ภาคกลางตอนล่างของไทย เป็นพื้นที่ลุ่มแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ จึงเป็นบ้านเมืองถิ่นที่อยู่ของราษฎรมาแต่โบราณ และเป็นแหล่งอารยธรรมมากมายภายใต้กระแสความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ที่พัฒนาบ้านเมืองและผู้คนไปตามกาลเวลา ปทุมธานีเป็นจังหวัดหนึ่ง ที่มีความเป็นเมืองใหญ่ใกล้กรุงเทพฯที่มีการพัฒนาอย่างสูงทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเกษตร และอุตสาหกรรม แต่ก็ยังคงมีแหล่งอารยธรรมโบราณ ที่ยังคงได้รับการอนุรักษ์และบำรุงรักษาไว้ให้ได้ชมกัน ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำ 8 แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดปทุมธานี สำหรับเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับ เพื่อไม่ให้เสียเวลา เริ่มจุดแรกกันเลยดีกว่า
1. พิพิธภัณฑ์หินแปลก (พิกัด 14.0051800, 100.5638960)
เริ่มกันที่พิพิธภัณฑ์หินแปลกหนึ่งเดียวในประเทศไทย เป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนของคุณบรรยงค์ เลิศนิมิตร ซึ่งเก็บสะสมมามากกว่า 40 ปี หินส่วนใหญ่เป็นหินแปลกที่ผู้เขียนไม่เคยพบที่ไหนมาก่อนหินเหล่านี้มีความแปลกทั้งสีสัน รูปร่าง และพื้นผิว มีการตั้งชื่อตามจินตนาการ บ้างดูเหมือนก้อนสำลี บ้างก็เป็นหินฟอสซิลบ้างก็ก่อตัวขึ้นในถ้ำ บ้างก็เป็นก้อนแร่ผลึกสีสันต่างๆ นอกจากนี้ยังมีของสะสมโบราณอื่นๆ เช่น แสตมป์ ไฟแช็ก ที่เขี่ยบุหรี่หลากหลายรูปแบบ ภาพวาด-ภาพเขียนสีน้ำจากเมืองจีน กระดานหมากรุกจีน เครื่องทองเหลืองลงยา เครื่องเคลือบดินเผา เป็นต้น
พิพิธภัณฑ์หินแปลกแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ : 29/2 ม.1 ถนน รังสิต-ปทุม, ตำบล บ้านกลาง, อำเภอ เมืองปทุมธานี, จังหวัด ปทุมธานี
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 -17.00 น. มีค่าผ่านประตูสำหรับผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
2. ตลาดอิงน้ำสามโคก (พิกัด 14.0703250, 100.5247120)
มาต่อกันที่ตลาดอิงน้ำสามโคก แม้ตลาดแห่งนี้จะเป็นตลาดเล็กๆในชุมชน แต่ก็เป็นตลาดที่แฝงกลิ่นอายของวัฒนธรรมอาหารของท้องถิ่น มีของอร่อยชวนชิมอยู่มากมายอาทิเช่น ข้าวหลามมะพร้าวอ่อน ทอดมันคอมะพร้าว ขนมจีนซาวน้ำ หมูโสร่งออเจ้า ขนมปังนิ่มเนยสดโฮมเมด น้ำตาลสดแม่กลอง ก๋วยเตี๋ยวสูตรโบราณ หมูสะเต๊ะ กาแฟโบราณร้านคุณลุงชัยรัตน์ที่เปิดขายมากว่า 50 ปี
ตลาดอิงน้ำสามโคก
เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 9.00 -16.00 น.
