"เมืองลับแล" หรือ อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ ที่มีตำนานเล่าขานว่าเป็น “เมืองที่ห้ามพูดโกหก” ทุกวันนี้ต้องเพิ่มฉายาให้เป็น "เมืองสารพัดของกิน" เพราะที่นี่มีทั้ง “ภูเขากินได้” และ “ถนนกินได้”ไปทางไหนก็ไม่มีอด
สำหรับตำนานของการเป็น “เมืองที่ห้ามพูดโกหก” เล่ากันว่า ชาวเมืองลับแลเป็นผู้เคร่งครัดในการรักษาศีล 5 เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในข้อของการไม่พูดโกหก หากใครที่โกหกจะต้องถูกขับออกจากเมือง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีผู้ชายถูกขับออกไปแล้วไม่น้อย วันหนึ่ง เมื่อพรานหนุ่มจากเมืองทุ่งยั้งมาหลงรักและอยู่กินกับสาวลับแลจนมีลูกด้วยกันในเมืองแห่งนี้ ก็ต้องปฏิบัติตนอย่างดี ไม่พูดโกหก แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อลูกร้องไห้ กลับเผลอโกหกออกไปว่า “หยุดร้องนะ แม่มาแล้ว” เพื่อหวังปลอบให้ลูกหยุดร้อง ทั้งที่หญิงลับแลผู้นั้นยังไม่ได้กลับมา แม่ยายพอได้ยินเข้าจึงต้องขับหนุ่มทุ่งยั้งผู้นี้ออกจากเมืองตามกฏ ภรรยาของเขาเสียใจมากแต่ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ส่งย่ามใบหนึ่งให้แล้วกำชับว่าอย่าเพิ่งเปิดจนกว่าจะถึงบ้าน
แต่ระหว่างการเดินทางนั้นเหน็ดเหนื่อย บวกกับความสงสัยในสิ่งที่มีน้ำหนักในย่ามจึงเปิดออกดูเห็นเป็นแง่งขมิ้น จึงแอบทิ้งไปตามทางทีละอันสองอัน จนเหลือถึงบ้านแค่อันเดียว พอเปิดดูในย่ามอีกครั้ง แง่งขมิ้นนั้นกลับกลายเป็นทอง แม้จะนึกเสียดายออกไปตามหาแง่งขมิ้นที่ทิ้งไประหว่างทางขนาดไหนก็หาไม่เจออีก ทั้งยังหาทางกลับไปเมืองลับแลไม่ได้อีกด้วย ดังนั้น นอกจากจะเป็น “เมืองห้ามพูดโกหก” แล้ว ลับแลยังมีชื่ออื่นอีกว่า “เมืองลึกลับ” และ “เมืองแม่หม้าย”
ส่วนที่มาของ “ภูเขากินได้” ในปัจจุบันก็เนื่องจากลับแลเป็นเมืองที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาสูงใหญ่มีต้นไม้อุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่ราบน้อย การเพาะปลูกจึงต้องขึ้นไปทำบนเขา ซึ่งส่วนใหญ่ชาวบ้านจะปลูกผลไม้ ไม่ว่าจะเป็นทุเรียนหลง-หลินลับแล ลองกอง ลางสาด ฯลฯ ส่วนรอบรั้วบ้านของชาวลับแลจะถูกใช้เป็นแปลงทดลองปลูก จากนั้นค่อยนำผลไม้ขึ้นไปปลูกจริงบนภูเขา ทำให้ภูเขาน้อยใหญ่รอบๆ บ้านกลายเป็นแหล่งปลูกผลไม้ขึ้นชื่อของอุตรดิตถ์ เมื่อมองไปรอบๆ ที่ภูเขาแต่ละลูกก็จะเต็มไปด้วยผลไม้นานาชนิด เป็น “ภูเขากินได้” ทั้งสิ้น
