงคลให้แก่ชีวิต
แต่ “ตะลอนเที่ยว” อยากจะบอกว่าที่ศรีลังกายังมีสถานที่ท่องเที่ยวด้านอื่นให้ได้ไปสัมผัสกับมุมมองใหม่ๆ ไม่ใช่แค่ไปศรีลังกาเพื่อไปทัวร์แสวงบุญเท่านั้น อย่างที่ในทริปนี้เมื่อเราได้รับคำชวนจากทางบัตรเครดิตเคทีซี (KTC) ให้ได้ไปร่วมเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวศรีลังกาในมุมมองใหม่ กับทริป “Journey to Sri Lanka with KTC” ซึ่งจะพาไปเที่ยวยังแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจ ชวนให้ไปสัมผัสกันนอกจากการไปทัวร์เข้าวัดไหว้พระทำบุญ
โดยในทริปนี้ทางเคทีซีพาเราเหินฟ้าจากเมืองไทย มาด้วยสายการบิน Sri Lanka Airlines เพื่อมาสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่กับสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันชวนตื่นตาตื่นใจ และสัมผัสกับการผจญภัยแนวซาฟารีทั้งทางทะเลและทางบก
เมื่อมาถึงยังสนามบินโคลัมโบ เรานั่งรถมายังเมืองมิริสซ่า (Mirissa) เมืองที่อยู่ใต้สุดของประเทศศรีลังกา เพื่อมาสัมผัสกับประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบ Sea Safari ที่โด่งดังมากคือ การล่องเรือชมโลมาและวาฬสีน้ำเงิน (Whale Watching) ในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งการมาชมวาฬสีน้ำเงินและโลมา เราควรมาในช่วงเช้าเท่านั้น โดยต้องมาถึงยังท่าเรือเวลา 07.00 น.
พอมาถึงยังท่าเรือก็จะได้เห็นถึงวีถีชีวิตการทำประมงของชาวศรีลังกา โดยจะมีเรือประมงท้องถิ่นของชาวศรีลังกาจอดเทียบท่าอยู่ที่ท่าเรือเต็มไปหมด ซึ่งเรือที่เราใช้นั่งล่องออกไปชมวาฬและโลมานั้น เป็นเรือประมงที่ถูดดัดแปลงมาเป็นอยางดี เป็นเรือ 2 ชั้น ด้านในมีที่นั่งทั้งชั้นบนและชั้นล่าง และได้เลือกนั่งกันตามใจชอบ
เรือค่อยๆ แล่นออกจากฝั่งมุ่งหน้าออกไปยังมหาสมุทรอินเดีย เรือโต้เกลียวคลื่นและแรงลมออกไปเรื่อยๆ วิวสองข้างทางมีแต่ท้องทะเลอันเวิ้งว้างกว้างไกล และก็มีเรือชาวประมงออกมาหาปลาให้ได้ชมด้วย
แล้วเมื่อเรือแล่นออกมาได้สักประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็มีเสียงฮือฮาเกินขึ้นว่า “นั่นไง!! โลมา ว่ายกันมาเป็นฝูงเลย” เราไม่รอช้ารีบหยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพฝูงโลมาจำนวนมาก ที่แหวกว่ายโชว์ตัว กระโดดเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเราเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เห็นโลมาตัวเป็นๆ จำนวนมาก ว่ายน้ำโชว์ตัวให้ได้ชมแบบใกล้ชิด เป็นภาพที่น่ารักประทับใจเป็นยิ่งนัก ที่ได้เห็นกับตาตัวเองว่าทะเลมหาสมุทรอินเดียมีความสมบูรณ์ของสัตว์ทะเลแค่ไหน
หลังจากได้ชมโลมากันสักครู่เดียว โลมาก็ว่ายจากไป และพวกเราก็รอคอยไฮไลต์ที่สำคัญนั่นคือจะได้เห็น วาฬสีย้ำเงินหรือไม่ ซึ่งช่วงเวลาที่วาฬสีน้ำเงิน (Blue Whale) จะมีให้ชมคือในช่วงเดือนพฤศจิกายน – มีนาคมเท่านั้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับโชคและดวงด้วยว่าจะมีโอกาสได้เจอหรือไม่ เพราะเรื่อของธรรมชาติไม่สามารถคาดเดาการมาของวาฬสีน้ำเงินได้
วาฬสีน้ำเงินเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก วาฬสีน้ำเงินที่ตัวขนาดกลางๆ จะมีความยาวประมาณ 30 กว่าเมตร เมื่อโตเต็มที่น้ำหนักประมาณ 100 - 200 ตัน เราแล่นเรืออยู่สักพักก็ได้ยินเสียงเฮอีกแล้ว “นั่น นั่น นั่น วาฬสีน้ำเงินโผล่พ้นน้ำมาแล้ว” แต่ว่าน่าเสียดายที่เราเก็บภาพไม่ทัน เพราะวาฬอยู่ไกลมาก และได้เห็นเพียงครีบหลังเล็กๆ เท่านั้น เจ้าวาฬก็ดำน้ำหนีหายไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะได้เห็นวาฬสีน้ำเงินแบบไกลๆ และเพียงน้อยนิด (ไม่ได้เห็นทั้งตัว) แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าและเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจมากแล้ว จากนั้นเรือก็เบนหัวเรือกลับเข้าฝั่ง ซึ่งเราใช้เวลาในการล่องเรือชมวาฬสีน้ำเงินและโลมาประมาณ 3 ชม.
