“ชุมพร”...เป็นประตูสู่ภาคใต้ที่มากไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ทั้งขุนเขา ป่าไม้ และทะเล
ทะเลชุมพรมีแนวหาดทรายยาวเลาะเลียบชายฝั่งอ่าวไทย นับจากเหนือจรดใต้ของจังหวัดยาวกว่า 222 กิโลเมตร ไล่เรียงไปตั้งแต่ อ.ปะทิว ถึง อ.ละแม พร้อมทั้งมีเกาะน้อย-ใหญ่กระจายตัวอยู่ในท้องทะเลชุมพรเป็นจำนวนมาก
และด้วยความโดดเด่นของจังหวัดชุมพรที่มีแนวชายฝั่งอ่าวไทยอันยาวเหยียด “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)” จึงคัดสรรให้ชุมพรเป็น 1 ใน 12 “เมืองต้องห้าม...พลาด” ภายใต้แนวคิด “หาดทรายสวยสี่ร้อยลี้” ที่น่าสนใจยิ่ง
ขณะที่“ระนอง”...ประตูสู่อันดามันจังหวัดที่อยู่ติดกับชุมพรนั้น ก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติของขุนเขา ป่าไม้ ท้องทะเล เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะกับน้ำแร่ ซึ่งระนองนั้นถือเป็นเมืองแห่งน้ำแร่ที่ดีที่สุดในเมืองไทย
นั่นจึงทำให้ในโครงการ “เมืองต้องห้าม...พลาดplus”(เมืองต้องห้ามพลาด...พลัส)แคมเปญท่องเที่ยวที่ต่อยอดความสำเร็จจากโครงการเมืองต้องห้าม...พลาด ของ ททท. จึงคัดเลือกระนองให้เป็นหนึ่งใน เมืองต้องห้าม...พลาดplus เชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวกับจังหวัดชุมพร เกิดเป็นเส้นทาง “ชุมพร plus ระนอง” ที่ต้องห้ามพลาดกับมนต์เสน่ห์ของ 2 เมือง 2 ทะเล อันสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ
ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ชุมพร
สำหรับผู้มาเยือนชุมพร เมืองต้องห้าม...พลาด หนึ่งในสิ่งที่ไม่ควรพลาดก็คือการไปสักการะรูปเคารพของ “พลเรือเอกพระบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์” หรือ “กรมหลวงชุมพรฯ” ที่ “ศาลกรมหลวงชุมพร” ที่ตั้งอยู่บริเวณหาดทรายรี อ.เมือง
กรมหลวงชุมพรฯ หรือที่หลายๆคนนิยมเรียกว่า“เสด็จเตี่ย” ทรงเป็นพระบิดาแห่งกองทัพเรือไทย หลังจากที่พระองค์ทรงลาออกจากราชการแล้วได้เสด็จมาประทับที่ จ.ชุมพร และสิ้นพระชนม์ด้วยพระโรคไข้หวัดใหญ่ที่บ้านหาดทรายรี
ต่อมาชาวชุมพรจึงได้สร้างอนุสรณ์สถานของพระองค์ขึ้นที่บริเวณหาดทรายรีแห่งนี้ ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญคู่บ้านคู่เมืองชุมพร อันเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทั่วไป ที่ศาลกรมหลวงชุมพรนอกจากจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่เดินทางมากราบไหว้ ขอพร บนบานศาลกล่าว และมาแก้บนกันไม่ได้ขาดแล้ว
นอกจากศาลกรมหลวงชุมพรแล้ว ชุมพรยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญๆ ได้แก่ “ศาลพ่อตาหินช้าง”หรือ“พ่อศรีหริมงคล” (อ.ท่าแซะ ริม ถ.เพชรเกษม กม.453) ประดิษฐานหินรูปช้างอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพศรัทธาของผู้เดินทางผ่านไป-มา, “วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย” (ต.บางลึก อ.เมือง) ภายในวัดประดิษฐานสรีระสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของ “หลวงปู่สงฆ์ จันฺทสโร” ผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์
และ “พระบรมธาตุสวี”แห่งวัดพระบรมธาตุสวี (ต.สวี อ.สวี) เป็นพระธาตุทรงระฆังอายุเก่าแก่ราว 700 ปี ถือเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองชุมพร ซึ่งหากใครผ่านไปแถวนั้นไม่ควรพลาดการไปกราบสักการะ
ขึ้นเขา ชมวิว ดูเหยี่ยว
หลังชวนไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญๆกันแล้ว ลำดับต่อไป “ตะลอนเที่ยว” จะชวนไปขึ้นเขาชมวิวชุมพรมุมสูงกันที่ “เขามัทรี” ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ปากน้ำชุมพร อ.เมือง ซึ่งถือเป็นจุดชมวิวต้องห้ามพลาดแห่งเมืองชุมพร
เขามัทรี เป็นภูเขาขนาดย่อมที่อยู่ติดกับทะเลอ่าวไทย บนยอดเขามีลานชมวิวประดิษฐาน“องค์เจ้าแม่กวนอิมพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร” บนนี้สามารถชมวิวได้รอบทิศแบบ 360 องศา ด้านหนึ่งมองเห็นปากน้ำชุมพร วิถีชุมชน ท่าเทียบเรือ ส่วนอีกด้านหนึ่งมองเห็นวิวทิวทัศน์ของชายหาดภราดรภาพกับเวิ้งหาดอันสวยงาม
บนเขามัทรียังมีร้าน “ตี๋บ้านนก” เป็นอีกจุดไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งกินรังนก เครื่องดื่ม ชมวิว ถ่ายรูปและเซลฟี่กันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะมุมระเบียงชมวิวของร้านที่สร้างยื่นออกไปกลางอากาศ สามารถมองเห็นวิวปากน้ำชุมพรอันสวยงามได้อย่างชัดเจน
ชุมพรยังมีขุนเขาที่เป็นจุดชมวิวสำคัญอีกหนึ่งลูกคือ “เขาดินสอ”(อ.ปะทิว) ที่มีจุดชมวิวให้เลือกชมได้ทั้งบริเวณใกล้กับลานจอดรถและด้านบนเขา โดยเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอ่าวสามอ่าวได้แก่ อ่าวบางสน อ่าวสะพลี หาดทุ่งวัวแล่น และอ่าวทุ่งคาสวีที่เห็นไกลอยู่ลิบๆ
นอกจากเป็นจุดชมวิวชั้นดีแล้ว เขาดินสอยังเป็นจุดชมเหยี่ยวอพยพที่หนีหนาวมาจากซีกโลกเหนือ ในระหว่างช่วงปลายเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม ซึ่งจะมีเหยี่ยวอพยพบินถลาโฉบเฉี่ยวให้ชมกันเป็นจำนวนมาก จนเกิดเป็นกิจกรรม“ส่องกล้องมองเหยี่ยว”อันขึ้นชื่อ
หาดทรายสวยสี่ร้อยลี้
จากขึ้นเขา เราไปลงทะเลสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของเมือง“หาดทรายสวยสี่ร้อยลี้” ผ่านหาดทรายชายทะเลอันโดดเด่นที่มีกระจายตัวอยู่ทั่วไปตามแนวชายฝั่งอ่าวไทยจังหวัดชุมพร
เริ่มกันที่ “หาดบางเบิด”(บ้านถ้ำธง ต.ปากคลอง อ.ปะทิว) ที่ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์กับจังหวัดชุมพร เป็นแนวสันทรายมหัศจรรย์(Sand Dune) เกิดจากสายลมพัดพาฝุ่นทรายละเอียดยิบมาทับถมกันจนเกิดเป็นแนวภูเขาสันทรายขนาดใหญ่สูง 10-20 เมตร ยาวกว่า 10 กม. นับเป็นหาดมหัศจรรย์หนึ่งเดียวในเมืองไทย อีกทั้งยังมีเพียงไม่กี่แห่งในโลก
ยังคงอยู่กับชายหาดงามของ อ.ปะทิวกับ “หาดถ้ำธง”ที่เป็นแนวชายหาดต่อเนื่องมาจากหาดบางเบิด มีชายหาดสีเหลืองนวลทรายเนื้อละเอียดยาวประมาณ 5 กม. ส่วนถัดลงมาอีกมี“อ่าวทุ่งซาง”เป็นอีกหนึ่งตัวชูโรงกับเวิ้งอ่าวที่ค่อนข้างเงียบสงบ มีน้ำทะเลใสแจ๋ว ชวนให้ลงแหวกว่ายเล่นน้ำเป็นยิ่งนัก
ส่วน“หาดทุ่งวัวแล่น” อ.ปะทิว เป็นชายหาดดังที่สุด และได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดของชุมพร กับแนวหาดทรายยาวขาวละเอียด น้ำทะเลสวยใส อีกทั้งยังมีแนวทิวมะพร้าวหลากหลายรูปทรงทอดตัวเติมเต็มองค์ประกอบในความงาม นับเป็นหาดไฮไลต์แห่งทะเลชุมพรที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
