xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยวนครศรีดี๊ดี ปั่นสนุก กินอร่อย จาก“ไอ้ไข่”ไป“คีรีวง”/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
สัมผัสมนต์เสน่ห์ของเมืองนครศรี เปิดมุมมองใหม่ ไปกับการปั่นจักรยาน
“นครสองธรรม”

เป็นฉายาของจังหวัด“นครศรีธรรมราช” จากโครงการ “เมืองต้องห้าม...พลาด” ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ที่ฉายให้เห็นถึงความโดดเด่นในเรื่องของ“ธรรมะ”และ“ธรรมชาติ”ของจังหวัดนี้ออกมาอย่างเด่นชัด

นอกจากนี้จังหวัดนครศรีธรรมราชยังมีสโลแกนชวนเที่ยวฟังติดหูว่า “นครศรีดี๊ดี” ซึ่งเมืองนี้มีนอกจากจะมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอันหลากหลาย นับจากภูเขาจรดทะเลแล้ว ยังเป็นที่ประดิษฐานของ“พระบรมธาตุเมืองนคร” สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญแห่งดินแดนด้ามขวาน ที่หากใครมาเยือนเมืองนครศรีฯแล้ว ไม่ควรพลาดการไปกราบสักการะด้วยประการทั้งปวง
เส้นทางปั่นใกล้ชิดธรรมชาติ จากตัวเมืแองนครศรีสู่คีรีวง
ด้วยความโดดเด่นทั้งในเรื่องของความเป็นนครสองธรรม และความน่าสนใจของสถานที่ท่องเที่ยว ทางบริษัท “Octo Cycling” จึงได้เลือกนครศรีธรรมราช ให้เป็นหนึ่งในเส้นทาง“ปั่นเลาะทั่วไทย” พานักปั่นผู้สนใจจากทั่วทิศล่องใต้ไปปั่นจักรยานเที่ยวเมืองนครศรีดี๊ดี(ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน) กับเส้นทาง(คัดสรร)ที่จะพาเหล่านักปั่น ตะลุยซอกแซกไปสัมผัสเมืองนครศรีในมุมมองที่แตกต่าง ควบคู่กับการแวะกินอาหารอร่อยๆในระหว่างทาง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมปั่นสนุก กินอร่อย หรอยแรง แห่งนครสองธรรม ที่น่าสนใจไม่น้อย

วันที่ 1 ไอ้ไข่-ท่าศาลา

หลังชาวคณะนักปั่นเดินทางมาถึงยังจังหวัดนครศรีธรรมราชในช่วงเช้าตรู่ของวันแรก พวกเราเปิดประเดิมมื้อแรก(มื้อเช้า)ของวันกันที่ร้าน “หนมจีนครูพร”(ถ.นคร-สุราษฎร์ 401 บ.ชมเล ต.กลาย อ.ท่าศาลา) หรือร้าน“ศาลาคาเฟ่เดิม” ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากจุดตั้งต้นการออกปั่น
ขนมจีนน้ำยาปูนิ่ม เมนูแนะนำร้านหนมจีนครูพร
ร้านหนมจีนครูพร ขึ้นชื่อในเรื่องขนมจีนเส้นสด น้ำยาปูนิ่ม และเป็นร้านที่ปลอดผงชูรส ที่นี่ผมถือคติกองทัพต้องเดินด้วยท้อง เลยจัดชุดใหญ่ไฟไม่กระพริบกับขนมจีนน้ำยาปูนิ่ม พร้อมกับเมนูแนะนำอื่นๆของทางร้าน อย่างขนมจีนน้ำยาปลา แกงไตปลา ลูกชิ้นปลาลวก และไก่ทอดรสเด็ด ตุนเติมพลังกันอย่างเต็มที่