ขึ้นจากเรือมาได้เราออกเดินทางต่อกันทันที เพื่อไปผจญภัยไปกับการนั่งรถจี๊ปท่องป่าซาฟารี ชมวิถีชีวิตสัตว์ป่าที่อุทยานแห่งชาติยาลา (Yala National Park Safari) ที่เมืองกตรคาม (Tissamaharama, Kataragama) อุทยานแห่งชาติยาลา จัดว่าเป็นอุทยานที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ มีเนื้อที่กว่า 500 ตารางกิโลเมตร มีทั้งส่วนของป่าและเนื้อที่ส่วนหนึ่งของอุทยานติดกับชายฝั่งทะเล ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานแห่งชาติยาลา อุดมสมบูรณ์แวดล้อมไปด้วยผืนป่าและทุ่งหญ้า จนดินแดนแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสรวงสวรรค์ของสัตว์ป่าและนกนานาชนิด และยังเป็นพื้นที่ที่มีประชากรเสือดาวอาศัยอยู่หนาแน่น
การผจญภัยท่องเที่ยวป่าซาฟารีที่อุทยานแห่งชาติยาลา จะมีรถจี๊ปแบบโฟร์วิลสามารถจุผู้โดยสานได้ 7 คน ซึ่งรถจี๊ปจะควบคุมโดย Ranger ชาวศรีลังกาที่มากประสบการณ์ พาเราวิ่งเข้าสู่ซาฟารี เพื่อไปชมวิถีชีวิตสัตว์ป่าตามธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ชมสัตว์ป่าหายากและใกล้สูญพันธุ์ อาทิ เสือดาว กวางดาว ช้าง จระเข้ หมูป่า นกยูง ควายป่า และนกกว่า 130 สายพันธุ์
รถจี๊ปค่อยๆ ขับเคลื่อนล้อเข้าสู่ป่าซาฟารี ที่ดูอุดมสมบูรณ์มีความรื่นรมย์ และมีความเป็นธรรมชาติสูงมาก รถจะค่อยๆ วิ่งผ่านตามทางรถวิ่งไปเรื่อยๆ เมื่อเจอสัตว์ชนิดไหน Ranger ก็จะหยุดรถและชี้ชวนให้เราดูสัตว์ที่เห็นอยู่ตลอดสองข้างทาง ว่าจะเป็นนกยูงสีสวย ที่เดินอยู่ร่วมกับฝูงหมูป่า
เจอฝูงกวางจำนวนมากที่ออกมาเล็มกินหญ้ากันอย่างชิลๆ เห็นควายป่าจำนวนมากตบลอดสองข้างทาง ที่พากันเดินสบายอารมณ์ บ้างก็ผ่านจุดที่เป็นสระน้ำก็จะมีควายป่า ลงไปแช่น้ำเล่นน้ำอย่างมีความสุข อีกทั้งยังได้เห็นจระเข้อยู่ในน้ำ บางตัวก็ขึ้นมาบนบกนอนอาบแดดอย่างสบายใจ
รวมถึงได้เห็นช้างออกมาเดินหากินในป่าให้ได้เห็นแบบใกล้ชิด ได้เห็นกระต่าย เห็นนกเป็ดน้ำ นกนานาชนิดจำนวนมากหลากหลายสายพันธุ์ นกตัวเล็กตัวน้อย ตัวใหญ่บินมาเกาะอยู่ตามต้นไม้กิ่งไม้ให้ได้ชมแบบสุขใจ
แล้วสำหรับสัตว์ไฮไลต์อย่างเสือดาว เราก็ได้เห็นแบบตัวเป็นๆ ตัว แต่ว่าเสือดาวอยู่ไกลมากนอนอยู่บนต้นไม้ ซึ่งต้องใช้กล้องส่องทางไกลมองถึงจะได้เห็น (เราจะไม่สามารถถ่ายภาพเสือดาวมาได้) เรียกว่าตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงที่เราได้นั่งรถผจญภัยแบบสนุกสนาน ท่องไปในป่าซาฟารีที่อุทยานแห่งชาติยาลาแห่งนี้ ทำให้เกิดความรู้สึกที่ว่าธรรมชาติของสัตว์ป่ายังคงอุดมสมบูรณ์อยู่ได้ หากมนุษย์อย่างเราช่วยกันอนุรักษ์ไว้ ก็จะมีสัตว์ป่ามากมายให้คนรุ่นหลังได้เห็นกันต่อไป เรียกได้ว่าทริปนี้กับการได้มาสัมผัสศรีลังกาในมุมมองใหม่ สร้างความตื่นตาตื่นใจ อิ่มเอมใจและประทับตราตรึงใจแบบไม่รู้ลืม
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
บัตรเครดิตเคทีซี (KTC) มีแพกเกจ “Unseen Sri Lanka Safari” 4 วัน 3 คืน ราคาเริ่มต้น 27,400 บาทต่อคน (สามารถเดินทางได้ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป) ประกอบด้วยบัตรโดยสารชั้นประหยัดสายการบินศรีลังกันแอร์ไลน์ โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมต่างๆ สมาชิกบัตรฯ สามารถแบ่งชำระกับ KTC FLEXI 0% นานถึง 6 เดือน เดินทางได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 มีนาคม 2563 สอบถามรายละเอียดได้ที่ www.ktcworld.co.th เฟซบุ๊ค ktcworld หรือ KTC Line Official หรือติดต่อ KTC World Travel Service โทร. 0-2123-5050
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR