เปิดเฟซบุคหรือโซเชียลเน็ตเวิร์กทีไร เห็นใครๆ ก็ไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่คนที่ไม่ได้ไปไหนก็อย่าเพิ่งอิจฉา เพราะเราก็สามารถสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นอย่างแท้จริงกันได้ที่ “Let’s Relax Spa & Onsen Thong Lor” (เล็ทส์ รีแลกซ์ สปา แอนด์ ออนเซน ทองหล่อ) ด้วยการไปแช่น้ำแร่ร้อน หรือออนเซนแบบญี่ปุ่น ที่ช่วยผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ ฟินได้ไม่แพ้คนไปญี่ปุ่นเลย
“Let’s Relax Spa & Onsen Thong Lor” ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 55 หรือซอยทองหล่อ เป็นการผสมผสานการนวดสปาด้วยสมุนไพรสดแท้แบบไทยต้นตำรับ และเพิ่มความผ่อนคลายยิ่งขึ้นด้วยบ่อแช่น้ำแร่ร้อนแบบญี่ปุ่น เราจึงสามารถสัมผัสกับวัฒนธรรมการแช่น้ำแร่ร้อนของชาวญี่ปุ่นแท้ๆ ได้แม้จะอยู่ในกรุงเทพฯ
สำหรับ “ออนเซน” หรือการแช่บ่อน้ำแร่ร้อนของญี่ปุ่นนั้น เชื่อกันว่ามีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ ช่วยรักษาโรคผิวหนังบางชนิด และช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส Let’s Relax Spa จึงนำเอาศาสตร์แห่งออนเซนมารวมไว้ในสปาแห่งนี้ อีกทั้งในย่านทองหล่อนี้ก็เป็นย่านที่อยู่อาศัยของชาวญี่ปุ่นในประเทศไทย จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งของการเปิด Let’s Relax Spa & Onsen ที่นี่
เข้าไปดูกันว่าภายในจะบรรยากาศเหมือนออนเซนที่ประเทศญี่ปุ่นหรือไม่ เมื่อเข้าไปด้านใน ทาง Let’s Relax Spa จะเตรียมชุดจินเบย์ หรือเป็นชุดลำลองขาสั้นสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กให้ จากนั้นเดินลอดม่านเข้าไปในโซนออนเซนที่แยกระหว่างชายหญิง เมื่อเข้าไปจะมีตู้ล็อกเกอร์ให้เราเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งจากจุดนี้จะต้องถอดเสื้อผ้าทั้งหมดไว้ในล็อกเกอร์ กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติ โดยสิ่งที่นำติดตัวไปได้ก็เฉพาะผ้าขนหนูผืนเล็กเท่านั้น ตามสไตล์การแช่ออนเซ็นแบบญี่ปุ่นแท้
ทิ้งความเขินอายไว้ที่ตู้ล็อกเกอร์ แล้วเข้าไปยังโซนอาบน้ำ ซึ่งเป็นที่นั่งอาบสไตล์ญี่ปุ่น และมีฝักบัวให้ยืนอาบสำหรับคนที่ไม่ถนัดด้วยเช่นกัน ตรงนี้เราต้องอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณให้สะอาด เพื่อเตรียมลงแช่ผ่อนคลายในบ่อน้ำแร่ร้อนด้านใน