ต่อจากนั้นพวกเรามุ่งหน้าสู่“วัดเจดีย์(ไอ้ไข่)” (ต.ฉลอง อ.สิชล) เพื่อสักการะ“ไอ้ไข่”เอาฤกษ์เอาชัยกันก่อนออกปั่นในวันแรกจาก อ.สิชล สู่ อ.ท่าศาลา มีระยะทางประมาณ 40 กม.
สักการะไอ้ไข่ ขอได้-ไหว้รับ
ไอ้ไข่เป็นหนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชื่อดังของจังหวัดนครศรีธรรมราช(บางคนเรียกว่า “ตาไข่” แทนคำว่า “ไอ้” เพื่อแสดงความเคารพ) เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณเด็กศักดิ์สิทธิ์แห่งวัดเจดีย์(ลูกศิษย์วัดเจดีย์) ที่สามารถมากราบไหว้ขอพรจากท่านได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ขอเรื่องโชคลาภ ขอให้ร่ำให้รวย ขอให้ค้าขายได้กำไรดีเงินทองไหลมาเทมา ฯลฯ จนมีคนตั้งฉายาให้ว่า “ไอ้ไข่ ขอได้-ไหว้รับ”

แต่ละวันจะมีผู้คนหลั่งไหลกันมากราบไหว้ขอพรไอ้ไข่กันไม่ได้ขาด ใครที่ขอพรประสบความสำเร็จสมหวัง ก็จะนำสิ่งของต่างๆหลากหลายมาแก้บนกันตามความเชื่อ ไม่ว่าจะเป็น ชุดเสื้อผ้าของเด็ก ชุดทหารของเด็ก ตุ๊กตาทหาร ขนม น้ำแดง ไข่ต้ม รวมไปถึงการแก้บนด้วยการจุดประทัดแก้บนในบริเวณด้านข้างรูปเคารพไอ้ไข่ ซึ่งชื่อเสียงความศักดิ์สิทธิ์อันโด่งดังของไอ้ไข่นั้น วัดได้จากปริมาณปลอกกระดาษและซากประทัดของผู้มาจุดแก้บนที่มีจำนวนมหาศาลจนกองสูงเป็นภูเขาประทัดเลยทีเดียว
ภูเขาประทัด จากซาก ปลอกประทัดแก้บนไอ้ไข่ วัดเจดีย์
ขณะที่อีกหนึ่งสิ่งที่คนนิยมนำมาแก้บนที่นี่กันเป็นจำนวนมากก็คือรูปปั้น“ไก่ชน”(เชื่อว่าไอ้ไข่ท่านชอบเลี้ยงไก่) ที่มีหลากหลายขนาดตั้งแต่ตัวเล็ก กลาง ย่อม ใหญ่ ไปจนถึงไซส์ยักษ์ ตัวสูงใหญ่สูงถึง 2 เมตรกว่าๆเลยทีเดียว

ที่วัดเจดีย์หลังชาวคณะนักปั่นสักการะกราบไหว้ขอพรไอ้ไข่กันเป็นที่เรียบร้อย พวกเราก็ตรวจเช็คจักรยานอีกครั้ง ก่อนตั้งขบวนแล้วออกสตาร์ทตั้งต้นปั่นออกจากลานจอดรถวัดเจดีย์ ค่อยๆทยอยปั่นตามกันไปเป็นขบวน
เส้นทางปั่นช่วงแรก ออกจากวัดเจดีย์ผ่านถนนสาย(รูปปั้น)ไก่ชน
ระหว่างทางช่วงแรกที่ปั่นออกจากวัดไอ้ไข่ จะพบเจอกับรูปปั้นหุ่นไก่ชนยักษ์ประดับอยู่ 2 ข้างทางจำนวนมาก ให้เราได้ตื่นตาตื่นใจกันกับเอกลักษณ์ของถนนสาย(รูปปั้น)ไก่ชนแห่งนี้

หลังจากนั้นทีมสตาฟจาก Octo Cycling พาคณะเราปั่นเข้าสู่ถนนรอง เส้นทางชนบท และซอกแซกเข้าสู่ถนนหมู่บ้านที่มีรถยนต์วิ่งกันน้อยมาก พวกเราจึงปั่นกันสบาย
เส้นทางปั่นเลา่ะเลียบริมหาด สิชล-ท่าศาลา
สำหรับเส้นทางช่วงนี้เป็นเส้นทางราบเลาะเลียบทะเล จาก อ.สิชล มุ่งหน้าเข้าสู่ อ.ท่าศาลา ระหว่างทางมีบรรยากาศร่มรื่นของทิวมะพร้าว สวนปาล์ม สวนยาง ก่อนจะมาถึงยังหาดสนอ่อน เพื่อแวะพักกินข้าวกลางวันกันที่“ธนาดลบีชรีสอร์ท” ที่พักริมทะเล(หาดสนอ่อน) ที่นอกจากจะมีวิวสวยงามแล้ว ที่นี่ยังมีอาหารรสเด็ดให้บริการ
หาดสนอ่อน ทะเลสงบสะอาด(หน้า ธนาดลบีชรีสอร์ท)
เสร็จจากมื้ออันอิ่มหนำ ก่อนที่หนังท้องจะตึง หนังตาจะหย่อน พวกเราปั่นกันต่อในช่วงครึ่งบ่ายของวันแรกอีกประมาณ 20 กม. จากหาดสนอ่อนสู่หาดท่าศาลา ไปตามเส้นทางเลาะเลียบชายหาดที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามชวนเพลิดเพลิน ก่อนจะมาถึงยัง “โรงแรม พูลสุข รีสอร์ท” ที่พักสงบๆบรรยากาศดีริมทะเลหาดท่าศาลา

มื้อค่ำนี้ที่รีสอร์ทเราจัดเต็มกับซีฟู้ดรสเด็ดสดๆใหม่ๆ ซึ่งชาวคณะเราบางส่วนนั่งรถเข้าไปเลือกซื้ออาหารทะเลสดๆในตลาดมาให้แม่ครัวที่รีสอร์ททำ นำโดย ปูม้านึ่งรสหวานเนื้อแน่น(และไข่เพียบ) กุ้งผัดสะตอ แกงส้มปลากะพง(แกงเหลือง) และอาหารอีกหลากหลาย
อาหารมื้อเย็ฯวันแรก จัดเต็มกับซีฟู้ดสดใหม่
ถือเป็นการปิดท้ายการปั่นวันแรกได้อย่างอิ่มหมีพลีมันกันไม่น้อยเลย

วันที่ 2 ท่าศาลา-นครศรีฯ-คีรีวง

สำหรับโปรแกรมปั่นในวันที่ 2 นี้ เป็นการปั่นแบบจัดเต็มมีระยะทางประมาณ 70 กม. จาก อ.ท่าศาลา ปั่นลงใต้ ไปไหว้พระบรมธาตุเมืองนคร ในตัว อ.เมืองนครศรีฯ ก่อนออกปั่นต่อในช่วงบ่ายสู่ อ.ลานสกา เพื่อพิชิตจุดหมาย“หมู่บ้านคีรีวง” แหล่งท่องเที่ยวชุมชนชื่อดังแห่งยุคสมัยของจังหวัดนครศรีฯ
เส้นทางปั่นผ่านทิวมะพร้าวจากท่าศาลาสู่ตัวเมืองนครศรีฯ
ดังนั้นหลังอิ่มอร่อยจากข้าวต้มมื้อเช้า พวกเราจึงไม่รีรอออกสตาร์ทการปั่นที่วัน 2 กันต่อจาก โรงแรม พูลสุขฯ มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองนครศรีฯ

โดยเส้นทางปั่นของช่วงครึ่งเช้าวันที่ 2 นี้ นอกจากจะสวยงามทรงเสน่ห์แล้ว ยังอุดมไปด้วยบรรยากาศอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เส้นทางเลาะชายหาด เลาะเลียบทะเล ผ่านหมู่บ้านชาวประมง หมู่บ้านชนบทที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำการเกษตรเป็นหลัก ผ่านไร่มะพร้าวผืนใหญ่ เห็นชาวบ้านหลายคน บ้างเผาถ่าน บ้างเลี้ยงวัวควายแพะ(มุสลิม) บ้างกำลังง่วนกับการปลอกมะพร้าวเตรียมส่งขาย