นอกจากภูเขากินได้แล้ว ก็ยังมี "ถนนกินได้" โดยเฉพาะบนถนนราษฎร์อุทิศในตัวอำเภอลับแลที่เต็มไปด้วยอาหารให้กินจนพุงกาง ร้านค้า-ร้านอาหารต่างๆถูกเปิดโดยชาวบ้านที่บริเวณด้านหน้าของบ้านตนเองเป็นส่วนใหญ่ ขับรถไปตลอดทางก็มีให้กินตลอดทาง จึงถูกเรียกว่าเป็น “ถนนกินได้” โดยของกินที่ห้ามพลาดโดยเด็ดขาดเมืองมาเยือนอุตรดิตถ์แล้วก็คือ ของทอด, หมี่พัน, ข้าวแคบ, ข้าวพันผัก, ทุเรียนหลง-หลินลับแล และไอศกรีมทุเรียน ซึ่งมีกินกันฟินๆ ทั้งเมืองในช่วงนี้
ร้านแรกที่จะแวะกินเป็นของว่างก็ได้ กินเล่นก็ดี หรือจะกินเป็นมื้อหลักก็อร่อยคือที่ร้าน “เจ๊นีย์ของทอดลับแล” ซึ่งเปิดมากว่า 40 ปี ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ถนนราษฎร์อุทิศ ซอย1 (ซอยลับแลสำราญ) ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล ที่นี่มีเมนูกระบองทอด ทำจากหน่อไม้ยัดไส้หมูสับแล้วนำไปชุบแป้งทอด กรอบนอกนุ่มใน อีกหลายเมนูน่าสนใจของที่นี่ ได้แก่ ตำลึง-อัญชัญทอด เต้าหู้ทอด ข้าวโพดทอด เกี๊ยวทอด ขนมปังหน้าหมู และกุ้งแม่น้ำน่านทอด ทอดกรอบเคี้ยวเพลินทุกจาน กินกับน้ำจิ้มสูตรพิเศษของทางร้าน รวมถึงยังมีขายขนมเป็นของฝากติดมืออีกเล็กๆ น้อยๆ อย่าง หมูกระจก ข้าวแคบปรุงรส ทุเรียนทอด และทุเรียนกวน ไว้ไปฝากคนที่บ้าน หรือจะเก็บไว้กินเล่นขณะเดินทางก็พกง่าย สบายพุงตลอดทาง
ระหว่างทาง สองด้านซ้าย-ขวา จะเห็นว่ามีขายอาหารแบบชาวบ้านอีกหลายร้าน มีอยู่เรื่อยๆตลอดถนน สามารถเดินไปแวะไป หรือจะจอดรถชิมกันทุกร้านก็ยังได้ มีขายก๋วยเตี๋ยว, ลูกชิ้นปิ้ง, หมี่พัน, กาแฟ และไอศกรีม ทั้งรสกะทิ, รสมะพร้าวอ่อน และรสทุเรียน แต่ก็อย่าเผลอกินจนอิ่มเสียก่อน เพราะยังมีให้ชิมอีกหลายร้านบน “ถนนกินได้” เส้นนี้ ถ้าไม่อยากพลาดร้านเด็ดประจำถิ่นก็ต้องเผื่อท้องอีกนิดไว้ไปลุยร้านต่อๆ ไปด้วย
ร้านต่อไปอยู่ไม่ห่างจากร้านของทอดมากนัก ที่นี่ตั้งแต่อยู่ถนนราษฎร์อุทิศ ซอย 5 (ซอยย่าหม้อ) ตำบลศรีพนมมาศ ชื่อร้านว่า “ป้าสว่างหมี่พันลับแล” หรือที่ชาวบ้านมักเรียกกันว่า “ร้านป้าหว่าง” นั่นเอง ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องหมี่พัน ของกินท้องถิ่นของจังหวัดอุตรดิตถ์ ทำจากหมี่ที่นำมายำ ใส่พริก น้ำตาล มะนาว น้ำส้ม และที่นี่จะใส่แคปหมูด้วยเพิ่มความมัน เพิ่มรสชาติในการกิน ซึ่งไม่ใช่ทุกร้านที่จะมีแคปหมูด้วยแบบนี้ ปรุงรสแบบสั่งได้ตามใจลูกค้า ชอบเผ็ดมาก เน้นเปรี้ยว หรือกินแบบกลางๆ ป้าหว่างจัดให้ได้หมด เมื่อยำจนได้ที่แล้วก็จะนำไปวางบนแผ่นแป้งกลม หรือที่เรียกว่า “ข้าวแคบ” และม้วนแบบปิดปลายหนึ่งข้าง เมื่อห่อเสร็จใหม่ๆ แป้งข้าวแคบจะยังคงเหนียว