“หาดทรายรี” (อ.เมือง) ถือเป็นอีกหนึ่งหาดดังของ จ.ชุมพร กับแนวชายหาดโค้งยาวขาวเนียน รวมถึงยังเป็นที่ตั้งของศาลกรมหลวงชุมพร ที่เป็นจุดชมวิวชั้นดี สามารถมองลงไปเห็นวิวทิวทัศน์ของหาดทรายรีที่ทอดตัวโค้งยาวได้อย่างสวยงาม
ลงมาทางตอนใต้ของชุมพรไปสัมผัสกับ“ปากน้ำหลังสวน” อ.หลังสวน ที่เป็นหาดทรายสีทองอำพัน มีบรรยากาศชวนพักผ่อนหย่อนใจ อีกทั้งยังมี“เรือจักรีนฤเบศรจำลอง” ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวสำคัญ ภายในเรือมีรูปเคารพกรมหลวงชุมพรฯ ให้สักการบูชา
จาก อ.หลังสวน ลงมาสู่ อ.ละแม ที่อยู่ใต้สุดของ จ.ชุมพร ที่นี่มี “หาดตะวันฉาย” เป็นหาดชื่อดังกับแนวชายหาดกว้างที่ทอดตัวยาวไกลขนานไปกับทิวมะพร้าว เหมาะสำหรับการพักผ่อน ชมวิถีชีวิตชาวประมง และสัมผัสกับบรรยากาศยามเย็นเมื่อตะวันทอแสง หาดทรายที่นี่จะกลายเป็นสีทองงดงามสมชื่อ“หาดตะวันฉาย”
เที่ยวเกาะ ดำน้ำ
ทะเลชุมพรไม่ได้มีความสวยงามเฉพาะหาดทรายชายทะเลเท่านั้น หากแต่ยังมีหมู่เกาะน้อย-ใหญ่ และโลกใต้ทะเลอันสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของท้องทะเลแห่งนี้
ท้องทะเลชุมพร(ที่ส่วนใหญ่อยู่ในการดูแลของ“อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร”) ประกอบด้วย เกาะน้อย-ใหญ่ มากกว่า 40 เกาะ หลายต่อหลายเกาะถูกธรรมชาติสร้างสรรค์จนเกิดเป็นเกาะที่มีรูปร่างสวยงามแปลกตา
ขณะที่โลกใต้ท้องทะเลชุมพรนั้นถือเป็นแหล่งดำน้ำชั้นดี มีแนวปะการังและพันธุ์ปลาอันหลากหลาย มีการพบพรมทะเล(Zooandthid) ถ้วยทะเล(Corallimorph) และดงดอกไม้ทะเล(Sea Anemone)จำนวนมาก จนได้ชื่อว่าเป็นแหล่งดอกไม้ทะเลขนาดใหญ่ที่สุดในอ่าวไทย
นอกจากนี้ท้องทะเลชุมพร ยังเป็นอีกหนึ่งแหล่งที่มีโอกาสพบเห็น“ฉลามวาฬ” ยักษ์ใหญ่ใจดีแห่งท้องทะเลได้บ่อยครั้ง อีกทั้งทะเลชุมพรยังเป็นแหล่งอนุรักษ์เพาะพันธุ์ “หอยมือเสือ” อีกหนึ่งสัตว์ทะเลใกล้สูญพันธุ์ให้ดำรงคงอยู่คู่ท้องทะเลไทย
สำหรับหนึ่งในจุดดำน้ำสำคัญของทะเลชุมพรนั้นอยู่ที่ “เกาะง่ามใหญ่ เกาะง่ามน้อย” 2 เกาะง่ามที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน
เกาะง่ามใหญ่ไม่เปิดให้คนทั่วไปขึ้นเกาะ เพราะเป็นเกาะสัมปทานรังนก แต่ก็อนุญาตให้นักท่องเที่ยวนั่งเรือเที่ยวชมรอบๆเกาะ และดำน้ำชมความงามของโลกใต้ทะเลในบริเวณเกาะได้
เกาะง่ามใหญ่เป็นเกาะหินผาสูงชัน ไม่มีชายหาด ด้านหนึ่งของเกาะมี“ฝ่ามือพระพุทธเจ้า” เป็นผาหินรูปร่างประหลาดดูคล้ายฝ่ามือขนาดใหญ่ ดูน่าอัศจรรย์ นอกจากนี้ก็ยังมี “หินเจดีย์” เป็นกองหินกลางทะเลรูปร่างคล้ายเจดีย์
บริเวณหินเจดีย์ถือเป็นจุดดำน้ำตื้นชั้นดี มี“ดอกไม้ทะเล” ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมากดูสวยงามละลานตา ยามที่เหล่าดอกไม้ทะเลเหล่านี้พลิ้วไหวโยกตัวส่ายไปมาตามกระแสคลื่น มันดูคล้ายการเต้นระบำที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของธรรมชาติอันชวนทึ่งและน่าประทับใจกระไรปานนั้น
จากเกาะง่ามใหญ่เราไปดำน้ำต่อที่เกาะง่ามน้อยที่อยู่ใกล้ๆกัน เป็นเกาะสัมปทานรังนกเหมือนกัน และก็มีโลกใต้ทะเลที่มีความสวยงามไม่แตกต่างกัน สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้มาดำน้ำที่นี่ได้เป็นอย่างดี
นอกจากเกาะง่ามใหญ่ ง่ามน้อยแล้ว ท้องทะเลชุมพรยังมีจุดดำน้ำตื้นอันน่าสนใจอยู่ที่เกาะทองหลาง เกาะมาตรา(มัตรา) เกาะรังกาจิว(ลังกาจิว) เกาะแรด เกาะไข่ เกาะทะลุ และเกาะกุลา เป็นต้น