รวมถึงชาวบ้านกลุ่มใหญ่ของหมู่บ้านหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับการแข่งนกเขา-นกกรงหัวจุกดูสนุกเพลิดเพลิน
วิถีชาวใต้กับการแข่งขันนกเขา นกกรงหัวจุก ที่พบเจอในระหว่างทาง
ขณะที่วิถีของเด็กนักเรียนในชนบทนั้น คุณครูได้พาพวกเขาออกเดินทัศนศึกษาผ่านดงมะพร้าว เลาะเลียบทะเล ที่บรรยากาศแบบนี้ไม่สามารถหาชมได้ในเมืองใหญ่

เห็นแล้วชวนให้ผมอดคิดย้อนรำลึกวัยเยากับบรรยากาศต่างจังหวัดชนบท ซึ่งผมก็เป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่เข้ามาใช้ชีวิตในเมืองหลวงอยู่ยาวนาน จนวิถีที่แก่งแย่งวุ่นวายของป่าคอนกรีตมันทำให้ผม ต้องหลบไปท่องเที่ยวพักกาย พักใจ ในต่างจังหวัดอยู่บ่อยครั้ง
เด็กๆออกเดินทัศนศึกษาริมทะเล
สำหรับการมาปั่นจักรยานเที่ยวเมืองนครศรีดี๊ดีครั้งนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งการหนีกรุง มาปรุงฝัน ผ่านการปั่นจักรยาน 2 ล้อ ที่แม้จะเป็นรูปแบบของการท่องเที่ยวที่ต้องใช้กำลังกายและพลังงานแบบเหนื่อยพอดู แต่ว่ามันก็สนุกเพลิดเพลิน และช่วยอารมณ์ถวิลหาชนบท อยากมีบ้านนอกเป็นของตัวเองได้ไม่น้อย

จากเส้นทางชนบท เราปั่นกันเพลินๆเรื่อยมาจนเข้าสู่เขตตัวเมืองนครศรีฯ ในช่วงราวๆเที่ยงวัน ซึ่งก็ได้เวลาอาหารกลางวันวันนี้ที่ร้าน“ตังเกี๋ย แต่เตี้ยม” หนึ่งในร้านติ่มซำเก่าแก่ชื่อดังของเมืองนครศรีฯ
เปลี่ยนบรรยากาศมากินติ่มซำมื้อเที่ยงที่ร้าน ตังเกี๋ย แต่เตี้ยม
ติ่มซำที่นี่เขาจะเน้นในเรื่องความสดใหม่ เมื่อลูกค้าพอใจเข่งไหน เลือกสั่งแล้ว เขาก็จะนึ่งสดๆ เสิร์ฟมาให้หม่ำกันอย่างจุใจใหม่ๆร้อนๆ ไม่ว่าจะเป็น ขนมจีบ ซาลาเปา(มีซาลาเปาไส้ลาวา(ไส้เยิ้มๆ)รสเด็ดด้วย) ฮะเก๋า ซี่โครงหมูเต้าซี เผือกทอด ห้อยจ้อ แฮ่กึ๊น เต้าหู้ปลา และอีกสารพัด ขณะที่เมนูอาหารจานเดียวนั้นก็มี โจ๊ก บะกุ๊ดเต๋ บะหมี่ ข้าวยำ ให้เลือกอิ่มอร่อยกัน

