“คุณค่าและความดีของครอบครัวๆ หนึ่ง ส่งผลเป็นแรงบันดาลใจถึงคนทั้งแผ่นดิน” จึงได้มีการปรับปรุง “หอพระราชประวัติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ให้เป็น “หอแห่งแรงบันดาลใจ” ที่รวบรวมแนวพระราชดำริและพระราชจริยวัตร หลักการทรงงานที่เรียบง่ายของทั้ง 5 พระองค์ในราชสกุลมหิดล ให้ประชาชนชาวไทยและทุกคนที่ได้มาเยือนดอยตุง ได้รู้และนำกลับไปปรับใช้กับตนเอง
“หอแห่งแรงบันดาลใจ” ได้รับการออกแบบโดย ร้อยเอกจิทัศ ศรสงคราม พระนัดดาในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ซึ่งนำเรื่องราวต่างๆ ของราชสกุลมหิดล อันประกอบไปด้วย สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
ที่ต่างทรงเป็นแบบอย่างที่ดีของกันและกัน ในการทรงงานเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของแผ่นดินไทย และส่งผลเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั้งแผ่นดินไทย มาจัดแสดงภายในหอแห่งแรงบันดาลในนี้ โดยแบ่งออกเป็น 7 ห้อง ดังนี้
ห้องที่ 1 “ราชสกุลมหิดล”
ห้องนี้เป็นห้องที่จะกล่าวถึงสมาชิกราชสกุลมหิดล ในฐานะครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่งที่อบอุ่น ที่เปรียบ “ดั่งหยดน้ำ” รวมตัวกันหลั่งลงมาบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้ปวงชนชาวไทย ดังคำกล่าว “หอแห่งแรงบันดาลใจ เพียงหยดน้ำ หนึ่งหยดเล็กๆ ก็ส่งแรงกระเพื่อมสะเทือนไหว แต่ขยายยิ่งใหญ่ กว้างไกลไม่มีที่สิ้นสุด ราชสกุลมหิดล เปรียบได้ดั่งหยดน้ำหยาดลงบนแผ่นดิน สร้างความฉ่ำเย็นให้ชนทั้งมวล”
ห้องที่ 2 “เรื่องราวของราชสกุลผ่านพระราชประวัติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี”
ห้องนี้กล่าวถึงพระราชประวัติสมเด็จย่าในแต่ละช่วงเวลา ตั้งแต่ยังทรงเป็น “เด็กหญิงสังวาลย์” เด็กสาวสามัญที่ใฝ่ดีและแสวงหาโอกาส จนเป็น “คู่ชีวิตของเจ้าฟ้า” ที่ได้เห็นและซึมซับพระราชปณิธานอันแรงกล้าในการทรงงานเพื่อแผ่นดินของพระสวามี มาเป็น “แม่ของลูก” ที่มีหลักในการอบรมเลี้ยงดูพระโอรสพระธิดาให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และในที่สุดกลายเป็น “แม่ฟ้าหลวง” ของพสกนิกรชาวไทย ที่ทรงอุทิศพระองค์เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้คนที่แร้นแค้นมากมายได้มีชีวิตที่ดีขึ้น
ห้องที่ 3 “การกลับคืนสู่มาตุภูมิของราชสกุลมหิดล”
ด้วยความรับผิดชอบที่ทรงมีต่อประเทศชาติ สมาชิกของราชสกุลมหิดลทรงต้องละวางชีวิตที่เรียบง่าย เพื่อเสด็จนิวัติกลับสู่มาตุภูมิ มาทรงรับพระราชกรณียกิจอันยิ่งใหญ่ในฐานะ “พระมหากษัตริย์ของประชาชน” ในยุคที่บ้านเมืองสับสนวุ่นวาย
ห้องที่ 4 “ความทุกข์ยากของประชาชน”
ห้องนี้จะทำให้ผู้ที่ได้รับชมรับรู้ว่า “การครองราชย์ หาใช่ความสุขสบายไม่ หากแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการทรงงานที่หนักหน่วงตลอดพระชนม์ชีพ”
ก้าวแรกที่เดินเข้าไปจะรูปภาพแผ่นเล็กๆ ร้อยเรียงเป็นภาพปัญหาที่กระทบต่อชีวิตของคนไทย ทั้งปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า การขาดแคลนน้ำ สภาวะแห้งแล้ง พร้อมกับเสียงพูดคุยของชาวบ้านในทุกพื้นที่ถึงปัญหาดังกล่าว ให้ความรู้สึกว่า “ปัญหาไม่มีวันหยุดและมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง”
