เหตุระเบิด-ไฟไหม้ป่วนเมืองสถานที่ท่องเที่ยวหลายจุด ในหลายจังหวัด กระทบภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย ขณะเจ้าหน้าที่ยกระดับการรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญ-แหล่งท่องเที่ยว-สนามบิน
จากเหตุระเบิดป่วนเมืองที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายของวานนี้ (11 ส.ค. 59) บริเวณหน้าตลาดเซ็นเตอร์พ้อย ในเขตเทศบาลนครตรัง อ.เมือง จ.ตรัง หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกหลายครั้ง ทั้งเหตุระเบิดในย่านท่องเที่ยวของ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เหตุไฟไหม้ที่ตลาดนัดบางเนียง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เหตุไฟไหม้ย่านการค้า หาดอ่าวนาง จ.กระบี่ เหตุไฟไหม้ที่ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.นครศรีธรรมราช
ส่วนเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (12 ส.ค. 59) ก็มีเหตุระเบิดที่หน้าสถานีตำรวจน้ำ จ.สุราษฎร์ธานี เหตุระเบิดหน้าหาดโลมา และหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต เหตุระเบิดหน้าร้านอาหารใน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เหตุระเบิดและพบวัตถุต้องสงสัยบริเวณสถานีรถไฟหัวหินและหอนาฬิกา และวัดหัวหิน
เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นหลายจุดนี้ เกิดขึ้นในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดต่างๆ พล.อ อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เชื่อว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.ตรัง และ อ. หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีความเชื่อมโยงกัน ทั้งนี้ ยอมรับว่าเหตุดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว ความสงบเรียบร้อยและเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงในจุดอื่น
ด้านนายกฤษฏา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ออกคำสั่งด่วนกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับในพื้นที่เกิดเหตุรวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจวางมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก ย้ำให้ระมัดระวังพื้นที่ย่านชุมชน แหล่งท่องเที่ยว สถานบริการ และสถานที่ราชการ โดยเฉพาะการเน้นให้รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในจุดที่มีนักท่องเที่ยว
สำหรับสถานการณ์ล่าสุดในพื้นที่ต่างๆ ที่เกิดเหตุระเบิด ใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในวันนี้ศูนย์การค้าต่างๆ ปิดทำการ ปิดแหล่งท่องเที่ยวและตลาดโต้รุ่ง รวมถึงกำลังมีการพิจารณาว่าจะยกเลิกการจัดกิจกรรมวันแม่ในช่วงเย็นวันนี้ และกิจกรรมอื่นๆ ที่จะจัดขึ้นในช่วงวันหยุดยาว 3 วัน โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อย่างเข้มงวด
ส่วนในภาคใต้ ในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว มีการเพิ่มการดูแลความปลอดภัยให้มากขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ และที่สนามบินภูเก็ตสั่งให้มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะภายในและภายนอกอาคารผู้โดยสารและบริเวณโดยรอบ รวมทั้งให้มีการจัดเตรียมชุดเก็บกู้ระเบิดให้พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอื่นๆ ก็เริ่มมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดมากขึ้น ทั้งในแหล่องท่องเที่ยวที่พัทยา จ.ชลบุรี หรือในย่านราชประสงค์ กรุงเทพมหานคร
ทางด้าน นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ช่วงบ่ายวันนี้ตนจะเดินทางไปยังพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเยี่ยมผู้ป่วยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยขณะนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประสานความร่วมมือเพื่อเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป โดยมั่นใจว่าสถานการณ์นี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในช่วงไฮ-ซีซั่น เพราะยังคงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติยืนยันการเดินทางมาประเทศไทยเป็นจำนวนมากเช่นเดิม
ส่วน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ระเบิดในภาคใต้ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่ามีการเชื่อมโยงกับประเด็นเรื่องการลดความน่าเชื่อถือด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย เพราะหากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมีวัตถุประสงค์เช่นนั้นจริงควรสร้างสถานการณ์ในสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นจำนวนมากโดยมุ่งหวังชีวิตนักท่องเที่ยวเป็นหลัก ดังนั้นจึงควรรอบทสรุปจากหน่วยงานด้านมั่นคงอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง
โดย ททท. ได้จัดตั้งศูนย์ติดตามและประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวจากเหตุการณ์ระเบิดในภาคใต้ พร้อมมีการประสานงานกับสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 35 แห่งในประเทศไทยและ 27 แห่งทั่วโลก ในการจัดทำ Situation Update เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและชัดเจนแก่นักท่องเที่ยว
นายยุทธศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวของ ททท. ในพื้นที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วประเทศยังคงดำเนินไปตามปกติ เพียงแต่จะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น โดยคาดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาวการณ์ท่องเที่ยวไทยแต่อย่างใด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ถือว่ามีการเติบโตดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com