ปกติผมมักจะกินอาหารประเภทในช่วงมื้อเช้า แต่วันนี้เปลี่ยนบรรยากาศมากินติ่มซำมื้อเที่ยง ที่ก็ให้บรรยากาศแปลกแตกต่างไปอีกแบบ
ปั่นเข้าตัวเมืองนครศรี แวะสักการะพระบรมธาตุเมืองนคร
หลังจัดเต็ม(อีกมื้อ)กับติ่มซำที่จัดเสิร์ฟมาเต็มโต๊ะ พวกเราปั่นเบาๆเลาะชมเมืองนครผ่านกำแพงเมืองเก่า สวนศรีธรรมโศก ผ่านถนนราชดำเนิน ก่อนจะไปจอดที่หน้า “วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร”(ถ.ราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง) เพื่อแวะเข้าไปกราบสักการะองค์ “พระบรมธาตุเมืองนคร”สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญคู่บ้านคู่เมืองนครที่ชื่อเสียงความศักดิ์สิทธิ์เลื่องระบือไกลไปถึงในต่างประเทศ

พระบรมธาตุเมืองนคร หรือ “พระมหาธาตุเมืองนคร” หรือ “พระบรมธาตุเจดีย์” ภายในบรรจุพระทันตธาตุ(ส่วนฟันของพระพุทธเจ้า)ได้รับการเรียกขานว่าเป็น “พระธาตุทองคำ” เนื่องจากปลียอดหุ้มด้วยทองคำเหลืองอร่าม

ขณะที่ยามแสงแดดตกต้ององค์พระธาตุ เหลื่อมเงากลับทาบทอดไม่ถึงพื้น จนดูเหมือนพระธาตุไม่มีเงา จึงทำให้ได้รับการเรียกขานว่าเป็น“พระธาตุไร้เงา”อีกฉายาหนึ่ง
องค์พระบรมธาตุเมืองนคร วัดพระมหาธาตุฯ วันนี้กำลังบูรณะซ่อมแซม
วันนี้องค์พระธาตุกำลังอยู่ในการบูรณะซ่อมแซม และก็กำลังอยู่ในกระบวนการ(ขอ)ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ซึ่งผมก็ได้แต่ลุ้นให้วัดพระมหาธาตุและองค์พระบรมธาตุเมืองนครได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกโดยไว

หลังอิ่มบุญสุขใจจากการไหว้พระบรมธาตุเมืองนคร คณะเราปั่นต่อไปอีกหน่อยตาม ถ.ราชดำเนิน เพื่อแวะพักเที่ยวและถ่ายรูปกันที่ “บ้านท่านขุนรัฐวุฒิวิจารณ์” อาคาร(เรือนปั้นหยา)เก่าแก่ที่งดงามไปด้วยงานสถาปัตยกรรมทักษิณผสมตะวันตก
แวะเที่ยว-ถ่ายรูปที่บ้านท่านขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ ชมอาคารหลังงามเก่าแก่
ต่อจากนั้นคณะเราปั่นออกนอกเมือง(อ.เมืองนครศรีฯ)ยาวไปสู่ อ.ลานสกา มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านคีรีวง ซึ่งมีเส้นทางช่วงหนึ่งเราปั่นผ่านถนนกรวดเลียบคลองชลประทานที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามน่ายล โดยเฉพาะวิวของ “เทือกเขาหลวง”ที่ทอดตัวตระหง่านเงื้อมอยู่เบื้องหน้า ซึ่งถือเป็นข่าวดี(ของผม)ว่า อีกไม่นานเราก็จะถึงยังหมู่บ้านคีรีวงแล้ว
ช่วงปั่นผ่านถนนกรวดเลียบคลองชลประทานสู่หมู่บ้านคีรีวง
สำหรับเส้นทางช่วงสุดท้ายของวันเราออกแรงเพิ่มกันอีกนิด ปั่นขึ้นเนิน ลงเนิน(หลายๆเนิน) ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าสู่หมู่บ้านคีรีวง หมู่บ้านวิวงามท่ามกลางขุนเขาแวดล้อม ที่ปัจจุบันเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวชุมชนเลื่องชื่อของเมืองไทย
ปั่นขึ้นเนิน-ลงเนิน ก่อนถึงยังหมู่บ้านคีรีวง
หมู่บ้านคีรีวง(ต.กำโลน อ.ลานสกา) เป็นชุมชนเก่าแก่เชิงเขาหลวง (ในอดีต)ที่นี่เป็นชุมชนเกษตรที่ชาวบ้านดำรงวิถีเรียบง่ายสงบงาม (เดิม)ชาวบ้านที่นี่มีอาชีพหลักคือการทำสวนผลไม้แบบสวนผสม(สวนสมรม) ปลูกพืชผลหลากหลายในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นเงาะ ทุเรียน สะตอ และมังคุด(คีรีวงมี“มังคุดเขา”รสอร่อยลูกโตเท่าฝ่ามือ(3-4 ลูก/1 กก.) เป็นผลไม้ขึ้นชื่อของชุมชน)