3. ร้าน แม่น้ำ (พิกัด 14.02181, 100.53514)
มื้อกลางวัน แวะพักทานอาหารที่ร้าน แม่น้ำ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา หลังสำนักงานศึกษาธิการ ภาค 1 ปทุมธานี ร้าน แม่น้ำ เป็นร้านอาหาร บรรยากาศริมน้ำ ตกแต่งอย่างหรูหราย้อนยุค แบบผู้ดีรัตนโกสินทร์ มีทั้งที่นั่งในระเบียงริมน้ำ และในตัวอาคารมีโซนสำหรับเด็ก เมนูแนะนำคือ กุ้งแม่น้ำเผาราดน้ำจิ้ม ลาบปลาตะเพียน แกงรัญจวนปลาคัง แกงส้มกระเจี๊ยบ ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน อาหารรสชาติเข้มข้นถึงใจ ข้าวสวยคุณภาพดีมาก
4. เรือนแพขาว (พิกัด 14.0217, 100.53513)
อาคารเรือนแพขาวอยู่ติดกับร้านอาหารแม่น้ำ เรือนแพขาวเป็นบ้านโบราณที่ถือเป็นแลนด์มาร์คอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดปทุมธานี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อราว พ.ศ. ๒๔๖๐ ภายในมีพระบรมรูปของเสด็จพ่อ ร. ๕ ประดิษฐานอยู่ เรือนแพขาวเดิมเป็นจวนข้าหลวงที่ใช้รับรองแขก ลักษณะตัวอาคารเป็นเรือนไม้ทรงสี่เหลี่ยม ทาสีขาว มีชานระเบียงโล่งโปร่งรับลม หันออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 และพระอนุชา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมทุกข์สุขราษฎรจังหวัดนนทบุรี และปทุมธานี วันที่ 8 พฤษภาคม 2489
5. วัดโบสถ์ (พิกัด 14.1142450, 100.5400920)
เมื่ออิ่มหนำสำราญดีแล้ว ช่วงบ่ายถึงช่วงเวลาแห่งการเข้าวัดทำบุญ เราเดินทางกันไปที่วัดโบสถ์ ต.บางกระบือ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี วัดโบสถ์ สมัยก่อนจะมีอีกชื่อที่เรียกกันว่า วัดสร้อยนางหงส์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2164 โดยชาวมอญที่อพยพมาจาก เมืองหงสาวดี เดิมเป็นวัดเก่าโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา
วัดนี้มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มากมายหลายองค์ให้สักการะ ได้แก่
- หลวงพ่อเหลือ ถือเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง ของเมืองปทุมธานี เชื่อกันว่าหากได้มาสักการะท่านแล้วจะมีทรัพย์สินเหลือกินเหลือใช้
- สมเด็จพระพุฒาจารย์โตองค์ใหญ่ซึ่งมีความสูงถึง 28 เมตร
- พระสีวลี สาวกของพระพุทธเจ้าผู้เป็นเอตทัคคะในทางมีลาภมาก
- วิหารพระรามัญทรงเครื่อง (หลวงพ่อรามัญทรงเครื่อง)
- พระแสงอาญาสิทธิ์ ของเก่าแก่จากรามัญ
บรรยากาศภายในวัดสะอาดร่มรื่นและกว้างขวาง เต็มไปด้วยพุทธศาสนิกชนที่มีจิตศรัทธามาบูชา สักการะกันไม่ขาดสาย
6. วัดสิงห์ (พิกัด 14.0533510, 100.5406340)
มาต่อกันที่วัดสิงห์ วัดนี้เป็นวัดโบราณ ที่ยังคงอนุรักษ์ความเก่าโบราณแบบดั้งเดิมให้ได้ชมกันเกือบร้อยเปอร์เซนต์ หลวงพี่วัดนี้เล่าให้ฟังว่า บรรยากาศเก่าๆของวัดนี้ ทำให้ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครหลายต่อหลายเรื่อง เช่น หมอยาท่าฉลอม ของดาราหนุ่มมาริโอ้ เมาเร่อ พิศสวาทของคุณนุ่น วรนุช เป็นต้น