ภายในโซนบ่อน้ำแร่ตกแต่งในสไตล์ญี่ปุ่น เน้นวัสดุที่ให้อารมณ์เหมือนไม้ไผ่และสวนแบบญี่ปุ่น ส่วนบ่อน้ำแร่ประกอบไปด้วยบ่อต่างๆ 5 บ่อด้วยกัน โดยบ่อแรกที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ “บ่อน้ำแร่เกโระ” (42 องศา) จากแหล่งน้ำแร่เกโระ “Gero” จังหวัดทาคายามะ ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นแหล่งน้ำเเร่ 1 ใน 3 แห่งที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น แหล่งน้ำแร่เกโระนี้มีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ข้อไหล่แข็ง เหน็บชา ข้อยึด และยังช่วยบำรุงผิวพรรณ เมื่อขึ้นมาจากบ่อน้ำแร่แล้วจะรู้สึกได้เลยว่าผิวนุ่มลื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“บ่อซิลค์บาธ หรือไวท์ไอออน” (40 องศา) มองดูในบ่อเห็นเป็นน้ำสีขาว แต่แท้จริงแล้วสีที่เห็นนั้นคือฟองอากาศเล็กละเอียดสีขาวบริสุทธิ์ด้วยออกซิเจน เมื่อลงไปแช่จะสัมผัสได้ถึงฟองละเอียดนั้น ที่ช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื่นและมีสุขภาพดี
“บ่อโซดา” (38 องศา) มีพรายฟองโซดาละเอียดจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่จะปรับสมดุลย์เเละล้างพิษ ให้กับร่างกายและผิวพรรณ ทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างฮอร์โมน ช่วยให้ระบบประสาทและภาวะจิตใจผ่อนคลาย
“บ่อน้ำวน” (36 องศา) บ่อนี้มีหัว Jet พ่นฟองอากาศ ให้พลังนวดสัมผัสทุกส่วนของร่างกายทำให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และรักษาอาการเคล็ดขัดยอก ปวดเมื่อยตามร่างกาย รวมทั้งรักษาเส้นเลือดขอด จะนั่งหรือยืนให้น้ำช่วยนวดร่างกายก็ได้ทุกส่วน
และสุดท้ายคือ “บ่อน้ำเย็น” (18 องศา) ซึ่งช่วยทำให้หลอดเลือดหดตัวและลดการไหลเวียนของโลหิต รวมถึงการเต้นของหัวใจ ที่ลดลง นอกจากนั้นยังมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวกระชับ เต่งตึง ซึ่งการอาบน้ำร้อนและเย็นสลับกันนั้นส่งผลให้ร่างกายถูกกระตุ้น ช่วยให้เกิดการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เซลล์ประสาทมีความนิ่งและสภาพจิตใจได้รับการบำบัดผ่อนคลาย และการขยายและหดตัวของ เส้นเลือดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้อวัยวะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่
และภายในห้องแช่น้ำแร่ก็ยังมีห้องอบไอน้ำและซาวน่า (Steam and Sauna) ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต พร้อมเปิดรูขุมขนและขับสาร พิษที่อยู่ในร่างกายออกมาในรูปของเหงื่อ
ขอแนะนำลำดับในการแช่น้ำแร่เพื่อความผ่อนคลายอย่างถึงที่สุด ขอให้เริ่มจากเซ็ทแรกด้วยการลงแช่บ่อซิลค์บาธ (3-5 นาที) แล้วลงแช่บ่อน้ำวน (6 นาที) จากนั้นมาลงบ่อโซดา (5 นาที) เริ่มต้นเซ็ทที่สองเข้าไปผ่อนคลายในห้องอบไอน้ำ (10 นาที) ออกมาราดน้ำอุ่นล้างเหงื่อ แล้วลงแช่บ่อน้ำเย็น (1-2 นาที) จากนั้นเซ็ทที่สาม เข้าไปนั่งห้องซาวน่า (5 นาที) ออกมาราดน้ำอุ่นล้างเหงื่อ ลงแช่บ่อน้ำเย็น (1-2 นาที) และปิดท้ายด้วยเซ็ทที่สี่ คือการแช่บ่อน้ำแร่เกโระ (3 นาที) เป็นการปิดท้าย
แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ออกจากห้องแช่น้ำแร่มาแล้ว แต่งตัวด้วยชุด Jinbei สบายๆ มาผ่อนคลายกันต่อที่ “ห้องหินร้อน” (Hot Stonebed Bath) ห้องที่ปูด้วยหินธรรมชาติและมีความร้อนผ่านพื้นหินเเละไอเกลือหิมาลายันที่อุดมด้วยแร่ธาตุถึง 84 ชนิด เมื่อหินแร่ธาตุได้รับความร้อนก็จะปล่อยประจุลบและรังสีอินฟาเรดระยะไกลจะกระจายออกมา ทำให้ร่างกายสดชื่น รวมถึงขับสารพิษผ่านเหงื่อพร้อมกระตุ้นระบบในร่างกาย และช่วยให้ระบบทางเดินหายใจทำงานดีขึ้น เราจะปูผ้านอนราบอยู่ในห้องหินร้อนนี้ 5-10 นาที
จากนั้นไปต่อที่ “ห้องคูลดาวน์” (Cool Down Room) ห้องที่มีอุณหภูมิเย็นจะช่วยคลายความร้อนในร่างกายหลังจากการใช้ ห้องหินร้อน ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย อยู่ที่ห้องนี้อีก 5 นาที แล้วมาพักผ่อนให้เต็มที่ที่ “ห้องรีเเลกซิ่ง” (Relaxing Room) ช่วงเวลาสบายๆ เอนกายพักผ่อนในห้องที่อวลกลิ่นหอมอ่อนของเสื้อตาตามิ จะนอนอ่านหนังสือ เล่นมือถือ หรือจะหลับตางีบสั้นๆ สักประเดี๋ยวหนึ่งก็ได้
นอกจากการแช่น้ำแร่ร้อน และห้องผ่อนคลายต่างๆ แล้ว ที่นี่ก็ยังมีบริการสปาให้เลือกอีกหลากหลายเมนู ทั้งการ “นวดอโรมาหินร้อน” ซึ่งเป็นซิคเนเจอร์ทรีทเม้นท์ของเล็ทส์ รีเเลกซ์ ที่ใช้หินภูเขาไฟนำเข้าคุณภาพสูง คัดขนาดเพื่อกดจุด ผ่อนคลายได้ในทุกส่วนของร่างกาย นวดอโรมาน้ำมัน นวดไทยประคบสมุนไพร นวดกดจุดฝ่าเท้าเเละฝ่ามือ นวดหลังไหล่ นวดหน้า ขัดผิว พอกผิว ครบสูตรการบำรุงกันไปเลยทีเดียว
หลายคนอาจจะอยากรู้สนนราคาของการแช่น้ำแร่ใน Let’s Relax Spa & Onsen ขอบอกว่าไม่แพงเลย สำหรับการแช่ออนเซน และการใช้บริการห้องอบไอน้ำและซาวนา รวมไปถึงห้องหินร้อน ห้องคูลดาวน์ และห้องรีแลกซิ่ง ทั้งหมดนี้ราคา 650 บาท ใช้ได้ไม่จำกัดเวลา จะอยู่เพื่อผ่อนคลายทั้งวันก็ยังได้ ลงบ่อนู้นบ่อนี้สลับไปมาก็ได้ ส่วนเมนูบริการสปานั้นก็มีราคาแตกต่างกันไปตามแพ็คเกจ
ใครที่อยากเข้าถึงความผ่อนคลายสไตล์ญี่ปุ่น บอกเลยว่าต้องมาลองแช่บ่อน้ำแร่ร้อนที่ “Let’s Relax Spa & Onsen Thong Lor” ดูสักครั้ง แล้วจะติดใจ
*****************************************
“Let’s Relax Spa & Onsen Thong Lor” ตั้งอยู่ที่ชั้น 5 โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยท์ สุขุมวิท 55 (ซอยทองหล่อ) ถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯ เปิดให้บริการทุกวันในเวลา 10.00-24.00 น. สอบถามโทร.0 2042 8045 ถึง 6 หรือ www.letsrelaxspa.com และ www.facebook.com/letsrelaxspa
*****************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com