เคี้ยวยากสักหน่อย แต่สามารถกินได้เลย หรือถ้าวางทิ้งไว้อีกสักพัก น้ำยำจากหมี่ด้านในจะค่อยๆซึมเข้าสู่แป้งห่อ ทำให้ข้าวแคบค่อยๆนิ่มขึ้น กินอร่อยกำลังดีในราคาย่อมเยา ตกราคาอันละ 3 บาท เป็นอีกเมนูที่ถือกินง่าย และกินได้เรื่อยๆ นอกจากนี้ “ร้านป้าหว่าง” ยังมีขายเมนูอื่นๆ เพิ่มเติม ได้แก่ ข้าวแคบ, กล้วยกวน-มะขามแก้ว, ลูกชิ้น และเครื่องดื่มอย่าง โอเลี้ยง, น้ำลำไย, น้ำมะขามด้วย
กระโดดขึ้นรถ ขับต่อไปบนถนนราษฎร์อุทิศไปที่ ซอย 8 (ซอยศรีป่ายาง) ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล เพื่อไปฝากท้องมื้อเที่ยงที่ “ร้านข้าวพันผักอินดี้” (ข้าวพันผัก Indy) ซึ่งเป็นร้านที่มีการผสมผสานระหว่างความเป็นท้องถิ่นเข้ากับสิ่งใหม่ บรรยายตกแต่งบ้านไม้แบบอินดี้ด้วยต้นไม้น่ารักๆ และของสะสมเก่าๆ ตุ๊กตาต่างๆ ทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารฟิวชั่น คือการจับคู่ระหว่างอาหารท้องถิ่นกับเมนูอื่นๆ อย่างลงตัว โดยเมนู “ข้าวพันผัก” สไตล์อินดี้นี้ จะเป็นผักที่ห่อด้วยแป้ง ฟิวชั่นกับเครื่องต่างๆ แบบก๋วยเตี๋ยว สามารถปรุงรสตามชอบด้วยพริก น้ำปลา น้ำส้ม น้ำตาล เช่นเดียวกับเวลากินก๋วยเตี๋ยวแห้งได้เลย มีให้เลือกกินหลากหลายแบบ ทั้งข้าวพันผักห่อไข่, ข้าวพันผักเนื้อเปื่อย, ข้าวพันผักหมูแดง, ข้าวพันผักเย็นตาโฟ, ข้าวพันผักธรรมดา และอื่นๆ มากมายหลายเมนูของคาว ที่ตามเก็บไม่หมดในครั้งเดียว ต้องแวะมาชิมส่วนที่เหลืออีกสักสองสามครั้ง
แม้จากตรงนี้ไป จะสุดเขตถนนกินได้แล้ว แต่ก็ยังมีที่กินน่าแวะอีกหลายแห่งในเมืองลับแลที่ถนนไปถึง สามารถขับรถลุยต่อยกสอง สาม สี่กันได้ตลอดบ่ายถึงเย็น เป็นอีกเส้นทางกินโดยรอบ “ถนนกินได้” ในเมืองลับแล
ก่อนที่จะตะลุยกันด้านนอกต่อ ก็แวะพักคลายร้อนสักเล็กน้อยด้วยการไปตากแอร์สบายใจเคล้ากลิ่นกาแฟที่ “ม่อนลับแล” ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ผ้าซิ่นตีนจกเมืองลับแล และยังขายผ้าทอ, สินค้างานหัตกรรมพื้นบ้าน, ของฝากต่างๆ รวมถึงยังมีร้านอาหารและกาแฟชื่อร้าน “ลับแล ลา ลีกา” ให้มาแวะจิบกาแฟยามบ่ายกัน มีให้เลือกสั่งทั้ง กาแฟ, ชา, นม, โกโก้, ผลไม้โซดา, ผลไม้ปั่น, พันช์ (ไม่ผสมแอลกอฮอล์) และของหวานอื่นๆ ไว้กินคู่กับกาแฟ โดยกาแฟขึ้นชื่อ หรือเมนู signature ของ “ลับแล ลา ลีกา” คือ “ม่อนลับแล” เป็นกาแฟเย็นรสชาติหวานมัน ด้านบนเป็นวิปครีมเนื้อเนียน ไม่เลี่ยน ตกแต่งด้วยกาแฟคั่วเต็มเมล็ดเล็กน้อย ค่อยๆ ลิ้มรสอย่างผ่อนคลาย พอหายเหนื่อยจากการตะลอนมาตลอดเส้นทางแล้วก็ไปลุยกันต่อ ทริปนี้ยังมีของอร่อยให้กินกันอีก