ห้องที่ 5 “แบบแผนการแก้ปัญหาความทุกข์ยากของประชาชนอย่างยั่งยืน”
ถัดจากห้องที่ 4 ที่ได้รับรู้ถึงปัญหาจากทุกสารทิศในแผ่นดินแล้ว ห้องที่ 5 จึงจัดแสดงเนื้อหาเกี่ยวกับการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่เสด็จพระราชดำเนินไปทั่วทุกแห่งในประเทศไทย เพื่อทรงแก้ปัญหา โดยทรงยึดหลัก “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา”
ด้วยอุปกรณ์ธรรมดาๆ ที่พระองค์ใช้ทรงงาน ได้แก่ แผนที่ วิทยุสื่อสาร ดินสอ และกล้องถ่ายรูป และภายในห้องนี้ยังนำวิธีการแก้ปัญหาต่างๆ จัดแสดงให้ชมผ่าน “Shadow Animation” บนจอขนาดใหญ่ ซึ่งหากผู้ที่รับชมสนใจโครงการพระราชดำริโครงการไหน ก็สามารถชูมือให้เงาขึ้นที่หน้าจอ ตัวละครก็จะออกมาอธิบายความเป็นมาของโครงการพระราชดำรินั้น
ห้องที่ 6 “แบบแผนการแก้ปัญหาความทุกข์ยากของประชาชนบนดอยตุง”
เมื่อครั้งที่สมเด็จย่ามีพระชนมายุ 87 พรรษา ทรงมีพระราชดำริริเริ่มโครงการพัฒนาดอยตุง เพื่อแก้ไขปัญหาของดินแดนที่เป็นส่วนหนึ่งของสามเหลี่ยมทองคำอย่างครบวงจร ด้วยการ “ปลูกป่า...ปลูกคน” ควบคู่กันไป เพื่อช่วยเหลือให้ชาวเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
โดยทรงศึกษาจากโครงการในพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และทรงนำมาปรับใช้ที่ดอยตุง หรือเรียกว่าเป็นโครงการพัฒนาที่ “แม่เรียนจากลูก” จนทำให้ทุกวันนี้ทั้งคนและผืนป่าของดอยตุง ได้รับการพลิกฟื้นคืนสู่ชีวิตที่ดีและพอเพียง
ห้องที่ 7 “ห้องแห่งแรงบันดาลใจ”
ห้องสุดท้ายนี้แสดงถึงความใกล้ชิดและความผูกพันระหว่างสมาชิกราชสกุลมหิดลทั้ง 5 พระองค์ ซึ่งต่างเรียนรู้และเป็นแรงบันดาลใจให้แก่กัน ได้นำไปสู่การแก้ปัญหาแล้วปัญหาเล่า และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีแก่ประเทศชาติมากมาย
ก้าวแรกที่เข้าไปจะพบกับพระบรมฉายาลักษณ์ของราชสกุลมหิดลพร้อมภาพการทรงงานของทั้ง 5 พระองค์ เรียงต่อเป็นวงกลม ให้ความรู้สึกภูมิใจและซาบซึ้งถึงแรงบันดาลใจที่ครอบครัวเล็กๆ นี้มีต่อกัน แต่ส่งผลอย่างยิ่งใหญ่ให้กับคนไทยทั้งแผ่นดิน
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากหอแห่งแรงบันดาลใจนี้ จะทิ้งคำถามและข้อคิดให้กับผู้ที่ได้รับชม ว่าทุกอย่างที่ได้เรียนรู้ไปนั้นจะสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมได้อย่างไร เรียกว่าเป็น “หอแห่งแรงบันดาลใจ” ที่สร้างแรงบันดาลใจได้จริงๆ นั่นเอง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“หอแห่งแรงบันดาลใจ” ตั้งอยู่ที่โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เปิดให้เข้าทุกวันฟรี เวลา 08.00-17.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานดอยตุง โทร. 0 5376 7015-17 สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 0 2252 7114 ต่อ 212, 213 เว็บไซต์ www.doitung.org
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com