กระทั่งเมื่อราวๆ 20 กว่าปีมานี้ หมู่บ้านคีรีวงได้ค่อยๆเดินหน้าพัฒนาสู่ชุมชนท่องเที่ยว ซึ่ง(เคย)มีความโดดเด่นในเรื่องวิถีชุมชนที่เข้มแข็ง อีกทั้งยังมีการบริหารจัดการที่ดี จนสามารถคว้ารางวัล“รางวัลกินรี” ประจำปี 2541 จาก ททท. มาครองได้
บรรยากาศ สะพาน ธารน้ำ ขุนเขา ที่หมู่บ้านคีรีวง
นอกจากนี้ หมู่บ้านคีรีวงยังได้ชื่อว่า(เคย)เป็นสถานที่ที่มีอากาศดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย โดยจากการสำรวจในปี 2552 พบว่า คุณภาพอากาศบริสุทธิ์ของบ้านคีรีวงนั้นสูงเกินกว่าค่ามาตรฐานถึง 100 เท่า ทำให้คีรีวงมีเครดิตในเรื่องของหมู่บ้าน(เคย)อากาศดีที่สุดในเมืองไทยติดตัวมาจนทุกวันนี้

ปัจจุบันหมู่บ้านคีรีวงได้ปรับเปลี่ยนจากชุมชนสงบงามเชิงเขาหลวงเข้าสู่ชุมชนท่องเที่ยว(ที่กำลังโตวันโตคืน) ซึ่งชาวบ้านที่นี่ส่วนหนึ่งได้ปรับเปลี่ยนวิถีมาสู่ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวมากขึ้น
ประติมากรรมปลาตัวยักษ์ แลนด์มาร์กใหม่ริมลำธารคลองท่าดีที่คีรีวง
ขณะที่ลักษณะทางกายภาพของหมู่บ้านก็ได้มีการปรับเปลี่ยน มีการสร้างที่พัก โฮมสเตย์ เกสต์เฮ้าส์ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ รวมถึงมีการสร้างสิ่งอะไรต่อมีอะไรต่างๆเพิ่มเติมขึ้นอีกหลากหลาย บางสิ่งที่สร้างก็ดูดีช่วยส่งเสริมพื้นที่ แต่บางสิ่งที่สร้างก็ดูประดักประเดิดก่อเกิดเป็นทัศนอุจาด(ทำลายทัศนียภาพ) ซึ่งชาวชุมชนและผู้เกี่ยวข้องคงจะต้องพิจารณาปรับปรุงพัฒนากันต่อไป

หมู่บ้านคีรีวง มี“คลองท่าดี” เป็นลำน้ำหลักไหลผ่านกลางหมู่บ้าน มี “สะพานบ้านคีรีวง คลองท่าดี” สะพานสายเล็กๆสั้นๆ ที่สร้างทอดผ่านลำน้ำคลองท่าดีนั้น ถือเป็นหนึ่งในจุดที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม เมื่อมองทอดสายตาไปตามลำน้ำที่สวยใสไหลเย็น จะเห็นเทือกขุนเขาหลวงทอดตัวเด่นเป็นสง่า พร้อมทั้งความเขียวขจีของผืนป่าต้นน้ำ
คลองท่าดีลำน้ำหลักแห่งคีรีวง
วันนี้แม้หมู่บ้านคีรีวงจะเปลี่ยนแปลงไป(ไม่มากก็น้อย)ตามสึนามิของการท่องเที่ยวที่ถาโถม แต่ภาพความงามของธรรมชาติเหล่านี้ยังคงอยู่ ให้นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนได้ทัศนาในความงามกัน