เขยิบขึ้นดอยกันสักนิด ที่ “บ้านบนดอย” ตำบลแม่พูล อำเภอลับแล ภายในเขตรั้วบ้านจะมีสวนผลไม้ให้เดินชม ซึ่งเป็นการปลูกอย่างผสมผสานเป็นธรรมชาติ ไม่ได้จัดเรียงไว้เป็นแถว และไม่ได้แยกพันธุ์ไม้ต่างๆ แต่ปลูกคละกันไป มีทั้งทุเรียนหลง-หลินลับแล, ทุเรียนท้องถิ่น, ลองกอง, ลางสาด, มังคุด ทั้งยังมีอาคารผลิตอาหารสำหรับนำผลไม้มาแปรรูป และมีห้องผลิตไอศกรีม ซึ่ง “ไอศกรีมทุเรียน” ถือเป็นไฮไลท์ของ “บ้านบนดอย” เลยทีเดียว เนื่องจากเป็นไอศกรีมที่ทำมาจาก “ทุเรียนหลงลับแล” ผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัด ตัวไอศกรีมมีรสชาติของทุเรียนเต็มๆ แต่ให้ความรู้สึกหอมกลิ่นนมแบบไอศกรีม ขายในราคาย่อมเยา ซึ่งหาไม่ได้ในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังมีขายทุเรียนกวน, ไอศกรีมมะพร้าว, น้ำมะพร้าวน้ำหอม และน้ำสมุนไพรให้ได้จิบชื่นใจคลายร้อนด้วย
จากนั้น เดินเท้าต่อกันอีกแค่ 50 เมตร จะถึงตลาดส่งผลไม้ของลับแล คือ “ตลาดผลไม้ วัดหัวดง” หรือ “ตลาดหัวดง” ซึ่งคนรักทุเรียนต้องแวะมาให้ได้ เพราะมีร้านทุเรียนเยอะ ให้เลือกได้อย่างจุใจ โดยมีร้านที่รับประกันความอร่อยคือ “ร้านแม่ลูกหมี” ที่มีทุเรียน “หลง-หลินลับแล” พร้อมให้เหมาทั้งคันรถ รวมถึงในตลาดก็ยังมีทุเรียนท้องถิ่นราคาเบาๆ กับทุเรียนทอดสดใหม่ร้อนๆ ไว้กินเล่นขากลับ ซึ่งหากมาซื้อทุเรียนที่นี่ก็ไม่ต้องกังวลใจเรื่องกลิ่นติดรถตอนขนกลับ เนื่องจากหลายร้านมีบริการส่งทุเรียนให้ด้วย นอกจากนี้ยังมีตลาดด้านในซึ่งเป็นตลาดทั่วไปให้เลือกซื้อวัตถุดิบทำอาหาร, กับข้าว, ขนมกินเล่น และผลไม้อื่นๆ ให้เดินกินต่ออีกยก
มาเยือนเมืองที่มี “ภูเขากินได้” และ “ถนนกินได้” คราวนี้ต้องอิ่มจนพุงกาง และคงต้องแวะกลับมาชิมกันอีกสักสอง-สามรอบ เพราะของอร่อยเส้นทางนี้มีให้ลองมากมายไม่หมดในครั้งในเดียวอย่างแน่นอน หากจะมาต้องรีบเคลียร์ท้องให้ว่าง แล้วมาเติมท้องให้เต็มด้วยความสุขในอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์
ช่องทางการติดต่อร้านต่างๆ
เจ๊นีย์ของทอดลับแล โทร. 086-925-4558, 092-604-0165
ป้าสว่างหมี่พันลับแล โทร. 084-045-2407
ร้านข้าวพันผักอินดี้ โทร. 080-447-0345 หรือทางออนไลน์ https://www.facebook.com/KhawPhanPhak
ม่อนลับแล โทร. 055-431439 หรือทางออนไลน์ https://www.facebook.com/Monlablae/
ลับแล ลา ลีกา โทร. 093-595-9366 หรือทางออนไลน์ https://www.facebook.com/laplaelaliga
บ้านบนดอย โทร. 055-427136 หรือทางอีเมล banbondoi.shop@gmail.com