นับได้ว่าท้องทะเลชุมพรทั้งเหนือน้ำและใต้น้ำเป็นหนึ่งในมนต์เสน่ห์ต้องห้ามพลาด สำหรับผู้มาเยือนชุมพร ที่เราทุกคนต้องช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลอันทรงคุณค่าเหล่านี้ให้อยู่ท้องทะเลไทย และอยู่คู่โลกไปตราบนานเท่านาน
กระบุรี
จากจังหวัดชุมพร “ตะลอนเที่ยว” ออกเดินทางต่อไปยังจังหวัดระนอง ประตูสู่อันดามัน เพื่อไปสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของเมืองน้ำแร่อันเลื่องชื่อ ที่วันนี้พ่วงดีกรี“เมืองต้องห้าม...พลาด plus” เข้าไปอีกหนึ่งตำแหน่ง
สำหรับเส้นทางจากชุมพรสู่ระนองที่สำคัญคือ มาจากสี่แยกปฐมพรในจังหวัดชุมพรแล้วเลี้ยวขวาสู่จังหวัดระนอง ก็จะเข้าสู่ด่านแรกของประตูสู่อันดามันที่ อ.กระบุรี จ.ระนอง
อ.กระบุรี มี“คอคอดกระ” ซึ่งเป็นส่วนแคบที่สุดของแหลมมลายู แคบประมาณ 50 กม. เป็นจุดท่องเที่ยวอันโดดเด่นและเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของอาเซียน
นอกจากนี้ อ.กระบุรียังมีสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ อาทิ “ศิลาจารึกสลักพระปรมาภิไธย จปร.”(หินสลัก จปร.), “ถ้ำพระขยางค์”, “น้ำตกบกกราย”, กิจกรรม“ล่องแพ แลวิถีไทย-เมียนมาร์” ท่องลำน้ำกระบุรี ของชาวชุมชนบ้านปากจั่น และ“พุทธสุวรรณเจดีย์” ที่ตั้งอยู่ที่“วัดสุวรรณคีรี” ซึ่งเป็นเจดีย์ที่จำลองแบบจากพระมหาเจดีย์ชเวดากองที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์(พม่า) ซึ่งทางวัดสามารถสร้างออกมาได้อย่างสวยงามและเหมือนต้นฉบับมากที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย
เสน่ห์เมืองระนอง
จาก อ.กระบุรี เมื่อเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองระนองก็จะได้สัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆภายในตัวเมือง นำโดย “พระราชวังรัตนรังสรรค์”(จำลอง) ที่สร้างด้วยไม้สักและไม้ตะเคียนทองอย่างสวยงาม สมส่วน
พระราชวังรัตนรังสรรค์(จำลอง) ยังคงรักษาบรรยากาศของพระราชวังเดิมเอาไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นห้องบรรทมของรัชกาลที่ 5 ห้องบรรทมของพระราชินีและพระราชโอรส พระราชธิดา ห้องทรงพระอักษร เป็นต้น เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้ชนรุ่นหลังได้ชื่นชมความงามและรับรู้ถึงความสำคัญของสถานที่แห่งนี้ซึ่งครั้งหนึ่ง เคยเป็นที่ประทับรับเสด็จพระมหากษัตริย์ไทยถึง 3 พระองค์ คือ ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7
ขณะที่“จวนเจ้าเมืองระนอง”ที่อยู่ไมไกลกันนั้นก็ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่น่าสนใจในตัวเมืองระนอง จวนเจ้าเมืองระนอง สร้างขึ้นใน ปี พ.ศ. 2420 ในสมัยของพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอ ซู้ เจียง)เจ้าเมืองระนองคนแรกและเป็นต้นสกุล ณ ระนอง โดยผู้สร้างคือลูกชายของท่าน หรือพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอ ซิม ก๊อง)
จวนเจ้าเมืองระนองเดิมเป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้หลังแฝด 3 หลังเชื่อมต่อกันด้วยระเบียง แต่ปัจจุบันอาคาร 2 หลังที่อยู่ด้านริมได้ผุพังไปเหลือเพียงเสาและพื้นหินไว้ให้เห็น ส่วนเรือนหลังกลางที่ยังหลงเหลืออยู่ได้ปรับปรุงทำเป็นศาลบรรพบุรุษ เปิดให้ผู้สนใจได้เข้าไปเที่ยวชม