โดยเฉพาะภาพความงามของคลองท่าดี และเทือกเขาหลวงในยามเช้าหรือในยามฟ้าหลังฝนที่มักจะมีสายหมอกขาวโพลน(จากความสมบูรณ์ของป่าเขา)ลอยอ้อยอิ่งปกคลุมเหนือยอดเขา
สะพานบ้านคีรีวงฯ จุดถ่ายรูปสำคัญแห่งคีรีวง
ส่งผลบริเวณสะพานบ้านคีรีวงฯ กลายเป็นจุดถ่ายรูปมุมมหาชนยอดฮิตแห่งหมู่บ้านคีรีวง ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เมื่อมาเยือนคีรีวงมักจะไม่พลาดการโพสต์ท่าถ่ายรูป เช็คอินกันบนสะพานแห่งนี้

วันนั้นผมกับชาวคณะปั่นมาถึงคีรีวงในช่วงเย็นๆ ซึ่งหลังจากไปแวะถ่ายรูปบนสะพานบ้านคีรีวงฯแล้ว ก็จูงจักรยานไปเดินเที่ยวถนนคนเดินริมคลองคีรีวงกันต่อ หาขนม ผลไม้ ของกินพื้นถิ่นกินเป็นออร์เดิร์ฟ ในบรรยากาศแบบบ้านๆ เรียบง่ายแต่น่าเดิน(เปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ บริเวณตลาดริมคลองหมู่บ้านคีรีวง ช่วงประมาณ 3 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม) ก่อนจะไปอิ่มอร่อยกันที่ร้าน“ภูงาม น้ำสวย”ที่มีความโดดเด่นในเรื่องอาหารพื้นบ้านรสจัดจ้าน(ประเภทเผ็ดแต่อร่อย) ส่งท้ายค่ำคืนของวันที่ 2 ท่ามกลางธรรมชาติของป่าเขาแห่งคีรีวง
ถนนคนเดินยามเย็น
วันที่ 3 คีรีวง-นครศรี

มาถึงวันสุดท้ายของกิจกรรมปั่นเที่ยวเมืองนครศรีดี๊ดี หลังเติมพลังเบาๆด้วยโจ๊ก ข้าวต้ม ชากาแฟ ปาท่องโก๋(เก็บท้องไว้จัดหนักกับขนมจีนในมื้อสาย) พวกเราก็ออกปั่นเที่ยวหมู่บ้านคีรีวงยามเช้า สูดอากาศอันสดชื่น เลาะเลียบลำคลองท่าดี ขึ้นไปจนถึงบริเวณสะพานแขวนที่เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวถ่ายรูปยอดนิยมของที่นี่
สะพานแขวนแห่งคีรีวง
ต่อจากนั้นคณะเราก็อำลาหมู่บ้านคีรีวงปั่นกลับสู่ตัวเมืองนครศรีฯ โดยเราใช้เส้นทางปั่นกลับคนละทางกับเส้นทางปั่นขามาของเมื่อวาน มีระยะทางประมาณ 50 กม.