ร้านแม่ลูกหมี โทร. 082-410-1456 หรือทางไลน์ Karin_poon
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
สำหรับตำนานของการเป็น “เมืองที่ห้ามพูดโกหก” เล่ากันว่า ชาวเมืองลับแลเป็นผู้เคร่งครัดในการรักษาศีล 5 เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในข้อของการไม่พูดโกหก หากใครที่โกหกจะต้องถูกขับออกจากเมือง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีผู้ชายถูกขับออกไปแล้วไม่น้อย วันหนึ่ง เมื่อพรานหนุ่มจากเมืองทุ่งยั้งมาหลงรักและอยู่กินกับสาวลับแลจนมีลูกด้วยกันในเมืองแห่งนี้ ก็ต้องปฏิบัติตนอย่างดี ไม่พูดโกหก แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อลูกร้องไห้ กลับเผลอโกหกออกไปว่า “หยุดร้องนะ แม่มาแล้ว” เพื่อหวังปลอบให้ลูกหยุดร้อง ทั้งที่หญิงลับแลผู้นั้นยังไม่ได้กลับมา แม่ยายพอได้ยินเข้าจึงต้องขับหนุ่มทุ่งยั้งผู้นี้ออกจากเมืองตามกฏ ภรรยาของเขาเสียใจมากแต่ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ส่งย่ามใบหนึ่งให้แล้วกำชับว่าอย่าเพิ่งเปิดจนกว่าจะถึงบ้าน
แต่ระหว่างการเดินทางนั้นเหน็ดเหนื่อย บวกกับความสงสัยในสิ่งที่มีน้ำหนักในย่ามจึงเปิดออกดูเห็นเป็นแง่งขมิ้น จึงแอบทิ้งไปตามทางทีละอันสองอัน จนเหลือถึงบ้านแค่อันเดียว พอเปิดดูในย่ามอีกครั้ง แง่งขมิ้นนั้นกลับกลายเป็นทอง แม้จะนึกเสียดายออกไปตามหาแง่งขมิ้นที่ทิ้งไประหว่างทางขนาดไหนก็หาไม่เจออีก ทั้งยังหาทางกลับไปเมืองลับแลไม่ได้อีกด้วย ดังนั้น นอกจากจะเป็น “เมืองห้ามพูดโกหก” แล้ว ลับแลยังมีชื่ออื่นอีกว่า “เมืองลึกลับ” และ “เมืองแม่หม้าย”
ส่วนที่มาของ “ภูเขากินได้” ในปัจจุบันก็เนื่องจากลับแลเป็นเมืองที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาสูงใหญ่มีต้นไม้อุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่ราบน้อย การเพาะปลูกจึงต้องขึ้นไปทำบนเขา ซึ่งส่วนใหญ่ชาวบ้านจะปลูกผลไม้ ไม่ว่าจะเป็นทุเรียนหลง-หลินลับแล ลองกอง ลางสาด ฯลฯ ส่วนรอบรั้วบ้านของชาวลับแลจะถูกใช้เป็นแปลงทดลองปลูก จากนั้นค่อยนำผลไม้ขึ้นไปปลูกจริงบนภูเขา ทำให้ภูเขาน้อยใหญ่รอบๆ บ้านกลายเป็นแหล่งปลูกผลไม้ขึ้นชื่อของอุตรดิตถ์ เมื่อมองไปรอบๆ ที่ภูเขาแต่ละลูกก็จะเต็มไปด้วยผลไม้นานาชนิด เป็น “ภูเขากินได้” ทั้งสิ้น