ภายในจวนเจ้าเมือง(เรือนหลังกลาง)มีป้ายวิญญาณบรรพบุรุษ ภาพถ่ายของคนในตระกูล ณ ระนอง และสิ่งของเครื่องใช้ของเจ้าเมืองระนองคนแรก และข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ต่างๆไว้ให้ชมกัน นอกจากนี้ที่ด้านบนประตูทางเข้าเรือน มีป้ายแผ่นไม้สีทองเขียนสีดำอักษรจีน อ่านว่า เกา-หยัง แปลว่า ดวงตะวันอันสูงส่ง ตัวอักษรเล็กๆมุมด้านซ้ายมีความหมายว่า บ้านหลังนี้มากไปด้วยแก้วแหวนเงินทอง บ้านหลังนี้มากไปด้วยขุนนาง
เรื่องราวของเจ้าเมืองระนองยังมีอีกหนึ่งจุดน่าสนใจให้เที่ยวชมกันนั่นก็คือ“สุสานเจ้าเมืองระนอง” ที่ตั้งอยู่บนเขาระฆังทอง(ต.บางนอน) เป็นสุสานแบบจีนที่ฝังศพของพระยารัตนเศรษฐี (คอ ซู้ เจียง)
บริเวณสุสานมีตุ๊กตาหินแกรนิตโบราณจากประเทศจีนตั้งประดับ ประกอบด้วยรูปขุนนางจีนฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋น 2 คน รูปม้า 2 ตัว หมายถึง บริวารข้าทาส รูปเสือ 2 ตัว หมายถึง อำนาจบารมี และรูปแพะ 2 ตัว หมายถึง ทรัพย์สมบัติ ด้านหลังของสุสานมีลักษณะเหมือนกระดองเต่าหมายถึงความมีอายุยืน ส่วนด้านบนมีสัญลักษณ์รูปหยินหยางของจีนดูโดดเด่นสวยงาม นับเป็นอีกหนึ่งจุดไม่ควรพลาดสำหรับผู้ไปเยือนเมืองระนอง
ระนองออนเซ็น
เสน่ห์ไม่ควรพลาดสำหรับผู้มาเยือนระนองก็คือการแช่“น้ำแร่”เพื่อผ่อนคลาย บำบัดสุขภาพ เนื่องจากระนองเป็นเมืองที่อุดมไปด้วยแหล่งน้ำแร่อันหลากหลาย จนถูกยกให้เป็นเมืองแห่งน้ำแร่กับฉายา“ระนองออนเซ็น” อันขึ้นชื่อของเมืองไทย
น้ำแร่ระนองปราศจากกลิ่นกำมะถัน ได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพดีติดอันดับต้นๆของโลก
สำหรับใครที่อยากแช่น้ำแร่ในบรรยากาศออนเซ็นท่ามกลางธรรมชาติของแมกไม้อันร่มรื่น ขอแนะนำที่ “บ่อน้ำร้อนพรรั้ง”(บ้านพรรั้ง ต.บางริ้น อ. เมือง) เป็นบ่อน้ำแร่ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว ซึ่งได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันสวยงาม
บ่อน้ำร้อนพรรั้ง มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 55 องศาเซลเซียส มีทั้งบ่อน้ำแร่ร้อนที่สร้างขึ้นเพื่อให้แช่ตัวในแบบบ่อแช่รวมและบ่อส่วนตัว รวมถึงมีลำธารน้ำตามธรรมชาติให้ลงไปแช่ตัวและเล่นน้ำ นอกจากนี้ก็ยังมี“สปาปลาบำบัด”ตามธรรมชาติ ในลำธารน้ำให้เราได้แช่เท้าให้เหล่าปลา(พลวง)ตัวน้อยๆมาตอดเท้าเพื่อสุขภาพกันอีกด้วย
จากบ่อน้ำร้อนพรรั้ง มาถึงบ่อน้ำแร่ยอดฮิตประจำเมืองระนอง คือ “บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน” ที่ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะรักษะวาริน ในใจกลางเมือง
บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 65 องศาเซลเซียส ประกอบด้วย บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูก ทุกๆวันจะมีชาวระนองและนักท่องเที่ยวเดินทางมาแช่ตัว แช่เท้า ในบ่อน้ำแร่ที่สวนสาธารณะรักษะวารินกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็มีทั้งบ่อน้ำแร่ที่เปิดให้บริการแช่ฟรี กับบ่อน้ำแร่ที่เก็บเงินค่าบริการในพื้นที่ที่สวยงามและค่อนข้างเป็นส่วนตัว
