พูดถึง จ.กระบี่ หลายคนคงต้องนึกถึงหาดทรายสีขาวนวลเม็ดละเอียดหรือท้องทะเลสีครามแน่ๆ แต่ จ.กระบี่ ไม่ได้มีดีแค่นั้น เพราะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายที่ คราวนี้ "ตะลอนเที่ยว" จะขอพาทุกคนไปรู้จักเส้นทางการเที่ยวกระบี่แบบไม่ต้องเหยียบทะเลกันบ้าง
เริ่มกันที่แรกก็คือ “สระมรกต” อ.คลองท่อม (ค่าเข้าชมคนไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท และชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท) ซึ่งอาจจะเป็นที่ที่หลายคนรู้จักและเคยมาเยือนกันแล้ว ที่นี่ก็เป็นเหมือนกับแลนด์มาร์กของ จ.กระบี่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาตินิยมแวะมาเล่นน้ำแช่ตัวกันอย่างสม่ำเสมอ
สระมรกตจะแอบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางป่าไม้ เราต้องเดินเท้าเข้าไปอีกเกือบ 1 กิโลเมตร จึงจะพบกับบ่อน้ำสีเขียวมรกตสมกับชื่อ มองแล้วสบายตาที่สำคัญน้ำยังเย็นสดชื่นสามารถลงไปแช่ตัวแหวกว่ายดับความร้อนระหว่างเดินเข้ามากันได้อย่างเต็มที่ แต่ในการเล่นน้ำต้องไม่กระโดดเด็ดขาดและต้องระวังลื่นก้นจ้ำเบ้ากันด้วย เพราะพื้นโดยรอบบริเวณจะเป็นหินที่มีตะไคร่น้ำเกาะจึงค่อนข้างจะลื่นอยู่มาก
ขากลับออกมาจากสระมรกต ระหว่างทางจะเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติชมความสมบูรณ์ของป่าดิบชื้น ที่มีพันธุ์ไม้หายากรวมทั้งนกที่หาดูยากอีกด้วย และจะพบกับ “สระแก้ว” ซึ่งน้ำในสระคือน้ำที่ไหลมาจากสระมรกต และมีความใสแจ๋วเหมือนแก้ว จึงได้ชื่อว่าสระแก้วนั่นเอง แต่สระนี้จะห้ามลงเล่นน้ำ เพราะน้ำลึกและมีโคลนดูด
หากใครยังแช่น้ำไม่ถึงใจก็มาต่อกันที่ “น้ำตกร้อน” อยู่ที่ อ. คลองท่อม เช่นกัน (ค่าเข้าชม คนไทย 20 บาทและชาวต่างชาติ 90 บาท) ที่นี่ก็เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเช่นกัน เป็นลักษณะของบ่อน้ำร้อนที่อยู่ระหว่างชั้นของน้ำตก ให้อารมณ์เหมือนเป็นการแช่น้ำร้อนกลางแจ้งท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม แต่ก็ไม่ควรนอนแช่เพลินจนนานเกิน 15-20 นาที เพราะอาจเป็นอันตรายได้
ส่วนใครที่ชอบพายเรือคายัคหรือชอบนั่งเรือชมความงามของหินงอกหินย้อยภายในถ้ำ ต้องไม่พลาดมาที่ “ถ้ำลอด-ถ้ำผีหัวโต” อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี อ.อ่าวลึก แต่ถ้ำลอดที่นี่จะมีความยาวไม่มากนัก จุดเด่นจึงมาอยู่ที่ “ถ้าผีหัวโต” หรือ “กะโหลกผี” ตามเรื่องเล่าเขาบอกว่า ในอดีตเคยพบกะโหลกศีรษะมนุษย์ที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติในถ้ำแห่งนี้ ชาวบ้านจึงมักเรียกว่า “ถ้ำหัวกะโหลก”