นอกจากภูเขากินได้แล้ว ก็ยังมี "ถนนกินได้" โดยเฉพาะบนถนนราษฎร์อุทิศในตัวอำเภอลับแลที่เต็มไปด้วยอาหารให้กินจนพุงกาง ร้านค้า-ร้านอาหารต่างๆถูกเปิดโดยชาวบ้านที่บริเวณด้านหน้าของบ้านตนเองเป็นส่วนใหญ่ ขับรถไปตลอดทางก็มีให้กินตลอดทาง จึงถูกเรียกว่าเป็น “ถนนกินได้” โดยของกินที่ห้ามพลาดโดยเด็ดขาดเมืองมาเยือนอุตรดิตถ์แล้วก็คือ ของทอด, หมี่พัน, ข้าวแคบ, ข้าวพันผัก, ทุเรียนหลง-หลินลับแล และไอศกรีมทุเรียน ซึ่งมีกินกันฟินๆ ทั้งเมืองในช่วงนี้
ร้านแรกที่จะแวะกินเป็นของว่างก็ได้ กินเล่นก็ดี หรือจะกินเป็นมื้อหลักก็อร่อยคือที่ร้าน “เจ๊นีย์ของทอดลับแล” ซึ่งเปิดมากว่า 40 ปี ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ถนนราษฎร์อุทิศ ซอย1 (ซอยลับแลสำราญ) ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล ที่นี่มีเมนูกระบองทอด ทำจากหน่อไม้ยัดไส้หมูสับแล้วนำไปชุบแป้งทอด กรอบนอกนุ่มใน อีกหลายเมนูน่าสนใจของที่นี่ ได้แก่ ตำลึง-อัญชัญทอด เต้าหู้ทอด ข้าวโพดทอด เกี๊ยวทอด ขนมปังหน้าหมู และกุ้งแม่น้ำน่านทอด ทอดกรอบเคี้ยวเพลินทุกจาน กินกับน้ำจิ้มสูตรพิเศษของทางร้าน รวมถึงยังมีขายขนมเป็นของฝากติดมืออีกเล็กๆ น้อยๆ อย่าง หมูกระจก ข้าวแคบปรุงรส ทุเรียนทอด และทุเรียนกวน ไว้ไปฝากคนที่บ้าน หรือจะเก็บไว้กินเล่นขณะเดินทางก็พกง่าย สบายพุงตลอดทาง
ระหว่างทาง สองด้านซ้าย-ขวา จะเห็นว่ามีขายอาหารแบบชาวบ้านอีกหลายร้าน มีอยู่เรื่อยๆตลอดถนน สามารถเดินไปแวะไป หรือจะจอดรถชิมกันทุกร้านก็ยังได้ มีขายก๋วยเตี๋ยว, ลูกชิ้นปิ้ง, หมี่พัน, กาแฟ และไอศกรีม ทั้งรสกะทิ, รสมะพร้าวอ่อน และรสทุเรียน แต่ก็อย่าเผลอกินจนอิ่มเสียก่อน เพราะยังมีให้ชิมอีกหลายร้านบน “ถนนกินได้” เส้นนี้ ถ้าไม่อยากพลาดร้านเด็ดประจำถิ่นก็ต้องเผื่อท้องอีกนิดไว้ไปลุยร้านต่อๆ ไปด้วย
ร้านต่อไปอยู่ไม่ห่างจากร้านของทอดมากนัก ที่นี่ตั้งแต่อยู่ถนนราษฎร์อุทิศ ซอย 5 (ซอยย่าหม้อ) ตำบลศรีพนมมาศ ชื่อร้านว่า “ป้าสว่างหมี่พันลับแล” หรือที่ชาวบ้านมักเรียกกันว่า “ร้านป้าหว่าง” นั่นเอง ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องหมี่พัน ของกินท้องถิ่นของจังหวัดอุตรดิตถ์ ทำจากหมี่ที่นำมายำ ใส่พริก น้ำตาล มะนาว น้ำส้ม และที่นี่จะใส่แคปหมูด้วยเพิ่มความมัน เพิ่มรสชาติในการกิน ซึ่งไม่ใช่ทุกร้านที่จะมีแคปหมูด้วยแบบนี้ ปรุงรสแบบสั่งได้ตามใจลูกค้า ชอบเผ็ดมาก เน้นเปรี้ยว หรือกินแบบกลางๆ ป้าหว่างจัดให้ได้หมด เมื่อยำจนได้ที่แล้วก็จะนำไปวางบนแผ่นแป้งกลม หรือที่เรียกว่า “ข้าวแคบ” และม้วนแบบปิดปลายหนึ่งข้าง เมื่อห่อเสร็จใหม่ๆ แป้งข้าวแคบจะยังคงเหนียว เคี้ยวยากสักหน่อย แต่สามารถกินได้เลย หรือถ้าวางทิ้งไว้อีกสักพัก น้ำยำจากหมี่ด้านในจะค่อยๆซึมเข้าสู่แป้งห่อ ทำให้ข้าวแคบค่อยๆนิ่มขึ้น กินอร่อยกำลังดีในราคาย่อมเยา ตกราคาอันละ 3 บาท เป็นอีกเมนูที่ถือกินง่าย และกินได้เรื่อยๆ นอกจากนี้ “ร้านป้าหว่าง” ยังมีขายเมนูอื่นๆ เพิ่มเติม ได้แก่ ข้าวแคบ, กล้วยกวน-มะขามแก้ว, ลูกชิ้น และเครื่องดื่มอย่าง โอเลี้ยง, น้ำลำไย, น้ำมะขามด้วย