ที่สวนสาธารณะรักษะวารินยังมี “ลานสุขภาพ” เป็นลานปูนกว้างขวาง ด้านใต้มีไอความร้อนจากธารน้ำแร่พวยพุ่งผุดขึ้นมา ให้เราได้ไปนอน นั่งเหยียดแข้งเหยียดขา ทำโยคะ บำบัดสุขภาพจากไอร้อนของน้ำแร่
นอกจากบ่อน้ำร้อนพรรั้งและบ่อน้ำร้อนรักษะวาริน ในระนองยังมีแหล่งน้ำแร่สำคัญๆ อาทิ “บ่อน้ำแร่ร้อนคลองบางริ้น”(ต.บางริ้น อ.เมือง) “แหล่งน้ำแร่ร้อนค่ายรัตนรังสรรค์”(ในค่ายรัตนรังสรรค์ (ร.25 พัน 2) ต.ราชกรูด อ. เมือง),“แหล่งน้ำแร่ร้อนบ้านหาดยาย”(ในเขตหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี ต.บางพระเหนือ อ.ละอุ่น)
รวมถึงมีสถานที่ให้บริการเกี่ยวกับสปาน้ำแร่ อย่างเช่น “ศูนย์ธาราบำบัด”(ในโรงพยาบาลระนอง), “สยามฮอทสปา”(อยู่ตรงข้ามสวนสาธารณะรักษะวาริน) และออนเซ็นในสถานที่พักแรมต่างๆ
นับได้ว่าน้ำแร่ระนองหรือออนเซ็น คือความโดดเด่นแตกต่างของจังหวัดระนอง อันชวนให้เราไปนั่งแช่น้ำแร่ บำบัด ผ่อนคลาย ให้สุขภาพดี๊ดีที่ระนองกัน
ธรรมชาติงาม
ระนองได้ชื่อว่าเป็นเมือง “ฝนแปด แดดสี่” ที่มีธรรมชาติของขุนเขา ป่าไม้ อันอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีน้ำตกที่หลากหลาย นำโดย“น้ำตกหงาว”(ต.หงาว อ.เมือง)ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว
น้ำตกหงาวเป็นน้ำตกที่ไหลแผ่สยายลงมาจากเขาสูงชัน สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล ตัวน้ำตกมีความสวยงามร่มรื่น โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนน้ำตกหงาวจะมีปริมาณน้ำมากที่สุดและดูสวยที่สุด
บริเวณน้ำตกหงาวมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เดินลัดเลาะสัมผัสสายน้ำและผืนป่า ทั้งยังมีกล้วยไม้ “เอื้องเงินหลวง” หรือ “ดอกโกมาซุม” ที่เป็นดอกไม้ประจำจังหวัดระนอง รวมถึงมี“ปูเจ้าฟ้า” ปูน้ำจืดที่สวยงามและหายากพันธุ์หนึ่งของเมืองไทย
ขณะที่ฝั่งตรงข้ามกับน้ำตกหงาวเป็นที่ตั้งของภูเขาหญ้า ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวอันโดดเด่นของ จ.ระนอง ภูเขาหญ้าเป็นภูเขาเตี้ยๆลูกเล็กๆที่มีความแปลกตรงที่แทบไม่มีต้นไม้ขึ้น มีแต่ต้นหญ้าขึ้นเต็มไปทั่วบริเวณ ยามหน้าฝนภูเขาหญ้าและบริเวณโดยรอบจะเป็นสีเขียวขจี ส่วนในหน้าแล้งภูเขาหญ้าจะมีสีเหลืองทอง ดูสวยงามแตกต่างกันไป
นอกจากน้ำตกหงาวแล้ว ระนองยังมีน้ำตกเด่นๆ เช่น “น้ำตกพันเมตร”แห่งคลองนาคา(อ.สุขสำราญ)เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากยอดเขาเหมืองโซนในแนวดิ่ง แบ่งเป็น 9 ชั้น แต่ละชั้นมีความสูงนับร้อยเมตร ขณะที่ความสูงของน้ำตกโดยรวมสูงถึงประมาณ 1 กม. จึงได้ชื่อว่าน้ำตกพันเมตร, “น้ำตกโตนเพชร”(อ.เมือง) น้ำตกขนาดใหญ่มีสายน้ำไหลลดหลั่นกันมามากถึง 11 ชั้น และ “น้ำตกปุญญบาล”(ต.บางนอน อ.เมือง)ตั้งอยู่ริมถนน ทางหลวงหมายเลข 4 สูงประมาณ 20 เมตร รอบบริเวณมีความร่มรื่น ถือเป็นจุดแวะเที่ยว แวะพักรถที่สำคัญ นับเป็นอีกอีกหนึ่งน้ำตกชื่อดังของระนอง
ระนองยังมีธรรมชาติสำคัญของพื้นที่ชายฝั่งอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือผืนป่าชายเลนขนาดใหญ่ โดยมี “ศูนย์วิจัยป่าชายเลนหงาว” หรือ “ศูนย์วิจัยป่าชายเลนระนอง” ที่นิยมเรียกสั้นๆว่า “ป่าชายเลนหงาว”
ป่าชายเลนหงาวมีพื้นที่กว้างขวางนับแสนไร่ กระจายตัวบริเวณปากแม่น้ำกระบุรี โดยมีเส้นทางท่องเที่ยวสำคัญอยู่ 2 จุดด้วยกัน
จุดแรก คือ สวนรุกขชาติป่าชายเลน มีสะพานทางเดินศึกษาธรรมชาติทอดตัวยาวไปในผืนป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ มากไปด้วยพืชพันธุ์ไม้และสรรพสัตว์นานาชนิด
ส่วนจุดสอง คือ บริเวณป่าชายเลนหาดทรายขาว ที่เต็มไปด้วยต้นโกงกางขนาดใหญ่ พร้อมทั้งมีไฮไลท์เป็นต้นโกงกางยักษ์ อายุประมาณ 200 ปี มีความสูงกว่า 25 เมตร มีเส้นรอบวงถึง 2 เมตร จนได้รับฉายาเรียกขานว่าเป็น“ปู่โกงกาง” ซึ่งสันนิษฐานว่านี่น่าจะเป็นต้นโกงกางที่มีขนาดใหญ่และมีอายุมากที่สุดในเมืองไทย
นอกจากนี้ในบริเวณนี้ยังมีเส้นทางนั่งเรือชมผืนป่าชายเลน ชมวิถีชีวิตการทำประมงพื้นบ้าน การเลี้ยงปู ปลา ในกระชัง เป็นต้น
ด้วยความโดดเด่นของป่าชายเลนหงาว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพและมีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย องค์การยูเนสโกจึงประกาศให้ป่าชายเลนหงาวเป็น “พื้นที่สงวนชีวมณฑล ระนอง” ใน พ.ศ. 2540 (เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลประเภทป่าชายเลนแห่งแรกของโลก)
ขณะที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ก็ได้คัดเลือกศูนย์วิจัยป่าชายเลนหงาว เป็นหนึ่งในผู้คว้ารางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หรือ รางวัลกินรี ประเภทแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศดีเด่น ในปี พ.ศ. 2547
ทะเลระนอง ต้องห้ามพลาด
ระนองเป็นประตูสู่อันดามัน เป็นจังหวัดแรกของภาคใต้ที่มีพื้นที่ติดกับทะเลอันดามัน(เหนือ) ตรงบริเวณจุดท่องเที่ยวคอคอดกระ อ.กระบุรี
ทะเลระนองแบ่งเป็น 3 ช่วง คือ ตอนบน ตอนกลาง และตอนล่าง
ทะเลระนองตอนบนมีปากน้ำระนอง เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกชั้นดี ฝั่งตรงข้ามมองไปเห็นประเทศเมียนมาร์ได้อย่างชัดเจน
ทะเลระนองตอนกลาง มีเกาะพยาม เกาะช้าง เป็น 2 เกาะชูโรง โดยเกาะช้าง จัดเป็นเกาะแห่งวิถีชุมชน ที่บนเกาะมีการทำสวนยางพาราและทำสวนกาหยูหรือมะม่วงหิมพานต์ที่เป็นหนึ่งในกาหยูพันธุ์ดีที่สุดในเมืองไทย ที่พักบนเกาะส่วนใหญ่เป็นโฮมสเตย์อันเรียบง่าย บนเกาะช้างยังมีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก นักท่องเที่ยวมีโอกาสพบ “นกแก๊ก” หรือนกเงือกพันธุ์เล็กบินอวดโฉมได้ไม่ยาก
ขณะที่เกาะพยามนั้นถือเป็นเพชรน้ำงามแห่งทะเลระนอง ได้ชื่อว่าเป็น “มัลดีฟส์เมืองไทย” ที่กำลังโตวันโตคืนทางการท่องเที่ยว บนเกาะมีที่พักหลากหลายให้เลือกพัก ทั้งบังกะโล เกสต์เฮาส์ ราคาประหยัด และที่พักระดับไฮเอนด์ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเลือกมาเที่ยวแบบวันเดย์ทริปไปเช้า-เย็นกลับ หรือเลือกพักค้างบนเกาะ เพื่อซึมซับกับบรรยากาศแห่งท้องทะเลอย่างเต็มที่
เกาะพยามมีหาดทรายชายทะเลสวยงามๆให้เลือกเที่ยวกันหลายจุด ไม่ว่าจะเป็น อ่าวเขาควาย หาดทรายขาว หาดทรายแดง หินทะลุ อ่าวกวางปีบ แหลมหรั่ง อ่าวใหญ่ โบสถ์กลางทะเล อีกทั้งยังมีป่าชายเลนที่สมบูรณ์ บนเกาะพยามมีกิจกรรมให้เลือกทำหลากหลาย ทั้งการออกเรือไปดำน้ำดูปะการัง นั่งชิลชิลรับลม ฟังเสียงคลื่นอยู่ริมทะเล พายคายัคท่องทะเล ชมป่าชายเลน ชมวิถีชีวิตชาวบ้าน ปั่นจักรยานเที่ยวชมเสน่ห์อันเรียบง่ายของเกาะ
ส่วนทะเลระนองตอนล่าง วันนี้กำลังมาแรงกับกลุ่ม “หมู่เกาะกำและเกาะค้างคาว” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น“หมู่เกาะหลงยุค” เพราะยังคงสภาพธรรมชาติอันพิสุทธ์ของเกาะต่างๆเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
หมู่เกาะกำ(อ.สุขสำราญ) ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่“อุทยานแห่งชาติแหลมสน” ประกอบด้วยเกาะต่างๆอันหลากหลาย อาทิ เกาะกำใหญ่ กำนุ้ย กำใต้ กำกลาง(เกาะญี่ปุ่น) เกาะนมสาว(เกาะล้าน) และ “เกาะกำตก” หรือ “อ่าวเขาควาย” ที่มีชายหาดขนาบทั้ง 2 ฝั่งของเกาะ โดยมี“อ่าวเขาควาย” เป็นไฮไลต์สำคัญของเกาะ
อ่าวเขาควาย เป็นอ่าวโค้งครึ่งวงกลมคล้ายเขาควาย มีหาดทรายสวยงามขาวเนียน ทรายละเอียด น้ำทะเลสวยใส เหมาะแก่การลงแหวกว่ายเล่นน้ำเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่หาดอีกฝั่งก็เป็นหาดทรายยาวสะอาด พื้นทรายมีสีออกเหลืองนิดๆให้ความรู้สึกสวยงามแตกต่างกันไป
นอกจากนี้บนเกาะกำตกยังมีจุดชมวิวที่เมื่อมองลงมาจะเห็นอ่าวเขาควายในมุมสูง ทอดตัวโค้งยาวท่ามกลางน้ำทะเลสีสวย ดูแล้วสบายตาเพลินใจเป็นยิ่งนัก
ด้านเกาะค้างคาว(อ.กะเปอร์)ที่อยู่เหนือเกาะกำตกขึ้นไป เกาะค้างคาวน่ายลไปด้วยน้ำทะเลสวยใสแจ๋ว ค่อยไล่โทนจากน้ำตื้น สีเขียวอ่อน ฟ้าอ่อน ไปสู่สีน้ำเงินเข้มของน้ำทะลึก โดยมีจุดดำน้ำตื้นบริเวณหัวเกาะ
บนเกาะค้างคาวมีหาดงาม 2 ในรูปแบบ คือ “หาดทราย” และ “หาดหิน” ซึ่งสามารถเดินเที่ยวถึงกันได้
หาดทรายที่นี่เป็นทรายที่เกิดจากการย่อยสลายของปะการัง มีแนวหาดทรายยาว พื้นทรายขาวสะอาด เนื้อทรายละเอียดยิบดุจดังแป้ง ยามเดินจะเนียนแน่นนุ่มเท้า
ส่วนหาดหินเกาะค้างคาว นั้นมากไปด้วยหินกลมมนสีสันอ่อนๆอันสวยงาม จนบริเวณนี้ได้รับการเรียกขานให้เป็น “หาดหินงาม” ที่ถือเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นและแตกต่างของเกาะค้างคาว ซึ่งวันนี้ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ที่กำลังมาแรงมากของจังหวัดระนอง
ระนองนอกจากจะมีทะเลอันสวยงามแล้ว วันนี้หลังเปิด AEC ระนองยังเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญไปสู่ท้องทะเลเมียนมาร์ โดยเฉพาะในหมู่เกาะมะริดที่มี“เกาะค๊อกคอม”หรือ“เกาะหัวใจมรกต”เป็นไฮไลต์สำคัญ ขณะที่เกาะน่าสนใจอื่นๆนั้นก็อย่างเช่น เกาะย่านเชือก เกาะดอกไม้ เกาะมุเตา เกาะหินแพ เป็นต้น ซึ่งที่ทะเลมะริดนั้นนอกจากจะมีแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์แล้ว ยังมีโอกาสพบสัตว์ทะเลหายาก อย่างเช่น กระเบนปีศาจฝูงใหญ่ กระเบนราหู วาฬสีน้ำเงิน ฯลฯ
และนี่ก็คือสิ่งน่าสนใจเด่นๆแห่งเส้นทาง “ชุมพร plus ระนอง” ที่มากไปด้วยบรรยากาศของ 2 เมือง 2 ทะเล ซึ่งเป็นเสน่ห์ดึงดูดสำคัญอันน่าประทับใจ ชวนให้เราเดินทางไปคนหา
และชวนให้เราหลงรักประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
******************************************
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดของสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในเส้นทางเมืองต้องห้าม...พลาด plus “ชุมพร plus ระนอง” ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานชุมพร(พื้นที่รับผิดชอบชุมพร ระนอง) โทร. 0-7750-2775-6, 0-7750-1831
*****************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com