จุดเด่นที่น่าสนใจอีกอย่างคือ “พบภาพเขียนสีบนผนังและเพดานถ้ำ” ซึ่งเป็นภาพที่เขียนจากสีที่ได้จากเลือดสัตว์ผสมกับยางไม้ โดยรูปที่ชัดเจนและโดดเด่นที่สุดก็คือ รูปสัตว์มีเขายืนสองขาคล้ายคน หรืออาจจะมองว่าเป็นคนมีเขาก็ได้ตามแต่จินตนาการ อยู่บริเวณเพดานถ้ำนั่นเอง
มาชมความอัศจรรย์ของธรรมชาติต่อที่ “ท่าปอมคลองสองน้ำ” ต.เขาคราม อ.เมือง กันบ้าง (ค่าเข้าชม 20 บาท) เดินชมความงามของระบบนิเวศที่มีลำธารที่กำเนิดจากบ่อน้ำผุดไหบผ่านก่อนลงสู่ทะเลอันดามัน น้ำเย็นฉ่ำใสราวกับกระจกยาวเกือบ 5 กิโลเมตร พร้อมอากาศบริสุทธิ์สดชื่นปอด เส้นทางเดินสะดวกสบายยาวประมาณ 700 เมตร ใช้เวลาเดินร่วมๆ 45 นาที
ที่มาของคำว่า “คลองสองน้ำ” ก็คือ เวลาที่น้ำขึ้นจะเป็นน้ำเค็มและเมื่อน้ำลงจะเป็นน้ำจืด ท่าปอมแห่งนี้ยังเป็นจุดที่น้ำเค็มและน้ำจืดมาบรรจบกัน จนทำให้จุดบรรจบตรงนั้นน้ำจะกลายเป็นสองสี ความอัศจรรย์อีกอย่างก็คือ เป็นจุดบรรจบของ 3 พื้นป่า ได้แก่ ป่าพรุ ป่าดิบ และป่าชายเลนอีกด้วย
นอกจากไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแล้ว ก็อย่าลืมแวะนมัสการขอพรกับองค์เจ้าแม่กวนอิมกันที่ “วัดถ้ำเสือ” ที่ อ.เมือง เช่นกัน และที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกด้วย แต่ต้องเดินขึ้นบันได 1,237 ขั้นไปก่อนนะ ใครที่ชอบชมพระอาทิตย์ตกดิน ต้องไม่พลาดมาที่นี่เด็ดขาด
ปิดท้ายกันด้วยกินข้าวเย็นพร้อมชมการแสดง "มโนราห์ทะลุมิติ Illrumanorah Show" ที่ PAKA Show Park (ปาก้าโชว์พาร์ค) ที่นำเอาตำนานสุดคลาสิคอย่าง “มโนราห์” หรือ “โนรา” การแสดงพื้นเมืองของภาคใต้มาผสมผสานกับเทคนิคและแสงสีเสียงที่ทันสมัย ผ่านการเล่าเรื่องโดยทีมงานคุณภาพที่ผ่านการฝึกฝนมาจนชำนาญ
PAKA Show Park ตั้งอยู่ที่ ถ.ศรีตรัง ต.กระบี่ใหญ่ อ.เมือง โชว์นี้มีที่แรกและที่เดียวในประเทศไทย ซึ่งจะเปิดให้เข้าชมทุกวัน (ยกเว้น วันอังคาร) ตั้งแต่ 17.00 - 22.00 น. สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งโทร. 075 656 853
จ.กระบี่ ยังมีอีกหลายที่ที่น่าแวะเวียนไปถ่ายรูป เช่น จุดชมวิวที่อยู่ในตัวเมือง บริเวณนี้จะมีทั้งประติมากรรมปูดำ ประติมากรรมนกออก (นกอินทรีย์ทะเลท้องขาว) โดยจะเห็นวิวเขาขนาบน้ำอีกด้วย และที่สี่แยกโครมันยองหรือสี่แยกมนุษย์โบราณ นอกจากจะมีรูปปั้นสวยงามบนเสาไฟจราจรแล้ว ตรงจุดนี้จะมีโรตีชาชักเจ้าอร่อยน่าลองอีกด้วย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ผู้สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานกระบี่ (รับผิดชอบพื้นที่กระบี่ พังงา) โทร. 0 7562 2163
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com