กระโดดขึ้นรถ ขับต่อไปบนถนนราษฎร์อุทิศไปที่ ซอย 8 (ซอยศรีป่ายาง) ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล เพื่อไปฝากท้องมื้อเที่ยงที่ “ร้านข้าวพันผักอินดี้” (ข้าวพันผัก Indy) ซึ่งเป็นร้านที่มีการผสมผสานระหว่างความเป็นท้องถิ่นเข้ากับสิ่งใหม่ บรรยายตกแต่งบ้านไม้แบบอินดี้ด้วยต้นไม้น่ารักๆ และของสะสมเก่าๆ ตุ๊กตาต่างๆ ทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารฟิวชั่น คือการจับคู่ระหว่างอาหารท้องถิ่นกับเมนูอื่นๆ อย่างลงตัว โดยเมนู “ข้าวพันผัก” สไตล์อินดี้นี้ จะเป็นผักที่ห่อด้วยแป้ง ฟิวชั่นกับเครื่องต่างๆ แบบก๋วยเตี๋ยว สามารถปรุงรสตามชอบด้วยพริก น้ำปลา น้ำส้ม น้ำตาล เช่นเดียวกับเวลากินก๋วยเตี๋ยวแห้งได้เลย มีให้เลือกกินหลากหลายแบบ ทั้งข้าวพันผักห่อไข่, ข้าวพันผักเนื้อเปื่อย, ข้าวพันผักหมูแดง, ข้าวพันผักเย็นตาโฟ, ข้าวพันผักธรรมดา และอื่นๆ มากมายหลายเมนูของคาว ที่ตามเก็บไม่หมดในครั้งเดียว ต้องแวะมาชิมส่วนที่เหลืออีกสักสองสามครั้ง
แม้จากตรงนี้ไป จะสุดเขตถนนกินได้แล้ว แต่ก็ยังมีที่กินน่าแวะอีกหลายแห่งในเมืองลับแลที่ถนนไปถึง สามารถขับรถลุยต่อยกสอง สาม สี่กันได้ตลอดบ่ายถึงเย็น เป็นอีกเส้นทางกินโดยรอบ “ถนนกินได้” ในเมืองลับแล
ก่อนที่จะตะลุยกันด้านนอกต่อ ก็แวะพักคลายร้อนสักเล็กน้อยด้วยการไปตากแอร์สบายใจเคล้ากลิ่นกาแฟที่ “ม่อนลับแล” ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ผ้าซิ่นตีนจกเมืองลับแล และยังขายผ้าทอ, สินค้างานหัตกรรมพื้นบ้าน, ของฝากต่างๆ รวมถึงยังมีร้านอาหารและกาแฟชื่อร้าน “ลับแล ลา ลีกา” ให้มาแวะจิบกาแฟยามบ่ายกัน มีให้เลือกสั่งทั้ง กาแฟ, ชา, นม, โกโก้, ผลไม้โซดา, ผลไม้ปั่น, พันช์ (ไม่ผสมแอลกอฮอล์) และของหวานอื่นๆ ไว้กินคู่กับกาแฟ โดยกาแฟขึ้นชื่อ หรือเมนู signature ของ “ลับแล ลา ลีกา” คือ “ม่อนลับแล” เป็นกาแฟเย็นรสชาติหวานมัน ด้านบนเป็นวิปครีมเนื้อเนียน ไม่เลี่ยน ตกแต่งด้วยกาแฟคั่วเต็มเมล็ดเล็กน้อย ค่อยๆ ลิ้มรสอย่างผ่อนคลาย พอหายเหนื่อยจากการตะลอนมาตลอดเส้นทางแล้วก็ไปลุยกันต่อ ทริปนี้ยังมีของอร่อยให้กินกันอีก