วัดสิงห์ เป็นวัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ตั้งแต่ปี 2210 ไฮไลท์ของวัดนี้อยู่ที่พระอุโบสถโบราณ โกศพญากราย และพระประธาน 5 องค์ ทีหันหน้าแตกต่างกันไปทั้ง 4 ทิศ และยังมีรอยพระพุทธบาทจำลองหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่เป็นไม้สัก พระที่สำคัญได้แก่หลวงพ่อเพชรและหลวงพ่อโต ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่ศาลาดิน ชาวบ้านนิยมบูชาด้วยมะพร้าวน้ำหอม เพราะขึ้นชื่อเรื่องความขลังศักดิ์สิทธิ์ ส่วนพระประธานอีก 3 องค์ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ 2 องค์และประดิษฐานอยู่ในวิหารน้อยอีก 1 องค์พระทั้ง 5 องค์เป็นพระเก่าตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในปัจจุบันวัดสิงห์ได้รับการบูรณะดูแลจากกรมศิลปากรโดยคงรูปแบบเดิมไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษา
วัดสิงห์ จะเปิดให้ทำการสักการะ รอยพระพุทธบาทจำลอง ปีละ 1 ครั้ง ในงานเทศกาลงานบุญเดือน 4 ซึ่งจัดในวันขึ้น 15 ค่ำของทุกปีตามหลักจันทรคติ ซึ่งในปี 2562 จะตรงกับวันที่ 20 มีนาคม โดยจะเปิดให้สักการะเป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม ถึงวันที่ 22 มีนาคม
7. เตาเผาโบราณ (พิกัด 14.054551, 100.540634)
ใกล้กับวัดสิงห์ เพียงข้ามถนนมาอีกฝั่ง ก็เป็นแหล่งเรียนรู้อารยะธรรมโบราณอีกแห่งหนึ่ง คือ เตาเผาโบราณสามโคก เป็นเตาเผาแบบชาวมอญขนาดใหญ่ ใช้สำหรับผลิตตุ่มสามโคกที่ชาวมอญเรียก "อีเลิ้ง" ซึ่งเป็นสินค้าหลักของชาวมอญที่ถูกบรรทุกใส่เรือไปขายยังที่ต่างๆ ตามคูคลอง จนกลายเป็นชื่อบ้านนามเมืองต่างๆ เช่น คลองโอ่งอ่าง และตลาดนางเลิ้ง เป็นต้น
8. กระท่อมลุงจรณ์ (พิกัด 14.0470190, 100.5310900)
ก่อนเดินทางกลับ มีสวรรค์ของคนรักแคคตัส คือ กระท่อมลุงจรณ์ สวนตะบองเพชร ขนาดใหญ่ กระท่อมลุงจรณ์ มีตะบองเพชรหลากหลายสายพันธุ์ หลากหลายรูปแบบและขนาด ตั้งแต่เล็กๆน่ารักไว้สำหรับตั้งบนโต๊ะทำงานจนถึงขนาดใหญ่ในกระถางสูงๆไว้ประดับบ้านก็มีในตัวสวนมีโรงเรือนร่มรื่นหลายหลัง หลังคามุงด้วยกระจกหนา แสงแดดส่องอ่อนๆทั่วทั้งบริเวณ บรรยากาศสดใสอบอุ่น ตะบองเพชรหลักๆมีอยู่ 3 สายพันธุ์หลักได้แก่ Astrophytum , Ariocarpus และ Caudiciform และยังมีสายพันธุ์ที่ผสมเองอีกมากมาย ตัวสวนดำเนินการเพาะพันธ์มากว่า 60 ปี แต่พึ่งเปิดให้เข้าชมเมื่อ 25 ปีที่แล้ว หากใครสนใจได้ตะบองเพชรกลับบ้านไปเป็นของฝากหรือไปเลี้ยงไว้สักต้นสามารถตามพิกัดไปได้เลย
กระท่อมลุงจรณ์ เปิดให้ชมเกือบทุกวัน หยุดเฉพาะวันพุธ ก่อนเข้าชมควรติดต่อล่วงหน้าที่เบอร์ 086-525-6874
สำหรับทริปนี้ หากออกเดินทางจากกรุงเทพฯตอนสายๆ ประมาณ 7-8 โมงเช้า จะมีเวลาเที่ยวชมแต่ละที่ได้แบบชิลด์ๆ สโลว์ไลฟ์ ไม่ต้องรีบ จุดละประมาณ 1 ชั่วโมง ยกเว้น เรือนแพขาว และเตาเผาโบราณ ซึ่งมีพื้นที่ไม่มากนัก กลับถึงกรุงเทพฯช่วงหัวค่ำ พักผ่อนได้เต็มที่สำหรับวันต่อไป ขอให้เที่ยวให้สนุกและเดินทางโดยสวัสดิภาพ