จากหมู่บ้านคีรีวงปั่นมาได้ไม่นาน เมื่อผ่านอุโมงค์ต้นยางอันสวยงามแล้ว ผู้นำปั่นของเราก็พามาแวะที่ “ร้านขนมจีนป้าเขียว” (ตั้งอยู่ทางเข้าวัดดินดอน ต.ท่าดี อ.ลานสกา) หรือ “ร้านบ้านป้าเขียว” หรือ “หนมจีนต้นกล้วย”เพราะมีโต๊ะนั่งบางมุมตั้งอยู่ในดงกล้วยให้อิ่มอร่อยร่มเงาใบตองกัน
อร่อยใต้ต้นกล้วยที่ร้านขนมจีนป้าเขียว
ร้านขนมจีนป้าเขียว เป็นร้านขนมจีนในบรรยากาศบ้านๆ มีความโดดเด่นเรื่องขนมจีนเส้นสด น้ำยาบุฟเฟต์ คือน้ำยากะทิ น้ำยาป่า น้ำพริก แกงไตปลา สามารถตักเติมได้ไม่อั้น รวมไปถึงผักแกล้มสารพัดสารพันที่มีให้ตักแบบบุฟเฟต์กันเพียบไปหมด

นอกจากนี้ที่นี่ยังมีขนมหวาน ไก่ทอด และของกินหลากหลายให้เลือกกิน ซึ่งด้วยรสชาติอร่อยเด็ดของขนมจีนนั้น ทำให้ในแต่ละวัน ทั้งคนนครศรีฯ คนนอกพื้นที่ และนักท่องเที่ยวจะเดินทางมากินขนมจีนที่ร้านป้าเขียวกันเพียบ
ไข่เจียวปูร้านโกเตง จัดใส่เนื้อปูมาแบบเนื้อๆเน้นๆ
สำหรับมื้อนี้(มื้อสาย)ผมจัดหนักอีกครั้ง ก่อนจะปั่นยาวมุ่งหน้ากลับคืนสู่ตัวเมืองนครศรีฯ ไปปิดทริปด้วยการกินอีกครั้งที่ “ร้านโกเตง”(ต.บางจาก อ.เมืองนครศรีฯ) อีกหนึ่งร้านอาหารชื่อดังของเมืองนครศรีฯ ที่มีบุคคลมีชื่อเสียงหลากหลายแวะเวียนมากินอาหารที่ร้านนี้กันอยู่บ่อยๆ

โกเตง เป็นร้านอาหารที่ขึ้นชื่อในเรื่องของซีฟู้ดสดใหม่ คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ สำหรับเมนูเด่นๆของที่นี่ก็อย่างเช่น กุ้งกระเทียม, ปลาเต๋าเต้ยนึ่งบ๊วย, ปูผัดผงกะหรี่, ราดหน้าทะเล และไข่เจียวปู ที่ผมขอเรียกว่าเนื้อปูเจียวใส่ไข่เจียวมากกว่า เพราะทางร้านจัดใส่ปูลงในเนื้อไข่(เจียว)กันแบบจัดเต็ม กินอร่อยลิ้นเพลินปาก
กิจกรรมปั่นสนุก กินอร่อย หรอยแรง แห่งนครสองธรรม
และนี่ก็เป็นการจัดหนักปิดทริป เที่ยวนครศรีดี๊ดี ปั่นสนุก กินอร่อย หรอยอย่างแรง ที่นอกจากจะเป็นหนึ่งในการสัมผัสเมืองนครศรีฯในมุมมองที่แตกต่างแล้ว นี่ยังเป็นทริปปั่นกินตัว(แทบ)แตก ที่ตลอดการปั่น 3 วัน 2 คืน นี่เป็นการออกกำลังกายที่แปลกพิสดารมาก

เพราะนอกจากน้ำหนักตัวผมจะไม่ลดแล้ว ยังเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก
ภาพความทรงจำของเหล่านักปั่่นที่หมู่บ้านคีรีวง
....................................................................................................
Octo Cycling เป็นบริษัทที่มุ่งเชิญชวนผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานออกไปผจญโลกกว้างด้วยการปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสกับสถานที่ต่างๆ ทั้งใน กทม. ในเมืองไทย อาเซียน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรป เป็นต้น ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2181-2088 หรือที่ www. Octocycling.com หรือ www.facebook.com/octocycling


กำลังโหลดความคิดเห็น