เขยิบขึ้นดอยกันสักนิด ที่ “บ้านบนดอย” ตำบลแม่พูล อำเภอลับแล ภายในเขตรั้วบ้านจะมีสวนผลไม้ให้เดินชม ซึ่งเป็นการปลูกอย่างผสมผสานเป็นธรรมชาติ ไม่ได้จัดเรียงไว้เป็นแถว และไม่ได้แยกพันธุ์ไม้ต่างๆ แต่ปลูกคละกันไป มีทั้งทุเรียนหลง-หลินลับแล, ทุเรียนท้องถิ่น, ลองกอง, ลางสาด, มังคุด ทั้งยังมีอาคารผลิตอาหารสำหรับนำผลไม้มาแปรรูป และมีห้องผลิตไอศกรีม ซึ่ง “ไอศกรีมทุเรียน” ถือเป็นไฮไลท์ของ “บ้านบนดอย” เลยทีเดียว เนื่องจากเป็นไอศกรีมที่ทำมาจาก “ทุเรียนหลงลับแล” ผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัด ตัวไอศกรีมมีรสชาติของทุเรียนเต็มๆ แต่ให้ความรู้สึกหอมกลิ่นนมแบบไอศกรีม ขายในราคาย่อมเยา ซึ่งหาไม่ได้ในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังมีขายทุเรียนกวน, ไอศกรีมมะพร้าว, น้ำมะพร้าวน้ำหอม และน้ำสมุนไพรให้ได้จิบชื่นใจคลายร้อนด้วย
จากนั้น เดินเท้าต่อกันอีกแค่ 50 เมตร จะถึงตลาดส่งผลไม้ของลับแล คือ “ตลาดผลไม้ วัดหัวดง” หรือ “ตลาดหัวดง” ซึ่งคนรักทุเรียนต้องแวะมาให้ได้ เพราะมีร้านทุเรียนเยอะ ให้เลือกได้อย่างจุใจ โดยมีร้านที่รับประกันความอร่อยคือ “ร้านแม่ลูกหมี” ที่มีทุเรียน “หลง-หลินลับแล” พร้อมให้เหมาทั้งคันรถ รวมถึงในตลาดก็ยังมีทุเรียนท้องถิ่นราคาเบาๆ กับทุเรียนทอดสดใหม่ร้อนๆ ไว้กินเล่นขากลับ ซึ่งหากมาซื้อทุเรียนที่นี่ก็ไม่ต้องกังวลใจเรื่องกลิ่นติดรถตอนขนกลับ เนื่องจากหลายร้านมีบริการส่งทุเรียนให้ด้วย นอกจากนี้ยังมีตลาดด้านในซึ่งเป็นตลาดทั่วไปให้เลือกซื้อวัตถุดิบทำอาหาร, กับข้าว, ขนมกินเล่น และผลไม้อื่นๆ ให้เดินกินต่ออีกยก
มาเยือนเมืองที่มี “ภูเขากินได้” และ “ถนนกินได้” คราวนี้ต้องอิ่มจนพุงกาง และคงต้องแวะกลับมาชิมกันอีกสักสอง-สามรอบ เพราะของอร่อยเส้นทางนี้มีให้ลองมากมายไม่หมดในครั้งในเดียวอย่างแน่นอน หากจะมาต้องรีบเคลียร์ท้องให้ว่าง แล้วมาเติมท้องให้เต็มด้วยความสุขในอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์
ช่องทางการติดต่อร้านต่างๆ
เจ๊นีย์ของทอดลับแล โทร. 086-925-4558, 092-604-0165
ป้าสว่างหมี่พันลับแล โทร. 084-045-2407
ร้านข้าวพันผักอินดี้ โทร. 080-447-0345 หรือทางออนไลน์ https://www.facebook.com/KhawPhanPhak
ม่อนลับแล โทร. 055-431439 หรือทางออนไลน์ https://www.facebook.com/Monlablae/
ลับแล ลา ลีกา โทร. 093-595-9366 หรือทางออนไลน์ https://www.facebook.com/laplaelaliga
บ้านบนดอย โทร. 055-427136 หรือทางอีเมล banbondoi.shop@gmail.com
ร้านแม่ลูกหมี โทร. 082-410-1456 หรือทางไลน์ Karin_poon
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager